หมู่เกาะลันตาถือได้ว่าเป็น “อาณาจักรปูเสฉวน” ที่นอกจากจะอุดมไปด้วยปูเสฉวนจำนวนมหาศาลนับแสน ๆ ตัวแล้ว วันนี้ผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมของโครงการ “คืนบ้านให้ปูเสฉวน” ทำให้ “อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา” สามารถคว้ารางวัลแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนโลก 2025 Green Destinations Top 100 Stories มาครองได้อย่างเต็มภาคภูมิ
1...ปูเสฉวนไร้บ้าน
หมู่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ นอกจากจะมีหาดทรายชายทะเลอันทรงเสน่ห์ และเป็นแหล่งดำน้ำที่สวยงามระดับโลกแล้ว ที่นี่ยังมีอันซีนที่หลาย ๆ คนอาจเคยเห็นผ่านตาแต่ว่ามองข้ามไปนั่นก็คือ “ปูเสฉวน”
“ปูเสฉวน” หรือ “ปูเสฉวนบก” หรือ “ปูเทียน” เป็นหนึ่งในสัตว์ทะเลที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศชายฝั่ง เพราะพวกมันเป็นผู้ย่อยสลายที่กินได้ทั้งซากพืช ซากสัตว์ ช่วยทำให้ชายหาดสะอาดจนได้ชื่อว่า “นักทำความสะอาดชายหาดตัวยง”
ปูเสฉวนเป็นปูที่มีลักษณะแปลกแตกต่างจากปูทั่วไป เพราะนอกจากจะเป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังแล้ว พวกมันยังเป็นปูที่ไม่มีกระดอง แต่จะต้องอาศัยเปลือกหอยเป็นที่อยู่อาศัย หรือที่เรียกกัน “บ้านปูเสฉวน” ซึ่งหากปูเสฉวนไร้บ้าน ไม่มีเปลือกหอยอยู่ หรืออยู่นอกเปลือกหอย พวกมันอาจเสียชีวิตได้ใน 24 ชม.
สำหรับหมู่เกาะลันตาได้ชื่อว่าเป็นดัง “อาณาจักรของปูเสฉวน” เพราะที่นี่เป็นถิ่นอาศัยของปูเสฉวนจำนวนมหาศาล พวกมันอาศัยอยู่ทั่วไปทั้งตามชายหาดและเกาะต่าง ๆ โดยเฉพาะที่ “แหลมโตนด” และ “เกาะรอกนอก” นักท่องเที่ยวสามารถพบเจอปูเสฉวนตัวเป็น ๆ ได้อย่างไม่ยากเย็น
อย่างไรก็ดีที่ผ่านมาหมู่เกาะลันตา เคยประสบกับปัญหา “ปูเสฉวนไร้บ้าน” เนื่องจากเปลือกหอยที่เป็นบ้านของปูเสฉวน ถูกมนุษย์จิตสำนึกต่ำเก็บเอาไปจนหดหายไปจากชายหาด สวนทางกับขยะที่เพิ่มมากขึ้นจากฝีมือของมนุษย์จิตสำนึกต่ำอีกเช่นกัน
ส่งผลให้ปูเสฉวนบนเกาะลันตาประสบกับภาวะขาดแคลนบ้าน ไร้บ้าน จนล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก ขณะที่ปูเสฉวนจำนวนหนึ่งเลือกหนีตายด้วยการเข้าไปอาศัยอยู่ในซากขยะเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป ไม่ว่าจะเป็น ขวดแก้วแตก ขวดแก้ว (สั้น) กระป๋องสังกะสี กระปุกพลาสติก และอื่น ๆ นับเป็นภาพที่สะเทือนใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง
2...คืนบ้านให้ปูเสฉวน
หลังเกิดสถานการณ์ปูเสฉวนลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีนักท่องเที่ยวไปเจอปูเสฉวนบนเกาะลันตาอาศัยอยู่ในขวดแก้ว (ขยะทะเล) แล้วโพสต์ลงโซเชียลจนเกิดดราม่า ทาง “อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา” จึงได้ไปปรึกษาผู้รู้ และได้คำตอบว่าปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดจากขยะทะเลเท่านั้น แต่เกิดจากเปลือกหอยตามธรรมชาติไม่เพียงพอต่อปริมาณของปูเสฉวนบนเกาะ
ด้วยเหตุนี้ อช.หมู่เกาะลันตาจึงได้ริเริ่ม “โครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวน” ขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 เพื่อเดินหน้าเพิ่มจำนวนบ้านให้กับปูเสฉวน ด้วยหวังว่าในอนาคตประชากรปูเสฉวนบนเกาะลันตาจะกลับมามีปริมาณ (มาก) เฉกเช่นในอดีตอีกครั้ง
โครงการนี้ตั้งเป้าประสงค์ไว้ว่าในช่วง 1-2 ปีแรก จะทำให้เกิดภาคีเครือข่ายในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจนสามารถดำเนินการด้วยตัวเองได้ จากนั้นจึงขยายแนวคิดไปยังทุกภาคส่วน
ส่วนในช่วงปีที่ 3 และปีต่อ ๆ ไปในอนาคตนั้นตั้งเป้าว่าโครงการนี้จะทำให้มีปูเสฉวนเพิ่มขึ้นทุกหาดในพื้นที่หมู่เกาะลันตา และมีปูเสฉวนขนาดตัวใหญ่จำนวนมากเหมือนในอดีต รวมถึงช่วยลดการกัดเซาะ เพิ่มเม็ดทรายให้ชายหาด นอกจากนี้ยังหวังให้แนวคิดนี้ขยายไปยังทะเลอื่น ๆ ทั่วทั้งประเทศไทย
สำหรับสิ่งสำคัญของโครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวนก็คือการเพิ่มบ้านให้ปูเสฉวนเพื่อคืนความสมดุลให้กับธรรมชาติ ซึ่งทาง อช.หมู่เกาะลันตาได้เปิดรับบริจาคเปลือกหอย ชนิด “เปลือกหอยฝาเดียว” ขนาดต่าง ๆ ทั้งหอยน้ำจืดและหอยทะเลทุกขนาด เพื่อนำมาทำบ้านให้กับปูเสฉวน โดยมุ่งเน้นไปที่เปลือกหอยที่เหลือทิ้งจากการบริโภค อย่างเช่น หอยหวาน หอยชักตีน หอยมะระ หรือเปลือกหอยจากโมบายเหลือใช้ หรือแม้กระทั่ง “เปลือกหอยทาก” จากตัวที่ตายแล้วตามสวนหน้าบ้าน ก็สามารถนำมาบริจาคเป็นบ้านของปูเสฉวนได้
แต่สิ่งสำคัญคือ ห้ามเก็บเปลือกหอยจากชายหาดอื่น ๆ นำมาบริจาคในโครงการนี้ เพราะถ้าเก็บเปลือกหอยจากหาดที่หนึ่งมาบริจาค นั่นย่อมไปกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่งของหาดนั้น ๆ ด้วยเหมือนกัน
3…แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก
หลังดำเนินการมาร่วม 5 ปี โครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวนนอกจากจะเดินตามเป้าหมายได้เป็นอย่างดีแล้ว ทางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตายังได้จับมือกับ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)”ส่งโครงการ “คืนบ้านให้ปูเสฉวน”ภายใต้ชื่อ “A Hero’s Tale from Lanta Island” เข้าร่วมประกวดรางวัลแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก Top 100 Green Destinations ที่จัดโดยหน่วยงานระดับโลก Green Destinations Foundation ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่าในปีนี้ (2568) อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตาเป็นหนึ่งใน 10 แหล่งท่องเที่ยวอันโดดเด่นของบ้านเราที่สามารถคว้ารางวัล 2025 Green Destinations Top 100 Stories มาครองได้อย่างน่าภาคภูมิใจ
สำหรับโครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวนแห่งหมู่เกาะลันตา แม้จะมีจุดเริ่มต้นจากประเด็นดราม่า แต่ว่าทางผู้เกี่ยวข้องกลับไม่ได้ละเลยปล่อยผ่าน หรือแก้ปัญหาแบบส่งเดชขอไปที หากแต่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาจนเกิดเป็นรูปธรรม จนนำไปสู่การคว้ารางวัลแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลกมาครอง
โครงการนี้นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของสรรพชีวิตและท้องทะเลแล้ว ยังแสดงถึงความร่วมมือร่วมใจกันในหลายภาคส่วน ทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ ชาวชุมชนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวหัวใจสีเขียวที่ร่วมด้วยช่วยกันฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่งทะเลจากปัญหาขยะทะเล
ที่สำคัญคือช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนเปลือกหอยที่เคยเป็นปัจจัยสำคัญต่อการร่อยหรอของปูเสฉวนบนเกาะลันตาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมจากประชากรปูเสฉวนที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งหลายคนในพื้นที่คาดคะเนว่าวันนี้ที่หมู่เกาะลันตาน่าจะมีปูเสฉวนอาศัยอยู่นับเป็นแสน ๆ ตัว เลยทีเดียว
4…กรีนลันตา (ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ)
นอกจากโครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวนที่มีดีกรี รางวัล Top 100 แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนโลกแล้ว เกาะลันตาที่มี “ปฏิญญาอ่าวลันตา” 9 ข้อ เป็นเจตจำนงสำคัญในการขับเคลื่อน “ลันตา เกาะสีเขียว” (Lanta Go Green) จนกลายเป็นหนึ่งในพื้นที่ต้นแบบของแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพที่มีการจัดการขยะอย่างเป็นรูปธรรมในพื้นที่ทะเลไทยฝั่งอันดามัน
เกาะลันตายังมีโครงการสีเขียว “กรีนลันตา(ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ)” กับกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ อาทิ การแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งด้วยการทำรั้วไม้สลายแรงคลื่น-ฟื้นฟูป่าชายหาด-ปลูกเตยทะเล รักทะเล, ปลูกปะการัง, ปล่อยปลาการ์ตูน
ทำฝายชะลอน้ำขนาดเล็กจากวัสดุธรรมชาติ, ทดลองปลูกหญ้าทะเลในนากุ้งร้าง, จัดทำเรือหางยาว (หัวโทง) โซลาร์เซลล์, ทำหมันลิงเพื่อสร้างสมดุล, ชูลันตาเป็นเมืองหลวงโซลาร์เซลล์ ลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล, ทำบ้านนกเงือก เป็นต้น
ส่งเสริมสินค้ากรีน อาทิ กระเป๋าจากถุงข้าวสาร บ้านหลังสอด, ผลิตภัณฑ์จากไม้ลอยเล, ประติมากรรมจากไม้ลอยเล, ชาลำเพ็ง และผลิตภัณฑ์รักษ์โลกอื่น ๆ
นอกจากนี้โครงการกรีนลันตายังเชิญชวนผู้มาเยือนเกาะลันตา ท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอน “นั่งเรือแจว ฟังเสียงป่า ตามหาแสง อาบอรุณยามเช้า” ที่ชุมชนบ้านทุ่งหยีเพ็ง, ฟรีไดรฟ์วิ่ง ว่ายน้ำกับแพลงตอนเรืองแสงที่บ้านโต๊ะบาหลิว (ต้องลุ้นหากโชคดีถึงจะเจอ), สัมผัสเสน่ห์วิถีชาติพันธุ์ชาวเล “อูรักลาโว้ย” ผู้มาตั้งรกรากอยู่บนเกาะลันตาเป็นกลุ่มแรก ซึ่งปัจจุบันกระจายตัวกันอยู่ ใน 5 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านคลองดาว บ้านในไร่ บ้านโต๊ะบาหลิว บ้านหัวแหลมกลาง และบ้านสังกาอู้ ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวเลกลุ่มใหญ่ที่สุดบนเกาะลันตา
และนี่ก็คือเสน่ห์ของหมู่เกาะลันตาในมิติของการท่องเที่ยวสีเขียว-กรีนลันตา ที่วันนี้โครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวนได้ปักหมุดหมู่เกาะลันตาสู่จุดหมายแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืนอีกแห่งหนึ่งของโลก
โครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวนจึงเปรียบได้ดัง การฟื้นฟูอาณาจักรปูเสฉวนแห่งหมู่เกาะลันตาให้กลับมายิ่งใหญ่เกรียงไกรอีกครั้ง
############################
ผู้สนใจบริจาคเปลือกหอยฝาเดียวใน “โครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวน” สามารถส่งไปได้ที่ 59 ม.5 อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา กระบี่ 81150 โทร. 0-7565-6576 หรือสอบถามที่เพจ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา - Mu Ko Lanta National Park
นอกจากนี้ยังสามารถสอบถามข้อมูล สถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร บนเกาะลันตาและในจังหวัดกระบี่ ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกระบี่ โทร. 0-7562-2163, 0-7561-2811-2
สำหรับรางวัล 2025 Green Destinations Top 100 Stories มีแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยที่ได้รับรางวัลจำนวนทั้งสิ้น 10 แห่ง ได้แก่
1. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่
2. อุทยานราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่
3. อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
4. เมืองเก่าอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี
5. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง จังหวัดตราด
6. ชุมชนท่าชัย ศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
7.ตลาดจีนโบราณชากแง้ว จังหวัดชลบุรี
8. เชียงคาน จังหวัดเลย
9. เมืองเก่าน่าน จังหวัดน่าน
10. เมืองเก่านาเกลือ จังหวัดชลบุรี
***และเมืองเก่าสุโขทัยได้รับรางวัล Green Destinations Gold Award 2025 (รางวัลเหรียญทอง) ซึ่งถือเป็นรางวัลสูงสุดที่ Green Destinations Foundation มอบให้กับแหล่งท่องเที่ยวที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนในทุกมิติ