พล.ท.พิชษณุ ปุจฉาการ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหม ซึ่งมี พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมสภากลาโหมได้พิจารณาผลการประชุมสภาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ที่มีมติให้ปรับหลักสูตรการศึกษาให้เหลือเพียง 2 หลักสูตร คือ หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ที่ผู้เข้ารับการศึกษาจะมีอายุตั้งแต่ 48-53 ปี และหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน (ปรอ.) ผู้เข้ารับการศึกษามีอายุตั้งแต่ 45-53 ปี โดยกำหนดที่นั่งหลักสูตรละ 100 ที่นั่ง ส่วนหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐและการเมือง (วปม.) ให้ยกเลิกไป เนื่องจากเป็นหลักสูตรที่ไม่ได้เกิดตามความต้องการและความจำเป็นของกองทัพอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังเป็นต้นเหตุให้เกิดการแทรกแซงจากการเมืองและมีการแสวงประโยชน์แอบแฝงเข้ามาในการศึกษาด้วย
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวด้วยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เน้นให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ พิจารณาผู้เข้ารับการศึกษาที่มีโอกาสเข้าบรรจุในตำแหน่งหลัก หรือมีแนวทางเจริญก้าวหน้าในการรับราชการในอนาคต เพื่อนำประโยชน์ที่ได้รับจากการศึกษาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อกองทัพและประเทศชาติอย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน ผู้ที่เข้ารับการศึกษาเองก็ต้องตั้งใจจริงในการรับการศึกษา เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้รับการศึกษาที่มาจากภาคเอกชนและส่วนราชการอื่น เพื่อให้หลักสูตรมีคุณภาพ มีความศักดิ์สิทธิ์ มีเกียรติและศักดิ์ศรี เป็นที่ยอมรับจากทุกภาคส่วนของสังคม
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวด้วยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เน้นให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ พิจารณาผู้เข้ารับการศึกษาที่มีโอกาสเข้าบรรจุในตำแหน่งหลัก หรือมีแนวทางเจริญก้าวหน้าในการรับราชการในอนาคต เพื่อนำประโยชน์ที่ได้รับจากการศึกษาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อกองทัพและประเทศชาติอย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน ผู้ที่เข้ารับการศึกษาเองก็ต้องตั้งใจจริงในการรับการศึกษา เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้รับการศึกษาที่มาจากภาคเอกชนและส่วนราชการอื่น เพื่อให้หลักสูตรมีคุณภาพ มีความศักดิ์สิทธิ์ มีเกียรติและศักดิ์ศรี เป็นที่ยอมรับจากทุกภาคส่วนของสังคม