xs
xsm
sm
md
lg

“บรรทัดทอง” Street Food สุดปัง “มาไว-ไปไว” ชงตั้งย่านศก. พิเศษ-ท่องเที่ยวสร้างสรรค์ หลังเจอขาลง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี


บรรทัดทอง Street Food สุดปัง มาไว-ไปไว วันนี้กำลังอยู่ในช่วงขาลง
สำรวจบรรทัดทองขาลงหลังเจอพิษเศรษฐกิจตกต่ำ นักท่องเที่ยวหดหาย หลายร้านทยอยปิดตัว แต่ร้านในตำนานส่วนใหญ่ยังคงยืนหยัดสู้อยู่ได้ บางร้านมีลูกค้าแน่นเหมือนเดิม ด้านผู้ประกอบการชงตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ-ท่องเที่ยวสร้างสรรค์ ขณะที่ ททท. นำ KOL จากจีนมาโปรโมต หวังดึงคนจีนกลับมาเที่ยวคึกคักอีกครั้ง

จากเซียงกง สู่ Street Food สุดปัง


สมัยก่อนหากพูดถึงถนนบรรทัดทอง คนส่วนใหญ่ที่เคยไปสัมผัสจะคุ้นชินกับบรรยากาศของเซียงกง เนื่องจากสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านซ่อมรถ และร้านขายอะไหล่รถต่าง ๆ จนหลาย ๆ คนเรียกที่นี่ “เซียงกงปทุมวัน” ขณะที่โซนบรรทัดทองฝั่งใกล้ ๆ กับสนามกีฬาแห่งชาติ ก็จะมีพวกร้านขายเสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับกีฬาต่าง ๆ

บรรทัดทองวันนี้อยู่ในช่วงขาลงที่นักท่องเที่ยวหายไปมาก
ด้วยโลเกชั่นของถนนบรรทัดทองที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยและออฟฟิศต่าง ๆ ทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากย่านสยามสแควร์ ที่นี่จึงเต็มไปด้วยนิสิต นักศึกษา คนทำงาน ไปจนถึงนักท่องเที่ยว ที่ออกมาหาของอร่อยกินแถว ๆ สามย่าน และขยับขยายออกมาจนถึงบรรทัดทอง จนกลายเป็นว่ามีร้านอร่อยหน้าใหม่ และร้านดั้งเดิมจากถิ่นอื่นเข้ามาเปิดร้านในย่านนี้อีกมากมาย

นอกจากนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทาง “สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (PMCU)” ได้เข้ามาดำเนินการผ่านโครงการพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่ ยกระดับพื้นที่ย่าน “บรรทัดทอง-สามย่าน” ให้เป็นแหล่งรวม Street Food ยุคใหม่ มีการจัดระเบียบพื้นที่ให้เข้าถึงง่าย ทันสมัย สะดวก ปลอดภัย โดยมีจุดแข็ง คือ ทำเลทองที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ตอบโจทย์มีผู้บริโภคที่มีความต้องการบริโภคอาหารตั้งแต่มื้อเช้ายันมื้อดึก

วันนี้คนไทยคือลูกค้าหลักของย่านบรรทัดทอง
หลังจากนั้นย่านถนนบรรทัดทองได้กลายเป็นย่าน Street Food ชั้นนำของเมืองไทย ที่ทั้งสองข้างทางและในซอยต่าง ๆ มีร้านอาหารน้อยใหญ่ให้เลือกกินมากมาย แต่ละร้านก็จะมีคนรอต่อคิวเข้าไปชิมของอร่อยกันเป็นจำนวนมาก โดยในปี 2567 ย่านบรรทัดทองบูมอย่างมากในฐานะ Food Destination อันดับต้น ๆ ของเอเชีย ที่มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนมาเที่ยว-กินที่ถนนแห่งนี้กันอย่างเนืองแน่น

ช่วงนั้นใครที่ผ่านมีโอกาสไปเยือนหรือผ่านไป-มา แถวย่านบรรทัดทองในช่วงยามเย็น-ค่ำ ของวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ จะเห็นร้านอาหารหลายร้านมีคนมาต่อคิวรอกินอาหารกันเพียบจนล้นเป็นแถวยาวออกมาริมฟุตบาท ซึ่งหลาย ๆ คนที่มาที่นี่ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องลองไปสัมผัสบรรยากาศสักครั้ง

บรรทัดทองจากเซียงกง สู่ Street Food สุดปัง
นอกจากนี้การที่ย่านถนนบรรทัดทองติดอันดับที่ 14 ถนนที่สุดคูลมากในโลก อันดับ 14 จาก Time Out ในปี 2567 ก็ยิ่งตอกย้ำชื่อเสียงความปังของย่านถนนแห่งนี้ในระดับสากลให้โด่งดังยิ่งขึ้น

สุดปัง Street Food บรรทัดทอง มาไว-ไปไว


สำหรับการโด่งดังอย่างรวดเร็วปานพลุแตกของ Street Food ย่านบรรทัดทองนั้น รศ.ดร.จิตติศักดิ์ ธรรมาภรณ์พิลาศ รองอธิการบดีด้านการจัดการทรัพย์สินและกายภาพ และผู้อำนวยการสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (PMCU) ได้เคยเปิดเผยกับผู้จัดการออนไลน์ ว่า

...ปัจจัยที่กระชากกระแสย่านบรรทัดให้แรงมากขึ้นต้องยกให้โซเชียลมีเดีย เพราะมีอินฟลูเอนเซอร์ มีนักท่องเที่ยวมาไลฟ์ทั้งทาง IG และ TikTok ทำให้ที่ตรงนี้เป็นอีก Destination ที่คนพูดถึงและต้องมา แน่นอนว่า ร้านดัง ๆ คนแน่น ๆ เป็นผลมาจากการรีวิวในโซเซียลมีเดีย บวกกับนักท่องเที่ยวแพลนไว้แล้วว่าต้องมาชิมร้านไหนบ้าง จึงส่งผลให้ร้านอาหารบางร้านค่อนข้างเงียบไม่มีลูกค้าเข้าร้าน แม้จำนวนนักเที่ยวจะแห่แหนมาเยือนย่านบรรทัดทองอย่างล้นหลามก็ตาม...

ร้านในตำนานยังมีลูกค้าต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดีบรรทัดทองเป็นหนึ่งในย่านท่องเที่ยวชื่อดังของบ้านเราที่เผชิญกับภาวะ “มาไว-ไปไว” เพราะหลังจากที่เคยบูมอย่างมากในปี 2567 เมื่อมาถึงต้นปี 2568 บรรทัดทองที่เคยมียุคทองสุดปังต้องเจอกลับยุค “ขาลง” จากหลายปัจจัยรุมเร้า ไม่ว่าจะเป็น จากพิษเศรษฐกิจ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติหดหายไปมากโดยเฉพาะชาวจีนที่หายไปอย่างเห็นได้ชัด หรือจากกระแสดราม่าด้านลบที่เกิดขึ้นในโซเชียลเกี่ยวกับคุณภาพอาหารที่ไม่สอดคล้องกับราคาที่จ่าย จนหลายร้านถูกตั้งคำถามหนักในช่วงที่ผ่านมา

ขาลงบรรทัดทอง ของจริงยังอยู่ 


หลังบรรทัดทองเผชิญกับสภาวะขาลงตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปี 2568 ที่ผ่านมา ส่งผลให้รายได้ของร้านอาหารหลายร้านมากลดลงกว่า 50 % ร้านบางแห่งที่เคยได้รับความนิยมในอดีตวันนี้กลับเงียบเหงาลงอย่างเห็นได้ชัด บางร้านมีลูกค้าเพียงไม่กี่คน หรือไม่มีเลย และเริ่มมีบางร้านติดป้าย “เซ้งกิจการ” หรือ “ปิดร้านถาวร” ให้เห็นกันจำนวนหนึ่ง

บรรทัดทองขาลง บางโซนจึงดูเงียบเหงา
ในส่วนของนักท่องเที่ยวนั้น จากการลงพื้นที่ของทีมข่าวผู้จัดการในค่ำคืนวันเสาร์ ที่ 31 พฤษภาคม 2568 พบว่า แม้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่บรรทัดทองจะดู “บางตา” ลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังคงมีกลุ่มชาวไทยหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับร้านดัง ๆ ที่เป็น “ร้านในตำนาน” ที่มีชื่อเสียงมานานนั้น หลายร้านยังคงมีลูกค้าต่อคิวกันเต็มหน้าร้าน

ขณะเดียวกันร้านใหม่ ๆ ที่ทำแบรนด์ได้อย่างน่าสนใจก็ยังได้รับความนิยมไม่น้อย มีลูกค้าต่อคิวหรือรอรับออเดอร์อยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการทำแบรนด์และสร้างภาพลักษณ์ยังคงมีผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค

ชงตั้งเขตศก. พิเศษ-ท่องเที่ยวสร้างสรรค์


ผู้ประกอบการชงพัฒนาบรรทัดทองเป็นย่านศก. พิเศษ
ผลกระทบของย่านบรรทัดทองในช่วงขาลงนั้น ดร.ชนะชาย นิมิตรพงศ์ศักดิ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการถนนบรรทัดทอง ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ปรากฏชัดตั้งแต่หลังเทศกาลตรุษจีน 2568 จากเดิมที่เคยมีคนมาเที่ยวสูงถึงราว 15,000-30,000 คนต่อวัน ลดลงเหลือเพียง 2,000-5,000 คนต่อวันเท่านั้น
 
ด้วยเหตุนี้ผู้ประกอบการบรรดาผู้ประกอบการย่านถนนบรรทัดทอง จึงได้เสนอยุทธศาสตร์ระยะยาวต่อภาครัฐและกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้พัฒนาบรรทัดทองเป็น “ย่านเศรษฐกิจพิเศษ” และ “แหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์” ในกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการจัดอีเว้นต์ต่าง ๆ โดยมีการแบ่งพื้นที่จัดงานและปิดถนนได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น

ผู้ประกอบการชงบรรทัดทองเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์
นอกจากนี้ทางผู้ประกอบการย่านบรรทัดทองยังเสนอให้ ทาง “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)” จัดกิจกรรมโปรโมตเทศกาล Street Food ย่านบรรทัดทองไว้ในแผนที่ “Street Food ทั่วโลก” รวมถึงเสนอให้ขยายช่วงเวลาการเปิด-ปิดใหม่ของแต่ละวันให้นานขึ้น มีการจัดงานอีเวนต์ด้านอาหารทุก ๆ เดือน รวมถึงเสนอให้สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาฯ ชะลอขึ้นค่าเช่าไปก่อน 6 เดือน เป็นต้น

ททท. ดึง สื่อ-KOL จีน โปรโมตบรรทัดทอง


ที่ผ่านมาในยุคบรรทัดทองขาขึ้นสุดปัง นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนที่นี่มากที่สุดก็คือชาวจีนที่มีมากกว่า 50 % ด้วยเหตุนี้เมื่อเกิดเหตุการณ์บรรทัดทองขาลง ทาง “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)” จึงได้นำสื่อมวลชนและ KOL (Key Opinion Leader) ชาวจีนในโครงการ “สวัสดี หนีห่าว (Sawasdee Nihao)” จากนครเฉินตูและคุนหมิงรวม 70 คน มาทำคอนเทนต์การท่องเที่ยวเชิงอาหาร และ Food Destination เพื่อประชาสัมพันธ์ย่านบรรทัดทอง เมื่อช่วงวันที่ 28 และ 30 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา หวังดึงนักท่องเที่ยวชาวจีนให้กลับมาเที่ยวที่ย่านบรรทัดทองอีกครั้ง

ททท.ดึง KOL โปรโมตบรรทัดทอง (ภาพ : ททท.)
โดย ททท.เชื่อมั่นว่ากิจกรรมนี้จะมีส่วนช่วยทำให้ย่านบรรทัดทอง กลับมาอยู่ในความสนใจจากนักท่องเที่ยวตลาดจีนและตลาดต่างประเทศอื่น ๆ ที่จะเดินทางมาตามรอย KOL ตอกย้ำให้ย่านบรรทัดทองยังคงเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ที่ครบเครื่องทั้งเรื่องกินและท่องเที่ยว เป็นการช่วยสนับสนุนธุรกิจร้านอาหารในพื้นที่อีกทางหนึ่ง

สำหรับบรรทัดทองวันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญท่ามกลางความท้าทายขอิงการเปลี่ยนแปลง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังเชื่อว่าหากสามารถควบคุมคุณภาพ และเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าให้มากขึ้น บรรทัดทองก็ยังมีโอกาสฟื้นตัวกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง




กำลังโหลดความคิดเห็น