xs
xsm
sm
md
lg

“ดุสิตธานี” เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กรุงเทพ ด้วย “Roof Park” สวนลอยฟ้าใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดของไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรุงเทพมหานคร จะมีพื้นที่สีเขียว เพิ่มขึ้น 7 ไร่ (11,200 ตารางเมตร) ด้วย Roof Park สวนลอยฟ้าใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย โดย Dusit Central Park


หลังจากเปิดตัวโรงแรมดุสิตธานีโฉมใหม่ไปเมื่อปีที่แล้ว ในปีนี้ดุสิตธานียังคงเดินหน้าต่อไปกับโครงการที่ช่วยเพิ่มสมดุลแก่ระบบนิเวศให้กับกรุงเทพฯ นั่นคือ “Roof Park” สวนลอยฟ้ากลางเมืองที่มีทิวทัศน์แบบ Extending Park View เชื่อมต่อวิวพื้นที่สีเขียวของโครงการ Dusit Central Park สู่สวนลุมพินี ที่จะกลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ มุ่งสู่การเป็น Thailand’s Largest Urban Roof Park สวนลอยฟ้าใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โครงการกำลังเตรียมเปิด Roof Park อย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งต้องย้อนถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่มีมุมมองความคิดที่ต้องการพัฒนาพื้นที่โดยไม่เพียงแค่คำนึงถึงธุรกิจเท่านั้น แต่มีความต้องการในการยกระดับพื้นที่เพื่อมอบความสุข สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่สังคม ชาวไทย และชาวโลก ให้สามารถเข้ามาใช้เวลาในพื้นที่ดังกล่าวได้อย่างเพลิดเพลิน และรองรับความต้องการของชุมชนเพื่อสร้างความสุขร่วมกันอย่างแท้จริง ทำให้เราได้ตัดสินใจสร้างสรรค์พื้นที่สีเขียวถึง 7 ไร่ (11,200 ตารางเมตร) ให้เป็นสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ภายในโครงการ Dusit Central Park เพื่อช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของผู้คนในเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกของโครงการใจกลางเมืองที่สร้างสรรค์พื้นที่สีเขียวเช่นนี้”


ความสำคัญของการสร้างพื้นที่สีเขียวในกลางเมือง ไม่เพียงแต่จะมีส่วนช่วยสร้างให้โครงการมีความสวยงามเท่านั้น แต่ยังช่วยในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมผ่านการส่งเสริมสุขภาพคนและคุณภาพเมือง ไปด้วยกัน ทั้งยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ Dusit Central Park อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ การพัฒนาพื้นที่สีเขียวดังกล่าวยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศใน 3 มิติ ทั้งมิติทางเศรษฐกิจผ่านการเป็นไฮไลต์ของโครงการที่ดึงดูดผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมไปถึงแขกของโรงแรม ลูกบ้าน ผู้ที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอยภายในโครงการ หรือพนักงานในออฟฟิศ ให้เข้ามาพักผ่อนและรู้สึกสบายไปกับบรรยากาศที่สงบและเป็นธรรมชาติ และมิติทางด้านสังคมผ่านการสรรสร้างพื้นที่สีเขียวตอบแทนชุมชนที่ทุกคนสามารถเข้ามาใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์ของตนเอง และยังส่งเสริมให้ผู้คนเห็นคุณค่าของธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ในมิติด้านระบบนิเวศเมืองผ่านการปลูกพันธุ์ไม้ที่ช่วยเพิ่มออกซิเจนให้เมือง ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ดักจับและลดฝุ่น PM10 และ PM2.5 และบริเวณพื้นที่น้ำตกที่กระจายตัวอยู่ตามจุดต่าง ๆ ภายใน Roof Park จะสามารถช่วยลดอุณหภูมิในพื้นที่พร้อมเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ ทำให้อากาศสดชื่น เย็นสบาย และยังเติมเต็มระบบนิเวศให้สมบูรณ์โดยการเป็นที่อยู่แห่งใหม่ของแมลงที่เป็นประโยชน์ และสัตว์เล็กสัตว์น้อยได้เป็นอย่างดี นับเป็นการมองการณ์ไกลที่ตั้งใจจะตอบโจทย์ทั้งในด้านความยั่งยืนผ่านการสร้างระบบนิเวศเมืองที่มีคุณภาพสำหรับทุกคน ซึ่งเราจะเป็นสวนลอยฟ้าใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย (Thailand’s Largest Urban Roof Park)”


“ด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการสร้างพื้นที่ที่เอื้อประโยชน์ต่อให้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้สามารถเข้ามาใช้ประโยชน์บนพื้นที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ เราจึงมีการจัดสรรพื้นที่ให้มีสัดส่วนสำหรับการทำกิจกรรมและอรรถประโยชน์การใช้สอยที่แตกต่างกันไป อาทิ จุดชมวิว พื้นที่สำหรับพบปะสังสรรค์ พื้นที่รับประทานอาหาร สนามเด็กเล่น และ Amphitheatre ที่สามารถรองรับกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เช่น แสดงงานศิลปะ ดนตรี และการจัดมินิอีเว้นต์ในวาระต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบสวนที่สามารถทำให้คนเมืองออกแบบไลฟ์สไตล์ได้ตามที่ต้องการ 

พร้อมมอบความงดงามของทัศนียภาพร่มรื่นเสมือนเนินเขาไล่ระดับตามความสูงอาคารจากดาดฟ้าอาคารชั้น 4 ต่อเนื่องถึงชั้น 7 ครอบคลุมพื้นที่รวมทั้งสิ้น 7 ไร่ (11,2000 ตารางเมตร) ทำให้เกิดทัศนียภาพที่ไม่มีสิ่งใดบดบังสายตาแบบ Extending Park View เชื่อมต่อวิวบนพื้นที่สีเขียว Roof Park ของโครงการ Dusit Central Park มุ่งสู่สวนลุมพินี ซึ่งหากเรามองกลับมาจากสวนลุมพินี เราจะเห็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น เหมือนเป็นเนินเขาขนาดเล็กอยู่ท่ามกลางตึกสูงใจกลางเมือง และยังเปรียบเสมือนมอบพื้นที่สีเขียวเพิ่มเติมให้แก่สวนลุมพินีอีกด้วย” ผู้บริหารของดุสิตธานี กล่าว


ธัชพล สุนทราจารย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Landscape Collaboration จำกัด ผู้ออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมของ Roof Park โครงการ Dusit Central Park กล่าวว่า “โจทย์ของพื้นที่นี้ คือ ความท้าทายครั้งใหม่ เพราะเราต้องดีไซน์บริเวณ Terrace ของชั้น 4 - 7 ให้เชื่อมต่อกันให้มีลักษณะเป็นเนินสูงต่ำ หรือ Hill Zone ที่แลดูเสมือนภูเขาที่ต่อเนื่องกับสวนลุมพินี แบบไร้รอยต่อ มอบประสบการณ์ใหม่ระหว่างธรรมชาติและการใช้ชีวิตใจกลางเมือง พร้อมจัดวางพันธุ์ไม้ที่มีความสูงใหญ่หลายระดับ

ในด้านการพัฒนาและออกแบบการใช้งานของพื้นที่ เราใช้หลักการของแนวคิดอารยสถาปัตย์ (Universal Design) และผสานแนวคิดหลากหลาย ได้แก่


1) Inclusive Design for All เพื่อให้ Roof Park เป็นพื้นที่สีเขียวที่ออกแบบโดยคำนึงถึงรูปแบบการใช้ชีวิต เพื่อให้เกิดฟังก์ชั่นการใช้งานที่รองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้งานจริง ทั้งบริเวณสำหรับกิจกรรม Active และ Passive รวมไปถึง พื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง

2) การสานต่อมรดกอันงดงาม (Heritage & Legacy) ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ผ่านการใช้อัตลักษณ์ เช่น การสร้างน้ำตกที่ไหลมารวมกัน การเลี้ยงปลา การปลูกต้นลีลาวดี รวมไปถึงเส้นสายที่สวยงามและฟอร์มรูป “หกเหลี่ยม” ในการออกแบบมุมมองและภาพลักษณ์ในโซนต่าง ๆ ที่สะท้อนตัวตนของดุสิตธานีโดยสอดแทรกอยู่ในบริบทของสมัยใหม่อย่างลงตัว

3) Urban Sanctuary & Ecosystem หรือการสร้างระบบนิเวศของตัวเมืองกรุงเทพฯ ที่มีความเฉพาะตัวไม่เหมือนที่อื่น ผ่านการสร้างความรู้สึกถึงความเชื่อมต่อไปยังสวนลุมพินี การคัดเลือกปลูกต้นไม้ประจำถิ่นและต้นไม้ไทยหายาก รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีเพื่อไม่สร้างผลกระทบต่อสัตว์เล็กและแมลง

“ด้วยแนวคิดเหล่านี้ ทำให้ Roof Park มีมาตรฐานที่โดดเด่นเทียบเคียงกับพื้นที่สวนสาธารณะระดับโลก เช่น Central Park ในมหานครนิวยอร์ก และ Hyde Park ในมหานครลอนดอน ซึ่งล้วนแต่เป็นสวนสาธารณะที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานของทุกคนในเมืองท่ามกลาง Prime Location ที่หาได้ยาก”


ส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline


กำลังโหลดความคิดเห็น