เมื่อพูดถึง “เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์” ภาพจำของนักท่องเที่ยวมักนึกถึงการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดลพบุรี เป็นเขื่อนสำคัญที่เสมือนเส้นเลือดสำคัญของระบบชลประทานในพื้นที่ภาคกลาง บ้างก็นึกถึงเส้นทางท่องเที่ยวรถไฟลอยน้ำที่จัดขึ้นเป็นประจำในช่วงที่น้ำเต็มเขื่อนช่วงปลายปี-ต้นปี
แต่พื้นที่กว้างใหญ่ของเขื่อนสำคัญแห่งนี้ ครอบคลุมทั้งจังหวัดลพบุรี (อำเภอพัฒนานิคม) และจังหวัดสระบุรี (อำเภอวังม่วง) ซึ่งพื้นที่ท้ายเขื่อนในเขตอำเภอวังม่วงนั้น ปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งที่ได้รับความนิยม
เหตุผลมาจากในช่วงน้ำลด “บ้านท่าฤทธิ์" อ.วังม่วง จ.สระบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ได้เผยให้เห็น ผืนหญ้าเขียวขจีกว้างไกลสุดสายตาขนานไปกับผืนน้ำในเขื่อนป่าสักฯ และมีวิวภูเขาลูกใหญ่อยู่ไกลลิบๆ ดึงดูดให้เป็นจุดเช็กอินยอดนิยม ด้วยบรรยากาศสุดชิลมอบทัศนียภาพน่าตื่นตาตื่นใจแก่ผู้มาเยือน
สีสันอีกด้าน ก็เสริมด้วยจุดขายอย่าง “ฝูงแพะ-แกะ” ที่ชาวบ้านนำมาเลี้ยงแบบปล่อยไปตามธรรมชาติ ถูกต้อนมาเล็มหญ้าหลายสิบตัว วันละสองรอบ (รอบเช้า ประมาณ 9.00 -12.00 น. กับ รอบบ่าย ประมาณ 15.00 - 18.00 น.) กลายเป็นภาพน่าประทับใจ จนนักท่องเที่ยวบางคนขนานนามว่า “นิวซีแลนด์เมืองไทย”
แม้ฝูงแพะกับแกะ จะเล็มหญ้าไปอย่างอิสระ แต่นักท่องเที่ยวก็สามารถให้อาหารได้ โดยคนเลี้ยงจัดเตรียม “ใบกระถิน” กับ “นม” (สำหรับลูกแพะ) จำหน่ายในราคาย่อมเยา 20-50 บาท ส่วนใครอยากแวะไปถ่ายรูปด้วยเฉยๆ ก็ไม่ได้ผิดกติกาแต่อย่างใด โดยเฉพาะบรรดาลูกแพะตัวขนาดกำลังน่ารัก ก็มักเป็นขวัญใจนักท่องเที่ยวที่อดไม่ได้ต้องขออุ้มมาถ่ายภาพด้วย
ความพิเศษของทิวทัศน์ในแต่ละช่วงเวลาก็แตกต่างกัน โดยในช่วงเช้า บรรยากาศโปร่งโล่งสบาย นักท่องเที่ยวน้อยกว่า (และน้อยมากถ้าไม่ตรงกับวันหยุด) ส่วนช่วงเย็นนั้นหากตรงกับวันหยุดหรือหยุดยาว ขอให้ทำใจไว้ล่วงหน้า เพราะภาพที่ปรากฏ คือ รถยนต์และผู้คนจำนวนมากที่มารวมตัวกันพักผ่อนหย่อนใจคึกคักราวกับงานเฟสติวัล
แต่ด้วยพื้นที่ที่กว้างใหญ่มาก ก็ไม่ถึงกับแออัดอะไรมากนัก โดยแลกกับช่วงเวลาสุดประทับใจที่มองเห็นพระอาทิตย์ตกลับเหลี่ยมเขา
นอกจากกิจกรรมเล่นกับแพะ-แกะ แล้ว ที่นี่ในช่วงเย็นยังเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการเล่นว่าว นั่งปิกนิก รวมทั้งบรรดาสายแคมปิ้ง หรือรถบ้าน - รถสไตล์แคมปิ้ง ก็นิยมเดินทางมาพักแรม โดยมีร้านค้าและห้องน้ำให้บริการอยู่บริเวณถนนด้านบน