xs
xsm
sm
md
lg

กรมทะเลแจง ใช้ยาแรง "กิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ" เพื่อเซฟปะการัง ใครฝ่าฝืนเจอโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมทะเลแจงมาตรการเข้ม "กิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ" เพื่อลดผลกระทบต่อปะการัง ซึ่งครอบคลุมทั้งการดำน้ำลึก-ดำน้ำตื้น ใครฝ่าฝืนเจอโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

จากกรณี เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2568 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องมาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ พ.ศ.2568 ระบุว่า โดยที่ปรากฏว่าแนวปะการังของประเทศไทย ซึ่งเป็นทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงเข้าขั้นวิกฤติจากการประกอบกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำในบริเวณแนวปะการัง และมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการสงวน คุ้มครอง และอนุรักษ์แนวปะการังไว้ เพื่อการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน

สำหรับสาระสำคัญของประกาศฉบับนี้ระบุว่า ผู้ที่ดำน้ำลึกไม่สามารถนำกล้องลงไปถ่ายภาพใต้น้ำได้ เว้นแต่เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ดำน้ำลึกมาแล้วอย่างน้อย 40 ไดฟ์ หรือผ่านการอบรมหลักสูตรดำน้ำลึกตามมาตรฐาน พร้อมแสดงใบรับรองหรือสมุดบันทึกการดำน้ำต่อเจ้าหน้าที่เมื่อมีการตรวจสอบ ขณะที่การดำน้ำตื้นในบริเวณแนวปะการัง ต้องอยู่ในระดับน้ำที่ลึกไม่น้อยกว่า 2 เมตรจากยอดปะการัง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อระบบนิเวศทางทะเล


หลังจากนั้นในวันที่ 24 เมษายน 2568 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า "กรมทะเล" หนึ่งในหน่วยงานรัฐที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องดังกล่าว ได้เปิดเผยถึงการออกมาตรการคุมเข้ม “ผู้ประกอบการท่องเที่ยวดำน้ำ” เพื่อลดผลกระทบต่อปะการัง โดย ดร. ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้กล่าวถึงช่วงหลายปีที่ผ่านมา กิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่แนวปะการังที่มีความสวยงาม ซึ่งผู้ประกอบการหลายรายละเลยการควบคุมดูแลนักท่องเที่ยว ปล่อยให้ดำน้ำโดยไม่มีการอบรมหรือแนะนำวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง ขาดเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญดูแล ทำให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัส เหยียบย่ำ หรือใช้ตีนกบโดยไม่รู้วิธี มีการให้อาหารปลา และทิ้งขยะในทะเล รวมถึงผู้ประกอบการที่จัดกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ เคลื่อนย้ายปะการัง สัตว์น้ำ หรือสิ่งมีชีวิตใด ๆ มาให้นักท่องเที่ยวดู ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อแนวปะการังมาอย่างต่อเนื่อง

ด้วยเหตุข้างต้น ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวจึงมอบหมายให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จัดทำประกาศ “มาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ” ขึ้น เพื่อบังคับใช้กับ “ผู้ประกอบการที่จัดกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ” โดยมีสาระสำคัญคือ ต้องจัดให้มี “ผู้ควบคุมหรือผู้ช่วยควบคุม” ที่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่กรม ทช. กำหนด เดินทางไปกับนักท่องเที่ยวทุกครั้ง ซึ่งผู้ควบคุมต้องชี้แจงกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงวิธีการดำน้ำที่ไม่กระทบต่อปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลให้กับนักท่องเที่ยวทราบก่อนการดำน้ำ โดยมีอัตราส่วนผู้ควบคุม ต่อ นักท่องเที่ยว แบ่งตามประเภทการดำน้ำ ได้แก่ การดำน้ำลึก (Scuba) ผู้ควบคุม 1 คน ต่อนักดำน้ำไม่เกิน 4 คน การดำน้ำตื้น (Snorkel) และดำน้ำอิสระ (Freediving) ผู้ควบคุม 1 คน ต่อนักดำน้ำไม่เกิน 20 คน การทดลองเรียนดำน้ำ (DSD or Try Dive) ผู้ควบคุม 1 คน ต่อนักเรียนไม่เกิน 2 คน และการเรียนและการสอบดำน้ำลึก ผู้ควบคุม 1 คน ต่อนักเรียนไม่เกิน 4 คน และห้ามเรียนบนแนวปะการัง ต้องเรียนบนพื้นทราย


“การออกมาตรการดังกล่าว จะช่วยสร้างมาตรฐานการดำน้ำในบริเวณแนวปะการัง ทั้งการดำน้ำตื้นและดำน้ำลึก ให้กับนักดำน้ำมือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ พร้อมกำกับดูแล และควบคุมการประกอบกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำบริเวณแนวปะการังให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีข้อปฏิบัติ ดังนี้


1. ในการดำน้ำลึก (Scuba) ห้ามนำกล้องลงไปถ่ายภาพใต้น้ำ ยกเว้นมีผู้ที่ผ่านหลักสูตรดำน้ำลึกระดับเทียบเท่า Advanced หรือมีประสบการณ์ดำน้ำ 40 ไดฟ์ขึ้นไป ทำหน้าที่ถ่ายภาพให้ หากมีการเรียนหรือสอบดำน้ำลึก ห้ามครูและนักเรียน ถ่ายภาพใต้น้ำ (ยกเว้นการเรียนตามหลักสูตรถ่ายภาพใต้น้ำ) ถ้าต้องการถ่ายภาพในการเรียนจะต้องมีบุคคลทำหน้าที่ถ่ายภาพโดยเฉพาะ เพราะหากไม่เชี่ยวชาญในการดำน้ำจะทำให้ปะการังเกิดความเสียหาย


2. ในการดำน้ำตื้น (Snorkel) หากดำน้ำตื้นในบริเวณแนวปะการังระดับน้ำจะต้องสูงไม่น้อยกว่า 2 เมตร จากยอดปะการัง หากมีการใช้ตีนกบ ผู้ควบคุมต้องแจ้งวิธีการใช้ตีนกบไม่ให้กระทบต่อปะการัง และต้องใส่ชูชีพทุกครั้ง เว้นแต่ผ่านหลักสูตรการดำน้ำลึกหรือหลักสูตรการดำน้ำอิสระมาแล้ว“


ทั้งนี้ กรม ทช. ได้ดำเนินการจัดทำ (ร่าง) ระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ว่าด้วย ผู้ควบคุมและผู้ช่วยผู้ควบคุมการท่องเที่ยวดำน้ำในบริเวณแนวปะการัง โดยมีมัคคุเทศก์ ผู้นำการดำน้ำ และครูสอนดำน้ำ หรือระดับเทียบเท่าขึ้นไป ผ่านการฝึกอบรมแล้ว จำนวน 1,946 คน ซึ่งอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการออกบัตรให้กับผู้ผ่านการฝึกอบรม โดยหากผู้ประกอบการที่จัดกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว จะมีโทษตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพื่อประโยชน์ในการสงวน คุ้มครอง อนุรักษ์ หรือฟื้นฟูทรัพยากรปะการัง ให้คงอยู่ต่อไปในอนาคต

📍สามารถอ่านประกาศฉบับเต็มได้ที่
https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/67994.pdf


กำลังโหลดความคิดเห็น