สิงคโปร์กำลังมุ่งหมายทำให้ตัวเองกลายเป็น "สวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย" นั่นคือเป็นแหล่งหลบภัยชั้นเยี่ยมสำหรับเหล่ามหาเศรษฐีของโลกตลอดจนเงินทองของคนเหล่านี้ เฉกเช่นเดียวกับกับนครเจนีวาและซูริก
สิงคโปร์ซึ่งลือชื่อทั้งเรื่องการปกครองแบบเผด็จการและการมีความปลอดภัยอย่างสูงนั้น ในอดีตหลายสิบปีที่ผ่านมาต้องพยายามดึงดูดบรรดาบรรษัทนานาชาติให้เข้าไปลงทุน เพื่อสร้างตำแหน่งงานและเสริมส่งเศรษฐกิจให้เติบโต แต่ในสภาพที่จีนผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจทางอุตสาหกรรม แดนลอดช่องจึงต้องเริ่มวิ่งไล่หาแฟชั่นใหม่ๆ ทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่เทคโนโลยีไปจนถึงเวชภัณฑ์และการวิจัยด้านเซลล์ต้นกำเนิด(สเตมเซลล์) เพื่อเป็นยาขนานเอกให้ตนเองอยู่รอดและผงาดเด่นได้ต่อไป
มาบัดนี้สิงคโปร์กำลังพยายามสร้างเงื่อนไขให้ตนเองช่วงชิงภาคส่วนใหม่ในเศรษฐกิจโลก ด้วยการปรับปรุงบรรดากฎหมายความลับทางการธนาคารให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น อีกทั้งเสนอแรงจูงใจทางภาษีหลายหลาก
สิงคโปร์ยังได้แก้ไขเพิ่มเติมมาตรการรักษาความลับด้านการธนาคารเมื่อปี 2001 ในปัจจุบัน ขณะที่แบงก์จำนวนมากกำลังโยกย้ายส่วนงานสนับสนุน(แบ็กออฟฟิศ)ของพวกตนไปอยู่ที่อินเดีย เพราะค่าใช้จ่ายถูกกว่า เหล่านายแบงก์ที่นี่กลับบอกว่า กฎเกณฑ์ด้านรักษาความลับของสิงคโปร์นั้นเข้มงวดมาก จนพวกเขาต้องย้ายศูนย์ข้อมูลซึ่งจัดการธุรกรรมด้านธนบดีธนกิจของพวกเขา ออกจากอินเดียมาไว้ที่สิงคโปร์
อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่งก็เริ่มมีความกังวลกันมากขึ้นว่า สิงคโปร์อาจจะกลายเป็นแหล่งดึงดูดผู้มั่งคั่งที่มีอะไรต้องซ่อนเร้นปิดบังไปเสียฉิบ
จิอานเปโร ฟิออรานี อดีตซีอีโอของธนาคาร บังกา โปโปลาเร อิตาเลียนา แห่งอิตาลี ก่อนที่จะถูกจับในปี 2005 ด้วยข้อหาทุจริตและฉ้อโกง ก็ได้ซ่อนเร้นทรัพย์สินบางส่วนของเขาเอาไว้ในสิงคโปร์
โยชิอากิ มูรางามิ ผู้จัดการกองทุนและผู้นำนักลงทุนเคลื่อนไหวเรียกร้องบีบบริษัทในญี่ปุ่น ได้โยกกองทุน เอ็มเอซี แอสเสต แมเนจเมนต์ ของเขา ไปที่สิงคโปร์ ก่อนตัวเขาจะถูกจับกุมในปีที่แล้วด้วยข้อหาอินไซเดอร์เทรดดิ้ง
และในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ตำรวจในนครเซี่ยงไฮ้ได้จับกุมชาวสิงคโปร์ที่ไม่มีการระบุชื่อผู้หนึ่ง ในข้อหาทำกิจการแบงก์ใต้ดินซึ่งคอยรับส่งเงินระหว่างจีนกับสิงคโปร์
พวกนายแบงก์ในสิงคโปร์บอกว่า ระเบียบกฎหมายที่ใช้บังคับกันอยู่ ได้บีบให้พวกเขาต้องทราบว่าความร่ำรวยของลูกค้านั้นมาจากไหน โดยกฎเกณฑ์ความลับด้านธนาคารของที่นี่จะไม่คุ้มครองผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือการขนของเถื่อน
สิงคโปร์ซึ่งลือชื่อทั้งเรื่องการปกครองแบบเผด็จการและการมีความปลอดภัยอย่างสูงนั้น ในอดีตหลายสิบปีที่ผ่านมาต้องพยายามดึงดูดบรรดาบรรษัทนานาชาติให้เข้าไปลงทุน เพื่อสร้างตำแหน่งงานและเสริมส่งเศรษฐกิจให้เติบโต แต่ในสภาพที่จีนผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจทางอุตสาหกรรม แดนลอดช่องจึงต้องเริ่มวิ่งไล่หาแฟชั่นใหม่ๆ ทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่เทคโนโลยีไปจนถึงเวชภัณฑ์และการวิจัยด้านเซลล์ต้นกำเนิด(สเตมเซลล์) เพื่อเป็นยาขนานเอกให้ตนเองอยู่รอดและผงาดเด่นได้ต่อไป
มาบัดนี้สิงคโปร์กำลังพยายามสร้างเงื่อนไขให้ตนเองช่วงชิงภาคส่วนใหม่ในเศรษฐกิจโลก ด้วยการปรับปรุงบรรดากฎหมายความลับทางการธนาคารให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น อีกทั้งเสนอแรงจูงใจทางภาษีหลายหลาก
สิงคโปร์ยังได้แก้ไขเพิ่มเติมมาตรการรักษาความลับด้านการธนาคารเมื่อปี 2001 ในปัจจุบัน ขณะที่แบงก์จำนวนมากกำลังโยกย้ายส่วนงานสนับสนุน(แบ็กออฟฟิศ)ของพวกตนไปอยู่ที่อินเดีย เพราะค่าใช้จ่ายถูกกว่า เหล่านายแบงก์ที่นี่กลับบอกว่า กฎเกณฑ์ด้านรักษาความลับของสิงคโปร์นั้นเข้มงวดมาก จนพวกเขาต้องย้ายศูนย์ข้อมูลซึ่งจัดการธุรกรรมด้านธนบดีธนกิจของพวกเขา ออกจากอินเดียมาไว้ที่สิงคโปร์
อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่งก็เริ่มมีความกังวลกันมากขึ้นว่า สิงคโปร์อาจจะกลายเป็นแหล่งดึงดูดผู้มั่งคั่งที่มีอะไรต้องซ่อนเร้นปิดบังไปเสียฉิบ
จิอานเปโร ฟิออรานี อดีตซีอีโอของธนาคาร บังกา โปโปลาเร อิตาเลียนา แห่งอิตาลี ก่อนที่จะถูกจับในปี 2005 ด้วยข้อหาทุจริตและฉ้อโกง ก็ได้ซ่อนเร้นทรัพย์สินบางส่วนของเขาเอาไว้ในสิงคโปร์
โยชิอากิ มูรางามิ ผู้จัดการกองทุนและผู้นำนักลงทุนเคลื่อนไหวเรียกร้องบีบบริษัทในญี่ปุ่น ได้โยกกองทุน เอ็มเอซี แอสเสต แมเนจเมนต์ ของเขา ไปที่สิงคโปร์ ก่อนตัวเขาจะถูกจับกุมในปีที่แล้วด้วยข้อหาอินไซเดอร์เทรดดิ้ง
และในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ตำรวจในนครเซี่ยงไฮ้ได้จับกุมชาวสิงคโปร์ที่ไม่มีการระบุชื่อผู้หนึ่ง ในข้อหาทำกิจการแบงก์ใต้ดินซึ่งคอยรับส่งเงินระหว่างจีนกับสิงคโปร์
พวกนายแบงก์ในสิงคโปร์บอกว่า ระเบียบกฎหมายที่ใช้บังคับกันอยู่ ได้บีบให้พวกเขาต้องทราบว่าความร่ำรวยของลูกค้านั้นมาจากไหน โดยกฎเกณฑ์ความลับด้านธนาคารของที่นี่จะไม่คุ้มครองผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือการขนของเถื่อน