บทสัมภาษณ์พิเศษกับเฉินเจีย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวัฒนธรรมแห่งบริษัทเซี่ยงไฮ้ อวี้หยวน ทัวริสต์มาร์ท กรุ๊ป: ปลุกสุนทรียศาสตร์ตะวันออกให้มีชีวิต ณ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
ท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา เกล็ดหลากสีของสัตว์เทพ “ไป๋เจ๋อ” แผ่ประกายระยิบระยับท่ามกลางแสงไฟ ดอกไม้แห่งมิตรภาพจีน-ไทยเบ่งบานในเงาแสง ในมหกรรมวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่นานกว่า 50 วันนี้ ผู้ชมหลายคนได้สัมผัสจังหวะแห่งการผสมผสานวัฒนธรรมจีน-ไทยผ่านแสงสีบนเกาะทั้งสี่ของพื้นที่จัดงาน จากแม่น้ำหวงผู่ ณ เซี่ยงไฮ้ สู่แม่น้ำเจ้าพระยา ณ กรุงเทพฯ เทศกาลโคมไฟอวี้หยวนกำลังใช้สุนทรียศาสตร์ตะวันออกเป็นหลักในการวาดแผนที่การเดินเรือใหม่สําหรับ "แผ่ขยายวัฒนธรรม"
มอบโคมไฟเป็นของขวัญ
เมื่อคบไฟของบรรพบุรุษวิวัฒนาการมาเป็นโคมไฟหลากสี ความรู้สึกขอบคุณธรรมชาติและการอธิษฐานถึงอนาคตก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เฉินเจียกล่าวถึงเอกลักษณ์ของเทศกาลโคมไฟอวี้หยวนอันมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีว่า: “เทศกาลนี้คือผลผลิตของจิตวิญญาณแห่งเซี่ยงไฮ้ที่เปิดรับสิ่งใหม่จากทั่วโลก เป็นเวทีที่รวบรวมผลงานศิลปะของศิลปินจากนานาประเทศ และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ที่ยังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง”
การจัดแสดงเทศกาลโคมไฟอวี้หยวนในประเทศไทยถือเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ประโยชน์ร่วมกันนับตั้งแต่เซี่ยงไฮ้และกรุงเทพฯ ได้สถาปนาเป็นเมืองพี่เมืองน้อง ได้บรรลุความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนที่ประสบผลสำเร็จ อีกทั้งในปี 2025 ยังเป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับไทย บริษัทเซี่ยงไฮ้ อวี้หยวน ทัวริสต์มาร์ท กรุ๊ปจึงได้เตรียมการจัดงานอย่างพิถีพิถัน โดยหวังว่าเทศกาลนี้จะเป็น “ของขวัญที่เปล่งประกาย” แก่ประชาชนทั้งสองประเทศ
จะทำอย่างไรให้ผู้ชมชาวไทยเข้าใจตำนานจีนโบราณคำตอบนั้นซ่อนอยู่ในการออกแบบพื้นที่จัดแสดง: การจัดเกาะทั้งสี่ที่สะท้อนแนวคิดพุทธศาสนา “สี่ทวีป” และยังสะท้อนวัฒนธรรมอันหลากหลายของไทย เมื่อผู้ชมชาวไทยได้พบกับสัตว์เทพจากตำนานจีนโบราณก็จะได้สัมผัสจินตนาการอันงดงาม และยังรู้สึกเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมผ่านภาพที่คุ้นเคยของแม่น้ำเจ้าพระยา เกิดเป็นประสบการณ์ “ตำนานจีนในบริบทไทย” ที่ไม่เหมือนใคร
โคมไฟมิตรภาพจีน-ไทยที่ออกแบบขึ้นใหม่นั้น ก็กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมอีกจุดหนึ่ง ชุดโคมไฟนี้ผสมผสานดอกไม้นานาชนิดที่มีชื่อเสียงของจีนและไทย เช่นดอกโบตั๋น ดอกราชพฤกษ์ฯลฯ ถ่ายทอดความหมายของมิตรภาพอันเบ่งบานและเปล่งประกายระหว่างสองประเทศผ่านฝีมือประณีตของศิลปะโคมไฟ
ความหมายอันลึกซึ้งของ “เสี่ยวหลงเปา”
เทศกาลโคมไฟไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยศิลปะแสงและเงาเท่านั้นแต่ยังมีควันจากอาหารที่หอมกรุ่น ที่หน้าร้านหนานเสียงหมั่นโถว มีชาวไทยต่อคิวซื้อเสี่ยวหลงเปา 2 แบบ: เสี่ยวหลงเปาหมู สูตรดั้งเดิมตามฉบับเซี่ยงไฮ้ที่มีความเป็นมายาวนานกว่า 100 ปี และเสี่ยวหลงเปารสต้มยำกุ้ง สูตรใหม่ ที่นำรสเปรี้ยวเผ็ดหอมมันแบบไทย
เมื่อปีที่แล้วร้านหนานเสียงหมั่นโถวนี้เคยสร้างสถิติคิวยาวกว่า 100 เมตรในกรุงปารีส และในครั้งนี้ก็ได้นำเสี่ยวหลงเปานี้มาเป็นสะพานเชื่อมบทสนทนาระหว่างวัฒนธรรมอีกครั้ง
แนวคิดแห่งการผสมผสานนี้ได้แผ่ขยายอยู่ทั่วทั้งงาน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับทอง “เสน่ห์ทองโบราณ” ของร้าน Lao Miao ที่สะท้อนความงามแบบตะวันออกภายใต้แสงไฟ หรือผลิตภัณฑ์โสมจากร้าน Tong Han Chun Tang ที่ถ่ายทอดภูมิปัญญาการดูแลสุขภาพ
ในนิทรรศการศิลปะ “สำรวจซานไห่จิง” มีการใช้เทคโนโลยี VR ทำเสมือนให้สัตว์เทพในตำนานก้าวออกมาจากตำราโบราณและตีความโลกแฟนตาซีโบราณใหม่อีกครั้ง
ข้ามขุนเขาและมหาสมุทร สะท้อนวัฒนธรรม
ตู้คอนเทนเนอร์ 11 ตู้ได้บรรทุกชุดโคมกว่า 200 ชุดข้ามน้ำข้ามทะเลมาพร้อมกับทีมงานที่ได้ยังทำงานแข่งกับเวลาโดยไม่หลับไม่นอนร่วมกว่า 10 วัน แม้จะมีอุปสรรคด้านภาษาและวัฒนธรรม แต่ในที่สุดเมื่อแสงไฟแรกก็ได้สว่างขึ้นในวันที่ 28 มิถุนายน เทศกาลโคมไฟก็กลายเป็นศูนย์รวมความสนใจของทั้งกรุงเทพฯ ภายในหนึ่งเดือนแรกมีผู้เข้าร่วมงานเกือบ 3 ล้านคนมารวมตัวกันริมแม่น้ำเจ้าพระยา สะท้อนถึงเสน่ห์อันน่าทึ่งของเทศกาลโคมไฟอวี้หยวน ทั้งสื่อโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์หลัก และสื่อออนไลน์มากมายต่างรายงานข่าวอย่างคึกคัก เบื้องหลังความสำเร็จนั้นคือผลลัพธ์ของความทุ่มเทจากทีมงานทั้งจีนและไทยที่ร่วมแรงร่วมใจกันอย่างสุดความสามารถ เมื่อแสงไฟสว่างขึ้น การเรียนรู้ร่วมกันระหว่างอารยธรรมไม่ใช่เรื่องไกลตัว ดำรงอยู่ในชีวิตประจำวัน ผ่านรอยยิ้มแห่งความเข้าใจของทุกคน