xs
xsm
sm
md
lg

สัมผัสเสน่ห์ “ชลบุรี” ที่ไม่ธรรมดา ตามรอยที่เที่ยว-พัก “รางวัลกินรี” ปี 2568

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี


ช้างว่ายน้ำ โชว์ชื่อดังของสวนสัตว์เปิดเขาเขียว หนึ่งในผู้คว้ารางวัลกินรี ปี 68
“รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย” (Thailand Tourism Awards) หรือ “รางวัลกินรี” เป็นรางวัลที่ทาง “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)” จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุก 2 ปี เพื่อเชิดชูผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยที่มีคุณภาพสินค้า และบริการทางการท่องเที่ยวที่ยอดเยี่ยม ซึ่งในปี พ.ศ. 2568 นี้ ได้เดินทางมาถึงปีที่ 30 แล้ว

รางวัลกินรีในปีนี้มีความพิเศษตรงที่มีการเพิ่ม “รางวัลแห่งความยั่งยืน (Thailand Tourism Sustainability Awards)” เข้ามา เพื่อมอบให้แก่ผู้ประกอบการที่มีความยอดเยี่ยมในการบริหารจัดการความยั่งยืน ซึ่งทาง ททท. ได้ประกาศผลรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 15 ปี 2568 ไปเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา มีทั้งหมด 151 รางวัลด้วยกัน

รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย หรือ รางวัลกินรี
สำหรับชลบุรีเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ได้รางวัลกินรีปี 2568 ไปไม่น้อย และนี่ก็คือ 5 สถานที่ในชลบุรีที่สามารถคว้ารางวัลอันทรงเกียรติแห่งวงการท่องเที่ยวของปีนี้ไปครอง

สวนสัตว์เปิดเขาเขียว
รางวัลดีเด่น ประเภทแหล่งท่องเที่ยว สาขาแหล่งท่องเที่ยวนันทนาการ

“สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” (ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี) สวนสัตว์เปิดแห่งแรกของเมืองไทย (สวนสัตว์ลำดับที่ 2 ของประเทศ) ผู้สร้างปรากฏการณ์ “หมูเด้งฟีเวอร์” เมื่อปี 2567 จนโด่งดังกระฉ่อนโลก ปัจจุบันถือเป็นสวนสัตว์ยอดนิยมอันดับ 1 ของเมืองไทย

หมูเด้ง (ตัวหน้า) วันนี้เริ่มเป็นสาวตัวโตเกือบเท่าแม่แล้ว
สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ดำเนินงานภายใต้นโยบายหลัก 4 ประการ คือ การอนุรักษ์สัตว์ป่า การศึกษาค้นคว้าวิจัย เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และให้ประโยชน์กับสังคม โดยมีการบริหารจัดการและการดูแลสัตว์ตามมาตรฐานสากล รวมถึงเน้นในเรื่องความปลอดภัย ทั้งของนักท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ และสัตว์ทุกตัว

สวนสัตว์แห่งนี้มีเนื้อที่ราว 5,000 ไร่ ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่น มีสัตว์กว่า 300 ชนิด มากกว่า 3,000 ตัว มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วนหลัก คือ ส่วนศึกษาและวิจัย (ไม่อนุญาตให้บุคคลทั่วไปเข้ามาเที่ยวชม) ส่วนบริการที่จัดไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว และ “ส่วนแสดง” ที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวสันทนาการ เปิดให้ประชาชนคนทั่วไปเข้าเยี่ยมชม

ฝูงนกฟลามิงโก้ในโซนอัฟริกา
สำหรับกิจกรรมหลักของผู้มาเยือนสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ก็คือการชมวิถีความเป็นอยู่ของสัตว์ในโซนต่าง ๆ อาทิ อัฟริกา อเมซอน อเมริกาใต้ ออสเตรเลีย ป่าเอเชีย และมหัศจรรย์สัตว์โลก เป็นต้น ซึ่งทางสวนสัตว์ได้จัดให้บรรดาสัตว์ต่าง ๆ ได้อยู่ในสภาพที่ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด

ขณะที่ไฮไลต์ไม่ควรพลาดเมื่อมาสวนสัตว์แห่งนี้ก็คือการชมความน่ารักน่าเอ็นดูของสัตว์ชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น “หมูเด้ง” ฮิปโปแคระ ซุปตาร์สัตว์ชื่อดังระดับโลกที่วันนี้เริ่มเป็นสาวตัวโตเกือบเท่าแม่โจน่าเลยทีเดียว, ครอบครัวหนูยักษ์ “คาปิบารา” ที่เพิ่งได้ 3 สมาชิกใหม่ชื่อ “กิง ก่อง แก้ว” สุดน่ารัก มาเรียกรอยยิ้ม เสียงหัวเราะให้กับนักท่องเที่ยว

กิง ก่อง แก้ว ลูกหนูยักษ์คาปิบารา สมาชิกใหม่แห่งสวนสัตว์เปิดเขาเขียว (ภาพ : เพจ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว)
“แม่มะลิ” ฮิปโปโปเตมัสที่มีอายุยืนที่สุดในเมืองไทยถึง 60 ปี และอายุยืนเป็นอันดับ 2 ของโลก, “ขาหมู” อีกหนึ่งฮิปโปดาวดังที่มาของชื่อเพจดัง ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง และฝูงนกฟลามิงโก้ในโซนอัฟริกาที่น่าชมไม่น้อย เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการแสดงของสัตว์แสนรู้ คือ พาเหรดเพนกวินสุดน่ารัก และโชว์ช้างว่ายน้ำสุดตื่นตาที่ถือเป็นอีกหนึ่งภาพจำสุดอะเมซิ่งของสวนสัตว์แห่งนี้

พาเหรดเพนกวิน
สำหรับการได้รางวัลกินรีในครั้งนี้ ทางสวนสัตว์เปิดเขาเขียวระบุว่า นี่คือรางวัลแห่งความภาคภูมิใจสำหรับสัตว์ทุกตัวและทีมงานทุกคนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการทำข้อมูลเพื่อส่งผลงานเข้าประกวดในครั้งนี้

วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวตะเคียนเตี้ย
รางวัลแห่งความยั่งยืน ประเภทแหล่งท่องเที่ยว

วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวตะเคียนเตี้ย (ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชุมชนชั้นนำของเมืองไทยที่คว้ารางวัลต่าง ๆ มามากมาย รวมถึงล่าสุดกับรางวัลกินรีปี 68 ด้านความยั่งยืน ซึ่งตอกย้ำให้เห็นถึงการดำเนินการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการท่องเที่ยวยั่งยืนของชุมชนแห่งนี้

สวนมะพร้าวที่สวนฟ้าใสไอโกะ
ชุมชนตะเคียนเตี้ยเป็นแหล่งปลูกมะพร้าวขนาดใหญ่หนึ่งเดียวในภาคตะวันออกที่หลงเหลืออยู่ ที่นี่จึงนำอัตลักษณ์แห่งภูมิปัญญาท้องถิ่นโดยเฉพาะเรื่องมะพร้าว มาเป็นธงนำทางการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และวิถีที่เรียบง่ายพอเพียง

สำหรับผู้ที่มาเยือนชุมชนตะเคียนเตี้ยต้องห้ามพลาดการลิ้มลองอาหาร-เครื่องดื่มเมนูเด็ดที่มีส่วนประกอบจากมะพร้าว ที่ถือเป็นอีกหนึ่ง Soft Power อันโดดเด่นของชุมชนแห่งนี้ นำโดย “แกงไก่กะลา” รสชาติจัดจ้านถึงใจจากสูตรเครื่องพริกแกงเข้มข้น ซึ่งทางชุมชนมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวร่วมทำเมนูแกงไก่กะลากับเชฟชุมชน “ป้าแป๊ด-อภิญญา ทิพนาค” ที่มีดีกรีเป็นวิยากรสอนเชฟใหญ่ ๆ จากโรงแรมดังทำเมนูอาหารท้องถิ่นของชุมชนมาแล้ว

แกงไก่กะลา (บน) กาแฟมะพร้าว-ขนมดอกมะพร้าว (ล่าง)
นอกจากนี้ยังมี “กาแฟมะพร้าว” ใส่กะทิสด (แทนนมสด) หอมน้ำมะพร้าว และ “ขนมดอกมะพร้าว” (ป้าแป๊ดเป็นคนคิดสูตร) รสกลมกล่อมกรอบนอกนุ่มใน หวานมันกำลังดี ซึ่งทั้ง 2 เมนู หากกินคู่กัน ยิ่งเพิ่มความอร่อยมากขึ้นไปอีก

ที่ชุมชนตะเคียนเตี้ยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมน่าสนใจต่าง ๆ อีกหลากหลายให้ทำ อาทิ 

-“บ้านร้อยเสา” บ้านแฝดขนาดใหญ่มีเสาถึง 102 ต้น บริเวณบ้านร้อยเสาแห่งนี้ยังเป็นศูนย์วัฒนธรรม พื้นที่ทำกิจกรรมของนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น โฮมสเตย์ ทำพวงมโหตร พิมพ์กระเป๋าดอกไม้สด เพ้นท์กะลา และทำแกงไก่กะลา เป็นต้น

ทำผ้ามัดย้อมที่สวนฟ้าใสไอโกะ
-“สวนฟ้าใสไอโกะ” ชมสวนมะพร้าวที่ปลูกอย่างเป็นระเบียบสวยงาม, เล่นกีฬา Disc Golf 18 หลุมในสวนมะพร้าวที่มีไม่กี่แห่งในเมืองไทย ทำผ้ามัดย้อมสีจากเปลือกมะพร้าว และชิมกาแฟมะพร้าว เป็นต้น

นอกจากนี้บริเวณชุมชนตะเคียนเตี้ยยังมี วัดตะเคียนเตี้ย-หลวงพ่อนิยม, วัดสังกะเปรียว และอุทยานพระพิฆเนศร้าง ให้นักท่องเที่ยวสายมูกราบสักการะอธิษฐานขอพรกันอีกด้วย

โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา
รางวัลยอดเยี่ยม ประเภทที่พักนักท่องเที่ยว สาขาดีไซน์โฮเทล

ล็อบบี้ รร.แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา
“แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา” (Grande Centre Point Space Pattaya) เป็นโรงแรมหรูที่มีดีไซน์อันโดดเด่นจากการตกแต่งในธีม “โลกอวกาศ” อย่างเต็มรูปแบบแห่งแรกของเมืองไทย สร้างบรรยากาศให้ผู้เข้าพักเสมือนได้ออกเดินทางไปยังโลกอวกาศตั้งแต่ก้าวแรกที่มาเยือน

โดยห้องพักทุกห้องจะตกแต่งสไตล์อวกาศ มีระเบียงส่วนตัวมองเห็นวิวทะเลพัทยา อีกทั้งยังสามารถนอนมองดูดวงดาวจากการประดับประดาบนเพดานห้องได้อีกด้วย

ห้องอาหาร Sola | Luna
ขณะที่สิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ที่โดดเด่นของโรงแรมแห่งนี้ ได้แก่ Sola | Luna ห้องอาหารบนชั้น 32 และ Sky Pool สระว่ายน้ำลอยฟ้าที่สูงที่สุดในพัทยา ซึ่งทั้ง 2 ส่วนสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อ่าวพัทยาได้อย่างสวยงามกว้างไกล

นอกจากนี้ยังมี Space water park (สงวนสิทธิ์เฉพาะผู้เข้าพัก) สวนน้ำธีมอวกาศขนาดยักษ์แห่งแรกในเมืองไทย มีพื้นที่ 12,000 ตารางเมตร แบ่งออกเป็น 4 โซน 4 ธีมเฉพาะตัว

โรงแรมเดอะ เบย์วิว พัทยา
รางวัลดีเด่น ประเภทที่พักนักท่องเที่ยว สาขาซิตี้โฮเทล

โรงแรมเดอะ เบย์วิว พัทยา
โรงแรมเดอะ เบย์วิว พัทยา (The Bayview Hotel Pattaya) (ถนนเลียบชายหาด พัทยา จ.ชลบุรี) กลุ่มโรงแรมในเครือสุโกศล ตั้งอยู่ในทำเลอันโดดเด่นริมทะเลใจกลางเมืองพัทยา สามารถเข้าออกได้ทั้ง 2 ทาง และสามารถเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ๆ และห้างสรรพสินค้าชั้นนำในพัทยาได้อย่างสะดวกสบาย

เดอะ เบย์วิว พัทยา เป็นโรงแรมหรูหราที่มีจุดเด่นคือบริการที่เต็มไปด้วยหัวใจแบบไทย ใส่ใจทุกรายละเอียด เพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจ ให้กับผู้เข้าพักทุกคน ตามแนวคิด “Hotels with Heart”

ล็อบบี้ โรงแรมเดอะ เบย์วิว พัทยา
โรงแรมแห่งนี้มีทั้งหมด 260 ห้อง แต่ละห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งยังมีการตกแต่งอย่างสวยงามพิถีพิถัน ในแต่ละชั้นแต่ละประเภทห้องพักจะมีรูปแบบการออกแบบและตกแต่งที่แตกต่างกันออกไป หลายห้องมีการนำของเก่าของสะสมในคอลเลคชั่นของผู้บริหารโรงแรมมาตกแต่งให้อารมณ์กึ่ง ๆ พิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ ดูสวยงามแปลกตา ขณะที่ตามทางเดินในชั้น ๆ ต่างก็มีภาพวาด ภาพถ่ายชวนมองมาประดับตกแต่ง ตามธีมของแต่ละชั้น

ห้องพัก โรงแรมเดอะ เบย์วิว พัทยา
นอกจากนี้เดอะ เบย์วิว พัทยา ยังมุ่งเน้นเรื่องการเป็นโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการท่องเที่ยวยั่งยืน มีการทำงานร่วมกับสถานที่ท่องเที่ยวและชุมชนท้องถิ่น จัดทำแพ็กเกจท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ความสนใจที่หลากหลาย ทั้งโปรแกรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม กิจกรรมท้องถิ่นที่สะท้อน ตลอดจนกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงสนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและสินค้ำ OTOP คุณภาพ เพื่อสนับสนุนชุมชนในหลากหลายมิติ

โรงแรมสยามเบย์ชอร์ รีสอร์ต พัทยา

รางวัลดีเด่น ประเภทที่พักนักท่องเที่ยว สาขารีสอร์ต 

รางวัลแห่งความยั่งยืน ประเภทที่พักนักท่องเที่ยว

โรงแรมสยามเบย์ชอร์ รีสอร์ท พัทยา
“สยามเบย์ชอร์ รีสอร์ท พัทยา” (Siam Bayshore Resort Pattaya) (ตั้งอยู่ติด Walking Street และท่าเรือแหลมบาลีฮาย) กลุ่มโรงแรมในเครือสุโกศล ที่เป็นหนึ่งในโรงแรมเก่าแก่ยุคบุกเบิกของพัทยาที่วันนี้ (2568) มีอายุ 50 ปีแล้ว โรงแรมแห่งนี้มีพื้นที่ 44 ไร่ แบ่งเป็น 2 โซนหลัก คือ Ocean wing ที่เป็นอาคารตึกฝั่งริมทะเล และ Garden wing รีสอร์ตสไตล์ทรอปิคอลที่โดดเด่นไปด้วยสวนสวย และแมกไม้น้อยใหญ่อันเขียวชอุ่มร่มรื่น ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้เข้าพัก

สยามเบย์ชอร์ฯ ตกแต่งในสไลต์ไทยที่ดูคลาสสิกหรูหรา พร้อมทั้งมีการปรับปรุงให้ร่วมสมัยอยู่ตลอดเวลา รวมถึงมีมาตรฐานด้านความสะอาดและการบริการที่โดดเด่น ที่ช่วยสร้างประทับใจให้แก่ผู้เข้าพัก

โซน Ocean wing
นอกจากนี้สยามเบย์ชอร์ฯ ยังเดินหน้าสู่การเป็นโรงแรมสีเขียวอย่างเต็มสูบ เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นการประหยัดพลังงานน้ำ-ไฟ มีการนำรถตุ๊ก ๆ ไฟฟ้ามาใช้บริการลูกค้าเพื่อประหยัดพลังงาน ให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า มีการทำปุ๋ยหมักและน้ำหมักจุลินทรีย์ มีการคัดแยกขยะและลดปริมาณขยะจากเศษอาหาร เป็นต้น

รวมถึงมี “ห้องรักษ์โลก” (Green Room) จำนวน 12 ห้อง (ในราคาที่ไม่ต่างจากห้องพักทั่วไป) ภายในห้องใช้วัสดุตกแต่งจากธรรมชาติ นำสินค้าจากชุมชนอย่างเช่น ผ้าขาวม้า ผ้าฝ้ายไม่ฟอกสี เศษผ้าเหลือ มาประดับตกแต่ง

ห้องพักตกแต่งสไตล์ไทย
มีการนำวัสดุเหลือใช้มาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ มีถังขยะ 2 แบบ ถือถังขยะทั่วไปกับถังขยะรีไซเคิล ให้ผู้เข้าพักได้เลือกทิ้ง ซึ่งใครที่เข้าพักในห้องรักษ์โลกตั้งแต่ 3 คืนขึ้นไป จะได้รับกระเป๋าผ้าทำจากผ้าเหลือใช้สวยเก๋หนึ่งเดียวในโลก กลับไปเป็นของที่ระลึกกัน

โรงแรมสยามเบย์ชอร์ฯ แม้จะตั้งอยู่ท่ามกลางย่านแสงสีและวอล์คกิ้งสตรีทอันพลุกพล่าน แต่เมื่อเข้ามาที่นี่จะเป็นดังโอเอซิสให้ได้พักผ่อนพักกายพักใจ

สระว่ายน้ำ
ด้วยความโดดเด่นทั้งในเรื่องของมาตรฐานการบริการและเรื่องการใส่ใจในสิ่งแวดล้อมทำให้ โรงแรมสยามเบย์ชอร์ฯ คว้ารางวัลกินรีในปีนี้มาครองถึง 2 รางวัล รวมถึงยังได้รับการรับรอง มาตรฐานโรงแรมสีเขียวของอาเซียน ประจำปี 2025 อีกด้วย

และนี่ก็คือ 5 สถานที่ดีกรีรางวัลกินรีปี 2568 ที่ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกชั้นดีในการเที่ยว-พัก ที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งแต่ละที่นั้นล้วนต่างไม่ธรรมดา สมราคารางวัลอันทรงเกียรติแห่งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

สวนประดับโซน Garden wing




กำลังโหลดความคิดเห็น