คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ลงคะแนนเสียงอย่างเป็นเอกฉันท์คว่ำบาตรอิหร่านที่ไม่ยอมระงับการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมทำให้เกิดแรงกดดันระหว่างประเทศต่ออิหร่านเพื่อพิสูจน์ว่า อิหร่านไม่ได้พยายามที่จะสร้างอาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตามอิหร่านได้ปฏิเสธการยอมรับมติดังกล่าวทันที
มติดังกล่าวซึ่งได้ใช้เวลาพิจาราณามาเป็นเวลานานถึง 2 เดือน ระบุให้ทุกประเทศยุติการส่งวัตถุหรือเทคโนโลยีที่อาจจะทำให้อิหร่านนำไปใช้ในโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธได้ นอกจากนี้ มติดังกล่าวยังจะให้ระงับทรัพย์สินของอิหร่านใน 10 บริษัทที่สำคัญและกิจการส่วนตัวอีก 12 กิจการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน และหากอิหร่านไม่ยอมปฏิบัติตามคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกล่าวเตือนว่า จะนำเอาการคว่ำบาตรที่ไม่เกี่ยวข้องกับด้านการทหารมาใช้เพิ่มมากขึ้นอีก แต่กระนั้นก็ตามมตินี้ได้ย้ำถึงความสำคัญของวิธีทางการทูตและการเจรจาเพื่อหาลู่ทางขอหลักประกันจากอิหร่านว่า โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านมีจุดประสงค์เพื่อสันติเท่านั้น
มติดังกล่าวซึ่งได้ใช้เวลาพิจาราณามาเป็นเวลานานถึง 2 เดือน ระบุให้ทุกประเทศยุติการส่งวัตถุหรือเทคโนโลยีที่อาจจะทำให้อิหร่านนำไปใช้ในโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธได้ นอกจากนี้ มติดังกล่าวยังจะให้ระงับทรัพย์สินของอิหร่านใน 10 บริษัทที่สำคัญและกิจการส่วนตัวอีก 12 กิจการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน และหากอิหร่านไม่ยอมปฏิบัติตามคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกล่าวเตือนว่า จะนำเอาการคว่ำบาตรที่ไม่เกี่ยวข้องกับด้านการทหารมาใช้เพิ่มมากขึ้นอีก แต่กระนั้นก็ตามมตินี้ได้ย้ำถึงความสำคัญของวิธีทางการทูตและการเจรจาเพื่อหาลู่ทางขอหลักประกันจากอิหร่านว่า โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านมีจุดประสงค์เพื่อสันติเท่านั้น