xs
xsm
sm
md
lg

รู้จัก “พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์” (Louvre) พิพิธภัณฑ์ระดับโลกแห่งกรุงปารีส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์” กลายเป็นข่าวดังระดับโลกอีกครั้ง เมื่อเกิดการโจรกรรมเครื่องราชกกุธภัณฑ์สุดล้ำค่าของฝรั่งเศส โดยใช้เวลาเพียง 7 นาที ราวกับภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด

สำหรับพิพิธภัณฑ์นี้ นับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งกรุงปารีสและประเทศฝรั่งเศส ที่ควรค่าแก่การไปเยือน จึงขอชวนมารู้จักกันอีกสักครั้ง

ประติมากรรมพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
พระราชวังเก่าสู่การเป็นพิพิธภัณฑ์ระดับโลก
“พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์” หรือภาษาฝรั่งเศส “Musée du Louvre” ในกรุงปารีส คือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุดและมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นสถานที่เก็บรักษาโบราณวัตถุ ผลงานศิลปะล้ำค่ามากกว่า 35,000 ชิ้น

ในอดีตพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อยู่ภายใน “พระราชวังลูฟวร์” (Louvre Palace) ซึ่งเริ่มก่อสร้างในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 13 ในรัชสมัยของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 แต่เดิมถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการทางทหาร โดยยังปรากฏร่องรอยของกำแพงหินจากยุคกลางอยู่ในชั้นใต้ดินของพิพิธภัณฑ์ และต่อมาในปี ค.ศ. 1546 พระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 ทรงเปลี่ยนให้ลูฟวร์กลายเป็นที่ประทับหลักของราชวงศ์ฝรั่งเศส

ห้องจัดแสดงยุคพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และ 16
อาคารได้รับการออกแบบใหม่และขยายต่อเนื่องหลายครั้ง จนกลายเป็นพระราชวังลูฟวร์ในรูปแบบปัจจุบัน ภายหลังในปี ค.ศ. 1682 “พระเจ้าหลุยส์ที่ 14” ทรงย้ายราชสำนักไปยังพระราชวังแวร์ซายส์ ทำให้ลูฟวร์ ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงศิลปะของราชวงศ์ รวมถึงงานประติมากรรมกรีกและโรมันโบราณ

ช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส สภาแห่งชาติได้มีมติให้ลูฟวร์มีสถานะเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนได้ชื่นชมผลงานชิ้นเอกของประเทศ โดยพิพิธภัณฑ์เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 1793

ส่วนจัดแสดงอารยธรรมอียิปต์
ยุค “นโปเลียน” พิพิธภัณฑ์ถูกขยายขนาดและรวบรวมผลงานเพิ่มเติมจากศิลปวัตถุที่ถูกนำกลับมาจากยุโรป อียิปต์ และซีเรีย โดยได้รับชื่อใหม่ว่า Musée Napoléon แต่หลังการสละราชสมบัติ ผลงานหลายชิ้นก็ถูกส่งคืนยังประเทศต้นทาง ต่อมาในยุคจักรวรรดิฝรั่งเศสที่ 2 ก็มีการเพิ่มเติมผลงานศิลปะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนพิพิธภัณฑ์มีผลงานกว่า 20,000 ชิ้น



ส่วนจัดแสดงอารยธรรมอียิปต์
ในปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์มีวัตถุจัดแสดงสะสมไว้นับแสนชิ้น โดยเปิดให้ชมผลงานกว่า 35,000 ชิ้น ภายในพื้นที่ถาวรขนาดประมาณ 73,000 ตารางเมตร ครอบคลุมงานศิลป์ 8 หมวด ได้แก่ โบราณวัตถุอียิปต์, โบราณวัตถุตะวันออกใกล้, ศิลปะกรีก–อิทรัสกัน–โรมัน, ศิลปะอิสลาม, ประติมากรรม, ศิลปะตกแต่ง, จิตรกรรม และภาพพิมพ์

ลูฟวร์ได้รับการยกย่องให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยสถิติในปี 2024 มีนักท่องเที่ยวเข้าชมมากกว่า 8.7 ล้านคน ครองตำแหน่งพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในโลกอีกด้วย



ความวิจิตรของสิ่งจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์
ไฮไลต์ไม่ควรพลาด
การชมศิลปะจัดแสดงให้ครอบคลุมที่สุดในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ คงต้องใช้เวลานานเป็นสัปดาห์ หรือเดินทางมาหลายครั้ง ดังนั้นหากนักท่องเที่ยวมีเวลาจำกัด อาจเลือกปักหมุดชมไฮไลต์ที่โด่งดังบางส่วนไปก่อน


พีระมิดแก้ว
เริ่มต้นที่จุดเช็กอินสำคัญ คือ “พีระมิดแก้ว” (Louvre Pyramid) ที่สร้างขึ้นจากกระจกและโลหะ โดยมีพีระมิดขนาดเล็กอีก 3 หลังตั้งอยู่โดยรอบที่ลานหน้าพิพิธภัณฑ์ การก่อสร้างเริ่มขึ้นในสมัยประธานาธิบดีฟร็องซัว มีแตร็อง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เมื่อ ค.ศ.1984 ออกแบบโดย ไอ. เอ็ม. เป่ย (I. M. Pei) สถาปนิกระดับโลกชาวจีน ผู้มีชื่อเสียงในแวดวงสถาปัตยกรรมสมัยใหม่

โครงสร้างพีระมิดนี้สร้างขึ้นจากแผ่นกระจกทั้งหลัง มีความสูง 20.6 เมตร ฐานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีความยาวด้านละ 35 เมตร ประกอบขึ้นจากแผ่นกระจกถึง 673 แผ่น โดยบริษัทเครือ St. Gobain เป็นผู้ผลิตกระจกสำหรับพีระมิดแก้วดังกล่าว ซึ่งบริษัทเครือนี้มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตวัสดุก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส

Louvre Pyramid (Photo: Alan Knight)
โมนาลิซ่า
หนึ่งในไฮไลต์ที่หากไม่ไปชมก็อาจกล่าวได้ว่ายังมาไม่ถึง คือ จิตรกรรม “โมนาลิซ่า” (Mona Lisa) ภาพวาดสีน้ำมันฝีมือของ “เลโอนาร์โด ดา วินชี”

ในปี ค.ศ. 1966 พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ เลือกจัดแสดงผลงานชิ้นเอกไว้ในห้องซาลเดแต (Salle des États) ซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุด รอยยิ้มลึกลับที่มีเสน่ห์อย่างน่าพิศวงของโมนาลิซาได้ตรึงใจผู้ชมทั่วโลกมาหลายศตวรรษ หนึ่งในผู้หลงใหลคนแรกๆ คือ “กษัตริย์ฟร็องซัวที่ 1 แห่งฝรั่งเศส” ผู้เชิญ เลโอนาร์โด ดา วินชี ให้มาพำนักในฝรั่งเศส และทรงซื้อภาพนี้ในปี ค.ศ. 1518 ผลงานชิ้นนี้จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของคอลเล็กชันหลวง ที่ต่อมาได้ถูกนำมาจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์หลังการปฏิวัติฝรั่งเศส

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 เป็นต้นมา ภาพโมนาลิซา ได้รับการจัดแสดงในตู้กระจกนิรภัยกันกระสุน ซึ่งมาตรการพิเศษนี้มีขึ้นทั้งเพื่อความปลอดภัยของผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก และเพื่อการอนุรักษ์ เนื่องจากภาพนี้ไม่ได้เขียนบนผ้าใบ แต่บนแผ่นไม้ป็อปลาร์ซึ่งบิดงอไปตามกาลเวลาจนเกิดรอยร้าว ดังนั้นเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม ภาพนี้จึงต้องถูกเก็บไว้ในตู้กระจกที่ควบคุมอุณหภูมิและความชื้น

สิ่งที่ทำให้ภาพนี้มีเอกลักษณ์มาก คือเทคนิค sfumato ของดาวินชี ที่มีการซ้อนชั้นสีบางๆ เพื่อให้เกิดเอฟเฟ็กต์หมอกควันอ่อนนุ่ม สร้างเส้นขอบและแสงเงาที่ละเอียด สามารถถ่ายทอดอิริยาบถของหญิงสาวที่กำลังหมุนตัวมามองผู้ชมอย่างเป็นธรรมชาติ จนภาพนี้มีชีวิตขึ้นมาอย่างแท้จริง

“โมนาลิซ่า” จิตรกรรมระดับโลกของ เลโอนาร์โด ดา วินชี
วีนัสแห่งไมโล
“ประติมากรรมวีนัสแห่งไมโล” (Venus de Milo) หนึ่งในสามประติมากรรมสตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ชื่อของเธอมาจากเกาะเมลอส (Melos) ในประเทศกรีซ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการค้นพบในปี ค.ศ. 1820 หลังจากนั้นไม่นาน “มาร์กีส์ เดอ ริเวียร์” (Marquis de Rivière) เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำกรีซในขณะนั้น ได้ซื้อต่อและมอบประติมากรรมชิ้นนี้ถวายแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ 18 ซึ่งพระองค์ทรงพระราชทานให้พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1821 จากนั้นภายในเวลาไม่นาน “วีนัสแห่งไมโล” ก็ได้กลายเป็นผลงานศิลปะอันงดงามที่ตราตรึงใจผู้คนทั่วโลก

วีนัสแห่งไมโล
เทพีไนกี้แห่งซาโมเทรซ
ประติมากรรมเทพีแห่งชัยชนะมีปีกแห่งซาโมเทรซ (The Winged Victory of Samothrace) บ้างเรียกกันว่าเทพีไนกี้ (Nike) ผลงานศิลปะแกะสลักหินอ่อนอันเลื่องชื่อ ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดบันไดใหญ่แห่งดารู (Daru Staircase) เพื่อยกย่องความงามอันยิ่งใหญ่ของศิลปะกรีก ยุคเฮลเลนิสติก ให้เฉิดฉายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ที่นี่คือจุดบรรจบอันทรงพลังระหว่าง ประติมากรรมโบราณกับสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ โดยผลงานชิ้นนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เหล่าทวยเทพ ณ สักการะสถานบนเกาะซาโมเทรซ ประเทศกรีซ จึงถูกจัดวางไว้ในตำแหน่งสูงส่ง เพื่อให้ผู้คนมองเห็นได้แต่ไกล

ด้วยความหมายที่สื่อถึงชัยชนะ แบรนด์กีฬาดังอย่าง Nike จึงใช้ส่วนปีกที่โค้งยาวของอนุสาวรีย์ฯ เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบโลโก้ที่ติดตาคนไปทั่วโลก

เทพีไนกี้แห่งซาโมเทรซ (Photo: Vladyslav Piatyhor)

นักเรียนมาทัศนศึกษา
การโจรกรรมสะท้านโลก
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ตกเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น เพราะเกิดเหตุโจรกรรมภายในห้องแสดงอพอลโล (Gallery of Apollo) พื้นที่จัดแสดงอัญมณีของราชวงศ์และเพชรประจำราชบัลลังก์ฝรั่งเศส โดยคนร้ายใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีในการปฏิบัติการ

สมบัติที่ถูกโจรกรรมเป็นชุดเครื่องประดับยากเกินประเมินค่า เช่น สร้อยคอมรกตและเพชรที่นโปเลียนพระราชทานแก่จักรพรรดินีมารี หลุยส์ พระมเหสี และมงกุฎของจักรพรรดินีเออเฌนี พระมเหสีในจักรพรรดินโปเลียนที่ 3

รายละเอียดสิ่งที่ถูกขโมยไป 8 ชิ้น ได้แก่ รัดเกล้า (Tiara) และเข็มกลัด ที่เคยเป็นของจักรพรรดินียูจีนี พระมเหสีของนโปเลียนที่ 3, สร้อยคอมรกต และต่างหูมรกตหนึ่งคู่ จากชุดของจักรพรรดินีมารี หลุยส์, รัดเกล้า สร้อยคอ และต่างหูหนึ่งข้าง จากชุดแซฟไฟร์ที่เป็นของสมเด็จพระราชินีมารี-อาเมลีและสมเด็จพระราชินีออร์แตนส์, เข็มกลัดเรลิเควียรี" (reliquary brooch)

นอกจากนั้น มีสมบัติอีก 2 ชิ้น หนึ่งในนั้นคือ มงกุฎของจักรพรรดินียูจีนี แต่เจ้าหน้าที่พบตกอยู่นอกกำแพงพิพิธภัณฑ์ โดยเชื่อว่ากลุ่มโจรทำตกไว้ขณะหลบหนี


ข้อมูลเกี่ยวกับ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เพิ่มเติม https://www.louvre.fr/en




กำลังโหลดความคิดเห็น