กุ้งสมเด็จ หรือ กุ้งก้ามกราม เป็นกุ้งที่มีแหล่งที่อยู่อาศัยในแหล่งน้ำจืดและต้องเป็นแหล่ง น้ำจืดที่มีกระแสน้ำไหลเชื่อมต่อกับทะเล ในอดีตพบได้ง่ายและมีจำนวนมากในแม่น้ำและลำคลอง โดยเฉพาะในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่หล่อเลี้ยงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยซึ่งผูกพันกับแม่น้ำสายนี้มายาวนาน
ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปประกอบกับการพัฒนาประเทศมีการตั้งแหล่งชุมชน แหล่งการค้า และโรงงานต่าง ๆ ทำให้คุณภาพน้ำลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างที่ติดกับทะเลอันเป็นรอยเชื่อมต่อระหว่างน้ำจืดและน้ำกร่อย อยู่ในภาวะวิกฤตทำให้ปริมาณกุ้งก้ามกรามในธรรมชาติลดน้อยลงอย่างมาก เพราะแม่กุ้งไม่สามารถว่ายฝ่าน้ำเสียที่มีออกซิเจนน้อยไปสู่ตอนปลายแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อวางไข่แพร่พันธุ์ในบริเวณที่เป็นน้ำกร่อยได้
ในปี พ.ศ. 2523 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งศูนย์ศิลปาชีพบางไทรขึ้นบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ตำบลช้างใหญ่ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และได้เสด็จฯ ไปประทับบ่อยครั้ง ทรงสังเกตเห็นว่ากุ้งก้ามกรามในประเทศไทยน้อยลง จึงมีรับสั่งถามว่า “กุ้งเดี๋ยวนี้หายไปไหนหมด ไม่ค่อยมีขาย ต้องนำเข้ากุ้งจากพม่ามา”
โดยจากปัญหาคุณภาพน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา ออกซิเจนมีไม่เพียงพอที่กุ้งจะอพยพย้ายถิ่นออกไปปากอ่าวได้ ทำให้กุ้งในแม่น้ำเจ้าพระยาไม่สามารถจะสืบพันธุ์ได้ พระองค์จึงมีรับสั่งถามว่า “เราจะแก้ปัญหาได้อย่างไร”
ต่อมาทรงทราบปัญหาการแพร่พันธุ์วางไข่ของกุ้งก้ามกรามจากการนำความกราบบังคมทูลฯ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้มีพระราชเสาวนีย์ ให้มีการศึกษาวิจัยการเพาะลูกกุ้งในสถานีทดลอง โดยสร้างระบบนิเวศเทียมขึ้นมาเป็นผลสำเร็จ ทำให้แม่กุ้งวางไข่ในน้ำที่มีสภาพเหมาะสม คือ น้ำกร่อย โดยไม่ต้องว่ายฝ่าน้ำเน่าเสียออกไป และว่ายทวนกลับเข้ามา เพราะลูกกุ้งในระยะตัวอ่อนจะตายหมดในน้ำจืด ในระบบนิเวศเทียม ณ สถานีทดลอง เมื่อไข่กุ้งฟักเป็นตัวอ่อนในน้ำกร่อย นักวิจัยก็จะอนุบาลจนลูกกุ้งพร้อมจะเติบโตในน้ำจืดได้ผลสำเร็จเป็นลูกกุ้งหลายล้านตัว และสามารถนำมาปล่อยทดแทน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดำเนินเปิดศูนย์ฯ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2527 ได้ทรงปล่อยลูกกุ้งชุดแรกที่หน้าศูนย์ศิลปาชีพบางไทร และกรมประมงได้จัดกิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ณ ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ทำให้ในปัจจุบันกุ้งก้ามกรามในธรรมชาติเพิ่มปริมาณมากขึ้น
ราษฎรที่อาศัยในชุมชนที่ตั้งอยู่ตลอดแนวสองฝั่งลำน้ำได้อาศัยทรัพยากรสัตว์น้ำเพื่อการยังชีพและสร้างรายได้ โดยเฉพาะชาวประมงที่มีอาชีพหาปลา ตก และงมกุ้งก้ามกราม ต่างได้พึ่งพาอาศัยเพื่อหล่อเลี้ยงครอบครัว เป็นการสร้างอาชีพและรายได้ให้กับราษฎรที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ได้ทรงฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ทางภูมิธรรมชาติ นับเป็นโครงการในพระราชดำริที่น้อยคนจะรู้ ชาวบ้านแถบนั้น จึงเรียก กุ้งก้ามกรามที่จับได้จากแม่น้ำเจ้าพระยาว่า “กุ้งสมเด็จ”
ที่มา: กลุ่มเผยเเพร่เเละประชาสัมพันธ์ กรมประมง


