xs
xsm
sm
md
lg

เปิดสถิติ “คนจีนเที่ยวไทย” ต่ำสุด/วัน นับแต่เปิดฟรีวีซ่า หลังท่องเที่ยวไทยสะดุด ททท.เร่งหาตลาดใหม่ทดแทน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นทท.ต่างชาติลด ทำท่องเที่ยวไทยสะดุด
ท่องเที่ยวไทยสะดุดอีกครั้ง หลังยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ครองแชมป์ต่างชาติเที่ยวไทยลดฮวบตกลงมากว่า 50% แถมวันที่ 16 เม.ย. 68 ยังทำสถิติคนจีนเที่ยวไทยต่ำสุดนับตั้งแต่เปิดฟรีวีซ่าไทย-จีน ด้วยยอดเพียง 5 พันกว่าคน/วัน จากยอดเฉลี่ย 15,000-20,000 คน/วัน ด้านททท. เร่งเดินหน้าเจาะตลาดระยะไกล-และตลาดดาวรุ่งทดแทน

เปิดสถิติจีนเที่ยวไทยต่ำสุดต่อวัน


ภาคการท่องเที่ยวของไทยที่เป็นหนึ่งในกำลังหลักในการสร้างรายได้เข้าประเทศ วันนี้กำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่อีกครั้ง เมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ที่เป็นเป้าอันดับหนึ่งของการท่องเที่ยวไทยนั้นลดฮวบฮาบลงถึงเกือบ 50 % จากปัจจัยลบหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น กรณี “ซิงซิง” เเกงค์คอลเซ็นเตอร์ลักพาตัวคนจีน เมืองไทยไม่ค่อยปลอดภัย-เกิดอุบัติเหตุบ่อย ฝุ่น PM 2.5 คนไทยส่วนหนึ่งต่อต้านนักท่องเที่ยวจีน เมืองไทยไม่มีที่เที่ยวใหม่ ๆ ทำให้คนจีนเบนเข็มไปเที่ยวเวียดนามแทน ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในจีน รัฐบาลจีนส่งเสริมคนจีนเที่ยวในประเทศ และล่าสุดจากเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ในเมียนมาทำตึก สตง. ถล่ม จนเป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วโลก

ท่องเที่ยวไทยวันนี้กำลังเผชิญกับปัญหา นทท.ต่างชาติลดลง
โดย รายงาน “สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติ” ที่เดินทางเข้าประเทศไทยล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-20 เม.ย. 2568 จากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 11,272,379 คน เพิ่มขึ้น 0.52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (2567) โดยชาวต่างชาติที่มาเที่ยวไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. จีน 1,524,697 คน 2. มาเลเซีย 1,401,169 คน 3. รัสเซีย 835,385 คน 4. อินเดีย 677,793 คน และ 5. เกาหลีใต้ 549,982 คน

นอกจากนี้รายงานสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวเมืองไทยดังกล่าว ยังมีอีกสถิติน่าสนใจ คือ เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย จำนวน 5,833 คนต่อวัน ซึ่งถือเป็นสถิติต่ำสุดนับตั้งแต่มาตรการเปิดฟรีวีซ่าไทย-จีน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 โดยค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวเมืองไทยจะอยู่ที่ราว 15,000-20,000 คนต่อวัน

นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรค และ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า แม้ว่าสถิตินักท่องเที่ยวโดยรวมไตรมาสแรก จะถึง 9.55 ล้านคน เติบโตเพิ่มขึ้น 2% แต่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าตัวเลขจะปรับตัวลงในช่วงไตรมาส 2 นี้ ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซัน และเมื่อมาดูสถิติพบว่าตลาดท่องเที่ยวที่เป็นปัญหาใหญ่ในขณะนี้ คือ ตลาดจีน ที่มีแนวโน้มชะลอตัวหนักต่อเนื่อง ล่าสุด จำนวนนักท่องเที่ยวจีนทำสถิติตกต่ำสุดมาอยู่ที่ประมาณ 5,000-6,000 คนต่อวันเท่านั้น

นายธนกร วังบุญคงชนะ
“เมื่อดูตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนก็รู้สึกเป็นห่วงภาคท่องเที่ยวของไทยที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงเกือบ 50% นายกรัฐมนตรี รัฐบาลโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จำเป็นจะต้องเร่งปรับแผนเพื่อแก้ปัญหา ทั้ง เรื่องการเร่งสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยเมื่อมาเที่ยวไทย พร้อมกับผนึกกำลังความร่วมมือภาคธุรกิจการท่องเที่ยวจัดแคมเปญครั้งใหญ่เพื่อทำให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวนั้นเข้มแข็ง ผมเห็นด้วยกับสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ที่เสนอให้รัฐบาลเร่งให้โจทย์กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หน่วยงานด้านการทำตลาดเร่งปรับแผนและหาช่องทางสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดจีน และดึงนักท่องเที่ยวกลับมาโดยเร็ว” นายธนกร กล่าว

เวียดนามคู่แข่งที่น่ากลัว


นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี นายกสมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวชลบุรี เผยถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวในเมืองพัทยา ว่าปัจจุบันกำลังปัญหานักท่องเที่ยวจีนลดลงต่อเนื่อง หลังเกิดเหตุลักพาตัวนักแสดงจีนจากชายแดนไทยไปยังประเทศพม่า และเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในประเทศพม่าจนส่งผลกระทบต่อประเทศไทยและความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ทำให้นักท่องเที่ยวจีนทั้งแบบที่เดินทางมากับกรุ๊ปทัวร์ และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเอง หรือ FIT ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ต้นปีนี้ นทท.จีนที่พัทยาลดลงไปไม่น้อย
นายธเนศ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ช่วงเดือน มี.ค.68 ที่ผ่านมาตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเยือนเมืองไทย ลดเหลือเพียง 300,000 คน ขณะที่ประเทศเวียดนาม มียอดการเติบโตของนักท่องเที่ยวจีนสูงขึ้น โดยเฉพาะในเดือน มี.ค. ที่มีตัวเลขมากถึง 670,000 คน

“นับเป็นครั้งแรกที่การท่องเที่ยวของเวียดนาม แซงหน้าการท่องเที่ยวของไทยในกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งปัจจัยหลักก็คือการขาดความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัย อีกทั้งเวียดนาม ยังมีความพร้อมในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากขึ้น” นายธเนศ กล่าว พร้อมกับเสนอแผนปฏิบัติการเร่งด่วนไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย

1.การจัด MEGA FAM Trip ด้วยการเชิญตัวแทนเอเย่นต์และสื่อจีน จำนวน 400 คนให้เดินทางมาเยือนไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นใหม่

2.เสนอเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำ (Charter Flight) จากเมืองต่าง ๆ ในประเทศจีนกว่า 1,000 เที่ยวบิน พร้อมเงื่อนไขสนับสนุน หากมีผู้โดยสารไม่น้อยกว่า 80%

3.ขยายโครงการลักษณะเดียวกันไปยังตลาดเกาหลี และรัสเซีย เพื่อกระตุ้นการเดินทางเข้าไทยให้เพิ่มขึ้น

ททท.เดินหน้าเจาะตลาดใหม่ทดแทน


นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
ด้าน นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ปรับกลยุทธ์เร่งผลักดันนักท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ เพื่อมาชดเชยนักท่องเที่ยวตลาดจีนที่มีแนวโน้มหดตัวลงในปีนี้ โดยเน้นการเพิ่มจำนวนของตลาด Quality Leisure, Family และ Incentive ในตลาดระยะไกล 15 ตลาด ได้แก่ ยุโรป ( อังกฤษ, เยอรมนี, อิตาลี, อิสราเอล, สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์, นอร์เวย์, ออสเตรีย), อเมริกา (อาร์เจนตินา, บราซิล), โอเชียเนีย (ออสเตรเลีย), ตะวันออกกลาง (ซาอุดีอาระเบีย คูเวต) และแอฟริกา (แอฟริกาใต้) และตลาดระยะใกล้ 9 ตลาด ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย อินเดีย ศรีลังกา

ททท. เร่งการขยายการเติบโตของตลาดกลุ่ม High Value
ผู้ว่าการ ททท. ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ททท. ได้เร่งการขยายการเติบโตของตลาดกลุ่มเป้าหมาย High Value ซึ่งมีการใช้จ่ายสูง อาทิ กลุ่ม Health & Wellness อาทิ นวดแผนไทย สปา โยคะ อาหารสุขภาพ และ Wellness Program ประเภทต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรป ตะวันออกกลาง อาเซียน และจีน กลุ่ม Yacht/ Super Yacht สำหรับตลาดยุโรป ออสเตรเลีย และเอเชียแปซิฟิก กลุ่ม Sport and Entertainment โดยมีกีฬาที่จะส่งเสริม อาทิ กอล์ฟ มาราธอน วิ่งเทรล มวยไทย ดำน้ำ จักรยาน ในตลาดรัสเซีย ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และกลุ่ม Digital Nomad และ Workation ซึ่งประเทศไทยมีหลายเมืองที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยม อาทิ เชียงใหม่ กทม. ภูเก็ต เกาะสมุย หัวหิน และ กระบี่

ททท.เดินหน้าเจาะกลุ่มตลาด Sport and Entertainment
นอกจากนี้ททท. ยังเดินหน้าเจาะตลาดตะวันออกกลางซึ่งเป็นตลาดดาวรุ่ง ในงาน “Arabian Travel Market (ATM) 2025” ซึ่งเป็นงานส่งเสริมการขายด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของภูมิภาคตะวันออกกลาง โดย ททท. และผู้ประกอบการจากเมืองไทย ที่ไปร่วมงานดังกล่าว มุ่งนำเสนอสินค้าบริการทางการท่องเที่ยวที่หลากหลายและมุ่งตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง โดยเฉพาะกลุ่ม Wellness ที่ประเทศไทยมีความมุ่งมั่นที่จะเป็น Medical และ Wellness Hub ระดับโลก รวมถึงกลุ่ม Luxury, Family, Halal-friendly Tourism ควบคู่กับการนำเสนออัตลักษณ์เสน่ห์ไทยที่มีความหรูหราผ่านแนวคิดในการออกแบบคูหาประเทศไทย และการนำเสนอประสบการณ์ 5 Must Do in Thailand เพื่อเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวมาค้นพบความสวยงามของประเทศไทย และความอบอุ่นของมิตรไมตรีจากคนไทย รวมถึงความหลากหลายของสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของ Amazing Thailand

และที่ก็คือสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยในช่วงแรกของปี 2568 ที่กำลังเผชิญกับปัญหานักท่องเที่ยวต่างชาติหดหายโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ลดฮวบฮาบลง ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนามนั้นกลายเป็นตลาดมาแรงของนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นที่จับตาว่าเวียดนามอาจจะแซงไทยด้านการท่องเที่ยวอีกไม่นานนี้หากภาครัฐและผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ดำเนินการแก้ไขใด ๆ

ททท.เจาะตลาดดาวรุ่งตะวันออกกลาง ในงาน ATM




กำลังโหลดความคิดเห็น