เมื่อเวลา 01.45 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ต.จรูญ สังขารา พนักงานสอบสวน (สบ.1) สน.ปทุมวัน รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถเก๋งเสียหลักพุ่งชนรั้วกั้นเกาะกลางถนนพญาไท บริเวณด้านหน้าสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตอุเทนถวาย แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.ปทุมวัน และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุอยู่ช่องทางขวาสุดของถนนดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบรถสปอร์ต ยี่ห้อปอร์เช่ 911 เทอร์โบ เอส สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน พจ-911 กทม.สภาพพังยับเยิน โดยล้อหน้าและล้อหลังฝั่งซ้ายปีนอยู่บนเกาะกลางถนน ตัวถังรถฝั่งซ้ายกระแทกกับกั้นเกาะกลางถนนจนพังยับเยิน กระจกหน้าหลุดกระเด็นออกมากองอยู่ที่พื้นทั้งบาน ส่วนกระจกด้านอื่นๆแตกกระจายอยู่ทั่วพื้นถนน นอกจากนี้ยังมีน้ำมันไหลเจิ่งนองพื้นถนนจนส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่พบผู้บาดเจ็บเป็นชายติดอยู่ในซากรถคันดังกล่าว บริเวณที่นั่งฝั่งคนขับ แต่อาการไม่สาหัสมากเนื่องจากถุงลมนิรภัยทำงาน จึงรีบช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลจุฬาฯ ทราบชื่อต่อมาคือ นายสรรคนนท์ จิราธิวัฒน์ หรือ เอท อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118/3 ซอยศาลาแดง ซอย 1 แขวงสีลม เขตบางรัก เป็นผู้จัดการฝ่ายบริหารบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด ในเครือ "เซ็นทรัล"และเป็นลูกชายของนายสุทธิเดช จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและบริหารโครงการก่อสร้าง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด
จากการสอบถามนายเรืองชัย ภิภักกิจ รปภ.ของหอพักนิสิตชายจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับจุดเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุขณะที่ตนเข้าเวรยามอยู่หน้าหอพักนิสิตชาย ก็เห็นรถสปอร์ตคันดังกล่าว ขับแข่งกับรถแท็กซี่สีส้มมาจากทางสี่แยกปทุมวันด้วยความเร็วสูง ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะเสียหลักหมุนไปฟาดกับรั้วเหล็กกั้นเกาะกลางถนนจนพังยับเยิน จากนั้นตนจึงออกไปช่วยโบกรถให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำตัวคนขับส่งโรงพยาบาล
ด้าน ร.ต.ต.จรูญ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า เบื้องต้นนายสรรคนนท์ ยังอยู่ในอาการเบลอ เนื่องจากศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรง ยังไม่สามารถให้การได้ ต้องรอให้ผู้บาดเจ็บอาการดีขึ้นเสียก่อน จึงจะเรียกตัวมาทำการสอบปากคำ พร้อมแจ้งข้อหา ขับขี่รถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย ส่วนเรื่องที่ว่า ผู้บาดเจ็บจะขับรถแข่งมากับแท็กซี่หรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ต้องเชิญผู้เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำว่า เห็นเหตุการณ์จริงที่ว่าหรือไม่
ทั้งนี้ได้ทำเรื่องส่งตัวนายสรรคนนท์ไปที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อตรวจเลือดหาปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายด้วย ซึ่งหากพบว่า มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่ากฎหมายกำหนด ก็จะแจ้งข้อหาขับขี่รถในขณะมึนเมาสุราเพิ่มอีก 1 ข้อหา
ที่เกิดเหตุอยู่ช่องทางขวาสุดของถนนดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบรถสปอร์ต ยี่ห้อปอร์เช่ 911 เทอร์โบ เอส สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน พจ-911 กทม.สภาพพังยับเยิน โดยล้อหน้าและล้อหลังฝั่งซ้ายปีนอยู่บนเกาะกลางถนน ตัวถังรถฝั่งซ้ายกระแทกกับกั้นเกาะกลางถนนจนพังยับเยิน กระจกหน้าหลุดกระเด็นออกมากองอยู่ที่พื้นทั้งบาน ส่วนกระจกด้านอื่นๆแตกกระจายอยู่ทั่วพื้นถนน นอกจากนี้ยังมีน้ำมันไหลเจิ่งนองพื้นถนนจนส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่พบผู้บาดเจ็บเป็นชายติดอยู่ในซากรถคันดังกล่าว บริเวณที่นั่งฝั่งคนขับ แต่อาการไม่สาหัสมากเนื่องจากถุงลมนิรภัยทำงาน จึงรีบช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลจุฬาฯ ทราบชื่อต่อมาคือ นายสรรคนนท์ จิราธิวัฒน์ หรือ เอท อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118/3 ซอยศาลาแดง ซอย 1 แขวงสีลม เขตบางรัก เป็นผู้จัดการฝ่ายบริหารบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด ในเครือ "เซ็นทรัล"และเป็นลูกชายของนายสุทธิเดช จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและบริหารโครงการก่อสร้าง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด
จากการสอบถามนายเรืองชัย ภิภักกิจ รปภ.ของหอพักนิสิตชายจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับจุดเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุขณะที่ตนเข้าเวรยามอยู่หน้าหอพักนิสิตชาย ก็เห็นรถสปอร์ตคันดังกล่าว ขับแข่งกับรถแท็กซี่สีส้มมาจากทางสี่แยกปทุมวันด้วยความเร็วสูง ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะเสียหลักหมุนไปฟาดกับรั้วเหล็กกั้นเกาะกลางถนนจนพังยับเยิน จากนั้นตนจึงออกไปช่วยโบกรถให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำตัวคนขับส่งโรงพยาบาล
ด้าน ร.ต.ต.จรูญ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า เบื้องต้นนายสรรคนนท์ ยังอยู่ในอาการเบลอ เนื่องจากศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรง ยังไม่สามารถให้การได้ ต้องรอให้ผู้บาดเจ็บอาการดีขึ้นเสียก่อน จึงจะเรียกตัวมาทำการสอบปากคำ พร้อมแจ้งข้อหา ขับขี่รถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย ส่วนเรื่องที่ว่า ผู้บาดเจ็บจะขับรถแข่งมากับแท็กซี่หรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ต้องเชิญผู้เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำว่า เห็นเหตุการณ์จริงที่ว่าหรือไม่
ทั้งนี้ได้ทำเรื่องส่งตัวนายสรรคนนท์ไปที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อตรวจเลือดหาปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายด้วย ซึ่งหากพบว่า มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่ากฎหมายกำหนด ก็จะแจ้งข้อหาขับขี่รถในขณะมึนเมาสุราเพิ่มอีก 1 ข้อหา