xs
xsm
sm
md
lg

10 สุดยอดโบราณวัตถุต้องชม ที่ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


10 สุดยอดโบราณวัตถุต้องชม ที่ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร”
เปิดลายแทง 10 โบราณวัตถุต้องชม กับสุดยอดผลงานระดับมาสเตอร์พีช ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ซึ่งเป็นมากกว่าวัตถุโบราณ แต่คือจิ๊กซอว์ประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่คนไทยทุกคนควรหาโอกาสไปชมให้เห็นกับตาสักครั้งในชีวิต

1. ประติมากรรมพระศิวะ (Golden Boy) การกลับคืนสู่แผ่นดินไทย

ประติมากรรมพระศิวะ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Golden Boy คือไฮไลต์ที่เพิ่งกลับมาสู่แผ่นดินไทย ยกให้เป็นดาวเด่นที่ต้องชมอันดับหนึ่ง โดยกรมศิลปากร ระบุว่า ประติมากรรมพระศิวะองค์นี้ เป็นศิลปะเขมรในประเทศไทย สมัยเมืองพระนคร แบบบาปวน มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 หรือประมาณ 900 ปีมาแล้ว

Golden Boy (องค์กลาง)
Golden Boy สร้างจากสำริดกะไหล่ทองและประดับด้วยการฝังเงินอย่างวิจิตร ถือเป็นหนึ่งในเทวรูปสำริดที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยค้นพบจากยุคดังกล่าว โบราณวัตถุชิ้นนี้เพิ่งได้รับคืนจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน (The Met) สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังจัดแสดงร่วมกับ ประติมากรรมสตรีพนมมือ ซึ่งเป็นโบราณวัตถุที่ได้รับคืนมาพร้อมกัน และนำมาจัดแสดงให้ชาวไทยได้ชื่นชมความงาม

พิกัด: ห้องลพบุรี อาคารมหาสุรสิงหนาท

2. พระพิฆเนศประทับกะโหลก เทพศิลป์จากชวา ของขวัญล้ำค่าสมัยรัชกาลที่ ๕


พระพิฆเนศประทับกะโหลก
หนึ่งในโบราณวัตถุที่สร้างความประทับใจและน่าเกรงขามที่สุดในพิพิธภัณฑ์ฯ คือประติมากรรมหิน พระพิฆเนศประทับนั่งบนบัลลังก์กะโหลกมนุษย์ ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศิลปะอย่างยิ่ง โดยเป็นศิลปวัตถุที่ได้รับมาจากเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย ไม่ใช่ศิลปะที่สร้างขึ้นในประเทศไทย

โดยประติมากรรมองค์นี้เป็น ศิลปะชวาตะวันออก มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 15-16 มีความสูงถึง 172 เซนติเมตร ตามประวัติระบุว่า ผู้สำเร็จราชการเกาะชวา (ชาวฮอลันดา) ได้น้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ในคราวเสด็จประพาสชวาเมื่อปี พ.ศ. 2439

พิกัด: ห้องศรีวิชัย อาคารมหาสุรสิงหนาท

3. พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ประติมากรรมชิ้นเอกแห่งอาณาจักรศรีวิชัย


ประติมากรรมพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
หนึ่งในประติมากรรมที่ได้รับการยอมรับว่างดงามที่สุดในศิลปะศรีวิชัย คือ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร องค์นี้ ค้นพบที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเป็นต้นแบบของตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดในปัจจุบัน

ประติมากรรมสำริดชิ้นนี้สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 14 สะท้อนถึงความรุ่งเรืองของศาสนาพุทธนิกายมหายานในอาณาจักรศรีวิชัย แม้จะอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ แต่ยังคงความงดงามอ่อนช้อยของท่ายืนตริภังค์ (การยืนเอียงสะโพก) และรายละเอียดเครื่องประดับอันวิจิตร ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับศิลปะในชวากลาง บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมในอดีต

พิกัด: ห้องศรีวิชัย อาคารมหาสุรสิงหนาท

4. ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง มรดกความทรงจำแห่งโลกและจุดกำเนิดอักษรไทย


ศิลาจารึกหลักที่ 1 หรือจารึกพ่อขุนรามคำแหง
ศิลาจารึกหลักที่ 1 หรือจารึกพ่อขุนรามคำแหง ค้นพบในปี พ.ศ. 2376 ณ เนินปราสาทเมืองเก่าสุโขทัย โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ขณะที่ยังทรงผนวช และทรงเป็นผู้ไขความลับของอักษรโบราณบนจารึกนี้ได้เป็นพระองค์แรก

ศิลาจารึกหลักนี้ แบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ส่วน คือ พระราชประวัติส่วนพระองค์ของพ่อขุนรามคำแหง, เรื่องราวเหตุการณ์สำคัญในกรุงสุโขทัยและการประดิษฐ์อักษรไทย “ลายสือไทย” ในปี พ.ศ. 1826 และคำยอพระเกียรติคุณของพระองค์ ซึ่งไม่เพียงเป็นโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ แต่ยังเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดย UNESCO ได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็น “มรดกความทรงจำแห่งโลก” (Memory of the World) เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2546

พิกัด: ห้องสุโขทัย อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์

5.พระแท่นราชบรรจถรณ์พระเจ้ากรุงธนบุรี งานศิลป์ชั้นสูงจากเมืองแกลง สู่สมบัติล้ำค่าใจกลางพระนคร


พระแท่นราชบรรจถรณ์พระเจ้ากรุงธนบุรี
พระแท่นราชบรรจถรณ์พระเจ้ากรุงธนบุรี คือผลงานศิลปะชั้นครูที่สะท้อนถึงอิทธิพลของศิลปะจีน ซึ่งรุ่งเรืองอย่างยิ่งในยุคสมัยแห่งการฟื้นฟูชาติบ้านเมือง ลักษณะเป็นตั่งไม้ฐานสิงห์ที่แฝงไปด้วยสัญลักษณ์มงคลตามคติจีนอย่างแยบยล มีงานจำหลักลายอันวิจิตร ซึ่งแต่ละลวดลายล้วนมีความหมายอันเป็นมงคลซ่อนอยู่ จุดสำคัญที่สุดอยู่บริเวณกึ่งกลางด้านหน้า ที่จำหลักเป็นรูปมังกรคู่หันหน้าเข้าหากัน คั่นกลางด้วยดาบและอักษรจีนคำว่า “หวัง” (王) ที่มีความหมายตรงตัวว่า “กษัตริย์” และขาตั้งทั้งสี่จำหลักเป็นรูปสิงโตหมอบ อันเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจบารมี

ขณะที่ส่วนแข้งสิงห์จำหลักลาย ค้างคาว ซึ่งในภาษาจีนพ้องเสียงกับคำว่า “ฮก” หมายถึง โชคลาภ วาสนา และอายุยืนยาว และทั่วทั้งองค์พระแท่นประดับด้วยลายดอกไม้มงคลนานาชนิด เช่น ดอกโบตั๋น (ความมั่งคั่ง) ดอกบ๊วย (ความอดทน) และ ส้มมือ (ยศถาบรรดาศักดิ์) สะท้อนถึงคำอวยพรให้แผ่นดินเจริญรุ่งเรือง

พระแท่นองค์นี้ มีประวัติการค้นพบที่ เมืองแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งสร้างคำถามแก่นักประวัติศาสตร์ว่า เหตุใดราชสมบัติจากกรุงธนบุรีจึงไปปรากฏอยู่ที่หัวเมืองชายทะเลตะวันออกได้ ซึ่งนักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับพระเถระชั้นผู้ใหญ่ชาวเมืองแกลงในอดีต ที่อาจนำกลับไปยังบ้านเกิด ซึ่ง พระแท่นองค์นี้ได้ถูกอัญเชิญมาจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตั้งแต่ พ.ศ. 2469 และได้กลายเป็นหนึ่งในโบราณวัตถุชิ้นเอกที่บอกเล่าเรื่องราวแห่งยุคกรุงธนบุรีได้สมบูรณ์ที่สุด

พิกัด : ห้องกรุงธนบุรี-รัตนโกสินทร์ตอนต้น, อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์

6. พระเก้าอี้พับคู่พระทัยรัชกาลที่ 1 นวัตกรรมแห่งยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น


พระเก้าอี้พับคู่พระทัยรัชกาลที่ ๑
พระเก้าอี้พับคู่พระทัยรัชกาลที่ ๑ ซึ่งเป็นราชอาสน์ที่เป็นมากกว่าที่ประทับ แต่คือ "นวัตกรรม" แห่งยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานจริงในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามเสด็จพระราชดำเนินไปในราชการสงคราม หรือในกระบวนเสด็จที่อาจต้องทรงยืนเป็นเวลานาน หากเจ้าพนักงานยังมิได้จัดเตรียมพระแท่นที่ประทับไว้ พระเก้าอี้พับองค์นี้จะถูกเชิญเข้าไปทอดถวายเป็นที่ประทับเฉพาะพระพักตร์

นับเป็น "บัลลังก์เคลื่อนที่" ที่สะท้อนถึงความฉับไวและเรียบง่ายในยามศึกสงคราม ซึ่งเป็น ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ 24 (200 ปีมาแล้ว) พระเก้าอี้พับ ที่ประทับทำด้วยไม้ลงรักปิดทองหนัง กลางพนักมีนวมหนังสำหรับรับพระปฤษฎางค์เมื่อเอนพระองค์ลงพิง

พิกัด : ห้องกรุงธนบุรี-รัตนโกสินทร์ตอนต้น, อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์

7.บ้านตุ๊กตาเจ้าจอมเลียม บันทึกการเปลี่ยนผ่านสู่สมัยใหม่


บ้านตุ๊กตาเจ้าจอมเลียม
"บ้านตุ๊กตา" ของเจ้าจอมเลียม (ในรัชกาลที่ ๕) ชิ้นนี้ ไม่ใช่แค่ของเล่น แต่คือบันทึกประวัติศาสตร์ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 หลักฐานคือพระบรมฉายาลักษณ์ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ที่ประดับอยู่ภายใน ตัวบ้านจำลองอาคาร 3 ชั้นแบบตะวันตก มีบันไดอยู่ภายใน ซึ่งฉีกขนบเรือนไทยโบราณโดยสิ้นเชิง

อย่างไรก็ดีในความทันสมัยของยุคนั้นกลับซ่อนของใช้แบบไทยดั้งเดิมไว้ ทั้งโอ่งเขียวและกระต่ายขูดมะพร้าว นับเป็นภาพสะท้อนการรับวัฒนธรรมตะวันตกในสังคมไทยยุคเปลี่ยนผ่านที่สมบูรณ์แบบที่สุด

พิกัด : พระตำหนักแดง

8.ตุ๊กตาเสียกบาล อุบายลวงวิญญาณผ่านดินปั้นแห่งสุโขทัย



ลืมภาพตุ๊กตาดินเผาน่ารักไปก่อน เพราะนี่คือ ตุ๊กตาเสียกบาล หลักฐานความเชื่อด้านไสยศาสตร์และพิธีกรรมอันลึกซึ้งจากสมัยสุโขทัย ในยุคที่การแพทย์ยังไม่ก้าวหน้า ผู้คนเชื่อว่าภูตผีคือสาเหตุของโรคภัยไข้เจ็บ จึงเกิดอุบาย "ลวงผี" ด้วยการใช้ตุ๊กตาเหล่านี้เป็นตัวแทนรับเคราะห์

ตุ๊กตาจะถูกใส่ใน "กะบาน" (ภาชนะกาบกล้วย) พร้อมเครื่องเซ่น แล้วนำไปวางไว้ที่ทางสามแพร่ง เพื่อให้วิญญาณมารับไปแทนคนจริง ไฮไลต์คือการจงใจ "หักคอ" ตุ๊กตา ซึ่งเป็นกลลวงให้ผีเชื่อว่าคนผู้นั้นเสียชีวิตไปแล้ว จะได้ไม่มาเอาชีวิตไป แม้จะปั้นอย่างหยาบๆ แต่กลับเต็มไปด้วยรายละเอียดของวิถีชีวิตคนสุโขทัย ทั้งหญิงให้นมลูก, ชายอุ้มไก่ชน, คนเคี้ยวหมากแก้มตุ่ย ไปจนถึงอากัปกิริยาต่างๆ ที่สะท้อนภาพสังคมในอดีตได้อย่างน่าทึ่ง

พิกัด : พระตำหนักแดง

9.ห้องนาฏดุริยางค์ คลังสมบัติแห่งนาฏศิลป์ชั้นสูงของราชสำนัก


เศียรครู งานประณีตศิลป์ของหัวโขนชั้นครู
ก้าวเข้าสู่ "ห้องนาฏดุริยางค์" ที่นี่คือคลังสมบัติแห่งนาฏศิลป์ชั้นสูงของราชสำนัก ภารกิจของเราคือการสำรวจศิลปะการแสดงที่บางแขนงเกือบจะสาบสูญไปตามกาลเวลา อาทิ หนังใหญ่ชุดพระนครไหว หนังใหญ่ขนาดมหึมาที่งดงามราวกับจิตรกรรมเคลื่อนไหว, หุ่นหลวง ที่ซ่อมแซมโดย อ.จักรพันธุ์ โปษยกฤต ศิลปินแห่งชาติ ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

หุ่นวังหน้า ไฮไลต์ล้ำค่า ศิลปะการเชิดหุ่นชั้นสูงที่ไร้ผู้สืบทอด และเกือบจะเลือนหายไปแล้ว และเศียรครู: ชมงานประณีตศิลป์ของหัวโขนชั้นครู โดยเฉพาะ เศียรหนุมานประดับเปลือกหอยมุก ที่สันนิษฐานว่าเป็นฝีพระหัตถ์ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 2

นอกจากนี้ก็ยังมี ศีรษะนางแมว เศียรนี้ใช้แสดงละครนอกเรื่อง "ไชยเชษฐ์" ซึ่งรัชกาลที่ 2 ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นใหม่ และโปรดให้สตรีชาววังแสดง ซึ่งเป็นการพลิกขนบละครนอกในสมัยนั้น ซึ่งสร้างจากโลหะทองแดง ประดับแก้วอย่างวิจิตร ลักษณะจำลองมาจาก "แมวพันธุ์โกญจา" ของไทยโบราณ ที่มีขนสีดำสนิทและนัยน์ตาสีดอกบวบ (เหลืองอมเขียว) งดงามราวกับมีชีวิต เป็นสมบัติเก่าของเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง (เพ็ง เพ็ญกุล) ซึ่งเจ้าจอมมารดามรกฎในรัชกาลที่ ๕ นำมามอบให้พิพิธภัณฑ์ฯ

พิกัด : ห้องนาฏดุริยางค์ มหรสพและการละเล่นของหลวง

10. ฉลองพระองค์ ร.๔ แฟชั่นปฏิวัติสยาม 


ฉลองพระองค์ รัชกาลที่ ๔
ฉลองพระองค์ รัชกาลที่ ๔ คือเครื่องแต่งกายที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ เพราะไม่ใช่แค่ฉลองพระองค์ (เสื้อคลุม) ธรรมดา แต่ฉลองพระองค์องค์นี้มีต้นแบบมาจาก เครื่องแบบทหารยุโรป ด้วยลักษณะเสื้อนอกชายยาว แขนยาว และคอตั้ง แสดงถึงอิทธิพลตะวันตกที่เข้ามาในราชสำนักอย่างชัดเจน แต่สิ่งที่ทำให้ฉลองพระองค์องค์นี้เป็นสมบัติล้ำค่า คือสัญลักษณ์ที่ซ่อนอยู่

ในยุคล่าอาณานิคม การแต่งกายให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศ คือหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญที่แสดงให้เห็นว่าสยามเป็นชาติที่ศิวิไลซ์ พระองค์ทรงนำฉลองพระองค์รูปแบบนี้มาใช้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการทูตเชิงแฟชั่น และเป็นต้นแบบที่พัฒนาไปสู่เครื่องแบบเต็มยศของข้าราชการชั้นสูงในสมัยรัชกาลที่ ๕ ต่อไป

พิกัด : ห้องอิสริยพัสตราภูษาภัณฑ์ พระที่นั่งอุตราภิมุข


###############################

“พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร” ตั้งอยู่บนถนนหน้าพระธาตุ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เปิดให้บริการ วันพุธ - อาทิตย์ เวลา 08.30-16.00 น. (ปิดวันจันทร์-อังคาร) ค่าเข้าชม · คนไทย 30 บาท · ชาวต่างประเทศ 240 บาท โทร.0-2224-1370




กำลังโหลดความคิดเห็น