xs
xsm
sm
md
lg

ทรงคุณค่า “8 พรรณไม้พระราชทานนาม” จาก “สมเด็จพระพันปีหลวง”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นองค์อัครราชูปถัมภิกาของพสกนิกรชาวไทย โดยเฉพาะด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ต่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ พืชพรรณ ดอกไม้ และกล้วยไม้ใกล้สูญพันธุ์นับเป็นคุณูปการอันใหญ่หลวง

นอกเหนือจากโครงการอนุรักษ์ขนาดใหญ่แล้ว พระองค์ยังทรงแสดงความสนพระราชหฤทัยในความงามของธรรมชาติรอบพระวรกายอย่างสม่ำเสมอ ทุกครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงงานยังพื้นที่ต่างๆ พระองค์จะทรงชื่นชมและให้ความสำคัญกับพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นพืชพรรณหายากที่เพิ่งค้นพบ หรือแม้แต่ดอกไม้ป่าต้นเล็กๆ ที่เบ่งบานตามรายทาง ซึ่งความสนพระราชหฤทัยนี้ได้นำไปสู่การพระราชทานนามอันเป็นสิริมงคลแก่พรรณไม้หลายชนิด เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการอนุรักษ์พืชพันธุ์เหล่านั้นให้คงอยู่คู่แผ่นดินไทยสืบไป

สำหรับ “พรรณไม้พระราชทานนาม” เป็นกลุ่มพรรณไม้ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทอดพระเนตรเห็นเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในป่าเขา โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนใหญ่เป็นพรรณไม้ประจำถิ่นที่หายากซึ่งพบในธรรมชาติของประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคอีสาน พระองค์ทรงเล็งเห็นความสำคัญในการอนุรักษ์ จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามให้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการอนุรักษ์พรรณพืชพื้นเมือง

ภาพ : เพจรักษ์ผาหลวง
ดุสิตา
ดุสิตาไม้ล้มลุกกินแมลง อายุปีเดียว ขึ้นเป็นกอเล็ก สูง 8-20 ซม. ลำต้นเล็กมากอยู่ใต้ดิน ใบมีทั้งเป็นใบเดี่ยว รูปแถบ และใบที่เปลี่ยนเป็นถุงสำหรับดักจับแมลงน้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร ดอกสีม่วงเข้มหรือน้ำเงินม่วง ออกเดี่ยว หรือเป็นช่อ 1-3 ดอก แทงช่อออกจากโคนกอ ก้านช่อดอกสูง 10-20 ซม. กลีบดอกเชื่อมกัน ปลายแยกเป็น 2 ปาก กลีบล่างแผ่ใหญ่กว่ากลีบอื่น ตรงกลางมีแถบสีอ่อนถึงสีเหลือง 2 แถบ ผลเป็นผลแห้งชนิดแตกเมื่อแก่ ทรงกลม ขนาดเล็ก

ประเทศไทยพบมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ตามพื้นที่ลานหินทรายโล่งและชุ่มชื้นมีน้ำขัง ออกดอกช่วงเดือนกันยายน –ธันวาคม


มณีเทวา
มณีเทวา เป็นไม้ล้มลุก ขึ้นเป็นกอลักษณะคล้ายหญ้า สูง 2-6 ซม. ใบรูปแถบ เรียงเป็นวงรอบโคนต้น ดอกสีขาว ออกเป็นช่อตั้งจากโคนกอ ก้านช่อดอกสูง 5-15 ซม. ลักษณะเป็นก้อนกลมที่ปลายยอด ผลเป็นผลแห้ง รูปรี

ประเทศไทยพบมากทางภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน บริเวณที่ชุ่มชื้นตามลานหินชุ่มน้ำ และที่โล่งน้ำขังตามชายป่าโปร่ง ออกดอกช่วงเดือนกันยายน–ธันวาคม


สร้อยสุวรรณา
ไม้ล้มลุก ขึ้นเป็นกอเล็ก อายุปีเดียว ไหลและส่วนรากลักษณะคล้ายเส้นด้าย ใบเดี่ยว รูปแถบ ยาว 1-2 ซม. เรียงเวียนรอบโคนต้น มีอวัยวะจับแมลงตามข้อของไหล รูปไตถึงรูปกลมขนาดเล็ก มีก้านชูสั้น ๆ ดอกออกเป็นช่อตั้งจากโคนกอ แกนยาว 5-15 ซม. มี 3-7 ดอก ดอกย่อยสีเหลือง กลีบเลี้ยงแฉกขนาดไม่เท่ากัน ผลแบน รูปรีแกมไข่ เมล็ด ขนาดเล็ก จำนวนมาก

ประเทศไทยพบมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ขึ้นตามพื้นที่ลานหินชุ่มน้ำที่โล่งและชื้น
นอกจากนี้ยังสามารถพบสร้อยสุวรรณา ได้ที่ทุ่งโนนสน อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ในช่วงฤดูปลายฝนต้นหนาว ซึ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินป่าศึกษาธรรมชาติและชมดอกไม้ป่านานาชนิด


ทิพเกสร
ทิพเกสร เป็นไม้ล้มลุก กินแมลง อายุปีเดียว ขึ้นเป็นกอเล็ก สูง 8–20 ซม. ลำต้นขนาดเล็กมากอยู่ใต้ดิน ใบมีทั้งเป็นใบเดี่ยว รูปแถบ และใบที่เปลี่ยนเป็นถุงสำหรับดักจับแมลงน้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร ดอกสีชมพูแกมม่วงอ่อน แทงช่อออกจากต้นใต้ดิน ช่อดอกสูง 10–30 ซม. มี 3-10 ดอก ผลเป็นผลแห้งชนิดแตกเมื่อแก่ เมล็ดขนาดเล็ก จำนวนมาก

ประเทศไทยพบกระจายทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ตามพื้นที่ลานหินทรายโล่งและชุ่มชื้น มีน้ำขัง ออกดอกช่วงเดือนกันยายน–ธันวาคม


สรัสจันทร
เป็นหนึ่งในพรรณไม้พระราชทานนามจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก ลำต้นเล็กเรียว ใบเดี่ยว ออกเป็นช่อกระจุกที่ปลายยอด 1-3 ดอก สีม่วงอ่อนอมฟ้า ส่วนปลายยอดมีสีเหลืองอมเขียวพบตามบริเวณลานหินทรายที่มีน้ำขัง พื้นที่ชุ่มน้ำและตามพื้นที่โล่ง ออกดอกช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคม นับเป็นพืชหายาก สำหรับภาพดอกสรัสจันทรนี้ ผลิดอกสวยงามในฤดูกาลปลายฝนต้นหนาวในผืนป่าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ระหว่างเส้นทางศึกษาธรรมชาติลานหินปุ่ม และลานหินจุดกางเต็นท์นักท่องเที่ยว


นิมมานรดี
นิมมานรดี กล้วยไม้อิงอาศัย ลำลูกกล้วยรูปทรงกระบอก ใบรูปขอบขนานแกมรี อวบน้ำ ดอกออกเป็นช่อ ยาว 1-15 ซม. ก้านดอกมีขนนุ่มสีขาว กลีบเลี้ยงและกลีบดอกสีขาว มีขีดตามยาวสีแดงเข้ม กลีบปากที่ปลายมีพื้นสีเหลืองเข้มและมีแต้มสีแดงเข้มที่โคนกลีบ

นิมมานรดี เป็นชื่อพระราชทานโดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อครั้งเสด็จฯ ทอดพระเนตรพรรณไม้ ณ บริเวณโคกนกกะบา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จังหวัดเลย เมื่อเดือนมีนาคม พุทธศักราช 2534 ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะช่วยอนุรักษ์กล้วยไม้ป่าหายากชนิดนี้ไว้ให้คงอยู่เป็นสมบัติของปวงชนชาวไทยสืบไป


มหาพรหมราชินี
มหาพรหมราชินี พันธุ์ไม้หายาก มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศไทย พบที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน บริเวณชายป่าดิบเขา ที่ระดับความสูงประมาณ 1,100 ม. ดร.ปิยะ เฉลิมกลิ่น และผู้เชี่ยวชาญพืชสกุลนี้คือ Dr. Aruna Weerasooriya และ Dr. M.K.R. Saunders จากมหาวิทยาลัยฮ่องกง ได้ร่วมกันตรวจสอบเอกลักษณ์ และได้ขอพระราชทานชื่อ มหาพรหมราชินี เป็นชื่อของพันธุ์ไม้ชนิดใหม่นี้ ในปี พ.ศ. 2547 เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2547 ได้พระราชทานพระราชานุญาติให้อัญเชิญพระนามาภิไธย เป็นชื่อพันธุ์ไม้ มหาพรหมราชินี เพื่อช่วยอนุรักษ์พืชชนิดนี้ไว้ให้คงอยู่ยั่งยืนเป็นสมบัติของลูกหลานไทยต่อไป


โมกราชินี หรือ โมกสิริกิติ์
โมกราชินี (Wrightia sirikitiae) พรรณไม้ล้ำค่าที่ได้รับพระราชทานนามอันเป็นสิริมงคลเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงเป็นที่เคารพรักยิ่งของปวงชนชาวไทย

ดอกสีขาวบริสุทธิ์ของโมกราชินีไม่ได้เป็นเพียงความงามทางธรรมชาติ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความจงรักภักดีและความผูกพันอันแน่นแฟ้นระหว่างพสกนิกรกับ "แม่แห่งแผ่นดิน" สะท้อนถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ของแม่ที่มีต่อลูกทุกคน

เรื่องราวของโมกราชินีเริ่มต้นขึ้นในป่าเขาหินปูนของอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เมื่อนักพฤกษศาสตร์ได้ค้นพบ เพื่อเป็นเกียรติแก่นักพฤกษศาสตร์ไทยและเป็นการช่วยอนุรักษ์พืชหายากชนิดนี้ไว้ กรมป่าไม้จึงได้ขอพระราชทานนามจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (ในขณะนั้น) และได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานชื่ออันเป็นมงคลว่า "โมกราชินี" ในปี พ.ศ. 2545

ขอบคุณ ข้อมูล/ภาพ : เพจรักษ์ผาหลวง, สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์, สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก), อุทยานหลวงราชพฤกษ์, ดร.วีระชัย ณ นคร, ศราวุธ ทองเมือง

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline


กำลังโหลดความคิดเห็น