นักวิจัยทางทะเลกรมอุทยานฯ เผยผลสำรวจ พบสัตว์ทะเลหายาก 3 ชนิด คือ โลมาอิรวดี โลมาปากขวด และเต่าตนุ อวดโฉมบริเวณหมู่เกาะอ่างทอง ตอกย้ำความสำคัญของการติดตามและประเมินสถานภาพ
เฟซบุ๊กเพจกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เผยภาพของการสำรวจทางทะเลบริเวณหมู่เกาะอ่างทอง พร้อมให้ข้อมูลว่า
ทีมนักวิจัยจากศูนย์ศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 5 (นครศรีธรรมราช) เผยผลการสำรวจสัตว์ทะเลหายากในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง และอุทยานแห่งชาติหาดขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้ พบสัตว์ทะเลหายากถึง 3 ชนิด สะท้อนความมุ่งมั่นในการศึกษาและติดตามประชากรสัตว์ทะเลอย่างใกล้ชิด
ระหว่างวันที่ 27-30 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา นายชัยณรงค์ เรืองทอง หัวหน้าศูนย์ศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 5 (นครศรีธรรมราช) พร้อมด้วยทีมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ได้นำทัพลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจสำคัญในการสำรวจ ติดตาม และประเมินสถานภาพโลมาและสัตว์ทะเลหายาก การสำรวจครั้งนี้อาศัยเทคนิคทางวิทยาศาสตร์ทั้งการสำรวจทางเรือด้วยวิธี line intersect และการใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ในการถ่ายภาพทางอากาศ เพื่อนับจำนวนและประเมินประชากรสัตว์ทะเล ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักวิจัยสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดการรบกวนสัตว์
ผลการปฏิบัติงานของทีมวิจัยครั้งนี้ นับเป็นข่าวดีสำหรับวงการอนุรักษ์ เมื่อพวกเขาได้พบกับสัตว์ทะเลหายากถึง 3 ชนิด ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ได้แก่ โลมาอิรวดี (Orcaella brevirostris), โลมาปากขวด (Tursiops aduncus) และเต่าตนุ (Chelonia mydas)
โดยเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 10.00 น. ทีมวิจัยได้พบฝูงโลมาอิรวดี จำนวนประมาณ 5-7 ตัว บริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะนกตะเภา นักวิจัยได้สังเกตพฤติกรรมการว่ายน้ำเดินทางอย่างใกล้ชิด และยืนยันว่าโลมามีสุขภาพดี ไม่พบบาดแผลจากเครื่องมือประมง และมีการหายใจที่เป็นปกติ ก่อนที่ฝูงโลมาจะว่ายน้ำห่างออกไป
ต่อมาวันที่ 29 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 11.20 น. นักวิจัยได้พบโลมาปากขวด จำนวน 9 ตัว บริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่เกาะว่าว โดยในจำนวนนี้มีคู่แม่ลูกรวมอยู่ด้วย 1 คู่ ทีมวิจัยได้บันทึกพฤติกรรมที่น่าสนใจ เช่น การรวมฝูง, การกระโดดเหนือผิวน้ำ (Breaching), การใช้หางตีน้ำ (Lobtailing) และการยกหัวขึ้นเหนือน้ำเพื่อสังเกตการณ์ (Spyhopping) อัตราการหายใจอยู่ในเกณฑ์ปกติ อย่างไรก็ตาม นักวิจัยได้สังเกตเห็นรอยโรคผิวหนังชนิด Tattoo Skin Disease (TSD) บนโลมาปากขวด 1 ตัว ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ต้องติดตามต่อไป
และในวันเดียวกัน (29 เมษายน 2568) เวลาประมาณ 14.29 น. ทีมวิจัยยังได้พบเต่าตนุ 1 ตัว บริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่เกาะว่าว กำลังว่ายน้ำและโผล่ขึ้นมาหายใจ
สำหรับการสำรวจในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดขนอม – หมู่เกาะทะเลใต้ ทีมวิจัยไม่พบการปรากฏตัวของโลมาและสัตว์ทะเลหายากอื่นๆ ในช่วงเวลาดังกล่าว
นายชัยณรงค์และทีมงานได้ทำการเก็บรวบรวมภาพถ่ายของสัตว์ทะเลหายากที่พบทั้งหมด เพื่อนำไปวิเคราะห์อัตลักษณ์เฉพาะตัว (Photo ID) ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการระบุรายตัว ติดตามการเคลื่อนย้าย และประเมินจำนวนประชากรในระยะยาว อันเป็นหัวใจหลักของการศึกษาวิจัยด้านนิเวศวิทยาสัตว์ทะเล
นอกจากนี้ นักวิจัยยังได้ทำการตรวจวัดปัจจัยคุณภาพน้ำทะเลเบื้องต้นในบริเวณที่พบสัตว์ทะเลหายาก เพื่อทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของพวกมัน โดยพบว่าค่าเฉลี่ยความลึกของน้ำอยู่ในช่วง 4.5-23.7 เมตร, อุณหภูมิน้ำทะเล 31.57 องศาเซลเซียส, ค่า pH 7.53, ความเค็ม 31.80 ppt, ความโปร่งใสน้ำทะเล 1.75->5 เมตร และค่าออกซิเจนละลายน้ำ (DO) 5.20 mg/L บริเวณที่พบอยู่ห่างจากอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองประมาณ 550 เมตร ถึง 4.4 กิโลเมตร และห่างจากชายฝั่งประมาณ 11.1 – 51.2 กิโลเมตร การสำรวจครั้งนี้ดำเนินการภายใต้สภาพอากาศที่ดี ท้องฟ้ามีเมฆบางส่วน และทะเลสงบ คลื่นสูงเพียง 0.0 - 0.10 เมตร ซึ่งเอื้อต่อการปฏิบัติงานของทีมวิจัยเป็นอย่างยิ่ง
การทำงานอย่างหนักของทีมศูนย์ศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 5 นครศรีธรรมราช ไม่เพียงแต่เป็นการยืนยันถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลในหมู่เกาะอ่างทอง แต่ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นและความสำคัญของการมีทีมนักวิจัยที่เข้มแข็งในการติดตาม ศึกษา และรวบรวมข้อมูลทางวิทยาศาสตร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นรากฐานในการวางแผนการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรสัตว์ทะเลหายากของประเทศไทยให้ยั่งยืนสืบไป
ที่มา : ศูนย์ศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 5 (นครศรีธรรมราช)
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline