“วัดเขาบรรจบ” ลอดประตูสวรรค์ ดื่มด่ำธรรมชาติงามสงบที่จันทบุรี

ภาพแรกที่ปรากฏต่อสายตาผู้มาเยือนเมื่อเข้าสู่อาณาเขตของ “วัดเขาบรรจบ” มักเป็นพระอุโบสถไม้อันงดงาม ซึ่งมีพระประธานสีทองอร่ามเรืองรองด้านใน โอบล้อมด้วยแมกไม้ยืนต้นสูงชะลูดแผ่กิ่งก้านให้ความร่มรื่น พร้อมทั้งเสียงธารน้ำไหลเอื่อยดังแว่วอยู่ไม่ไกล ซึ่งล้วนช่วยปรับให้จิตใจผู้มาเยือนรู้สึกถึงความเงียบสงบไปกับภาพความงดงามที่ได้เห็น


“วัดเขาบรรจบ” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสอยดาวที่บรรจบกับเทือกเขาคิชฌกูฏ ในเขตอำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี เป็นวัดป่านิกายธรรมยุต สาขาวัดเขาสุกิมที่ ๙ แม้ว่าวัดแห่งนี้ไม่ใช่วัดเก่าแก่สร้างตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ทว่าก็มีความโดดเด่นและมีสิ่งที่น่าสนใจ นับเป็นหนึ่งในอันซีนจันทบุรีที่พุทธศาสนิกชนผู้ศรัทธา รวมทั้งนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบความงามสงบระหว่างธรรมชาติกับธรรมะ ควรค่าแก่การมาเยือน


ประวัติของวัดเขาบรรจบ ดำริสร้างตั้งโดย “พระวิสุทธิญาณเถร" (หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย) ราวปี พ.ศ. 2525 ครั้งสมัยที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาสุกิม สำหรับ “พระวิสุทธิญาณเถร" เป็นศิษย์ของ “หลวงปู่มั่น ภูริทตโต” พระเกจิสายวิปัสสนากรรมฐานชื่อดังที่คนไทยให้ความเคารพนับถือ ดังนั้นวัดกลางป่าอันร่มรื่นในอำเภอมะขาม จึงมีบรรยากาศที่เงียบสงบ รายล้อมด้วยธรรมชาติบริสุทธิ์เหมาะสำหรับเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมสำหรับชาวพุทธ สมกับที่มีสถานะเป็นพุทธอุทยานวัดเขาบรรจบ


จุดสำคัญควรค่าแก่การไปชมภายในวัด
“พระอุโบสถไม้” ที่ “พระวิสุทธิญาณเถร" เป็นประธานวางศิลาฤกษ์ สร้างในปี พ.ศ. 2536 งามสะดุดตาด้วยเสาไม้แกะสลัก ด้านในมีลวดลายไทยลงรักปิดทองไว้สุดวิจิตร เป็นเส้นนำสายตาไปสู่พระพุทธรูปองค์ประธาน ซึ่งเป็นพระพุทธชินราชองค์สีทองอร่าม


ฝั่งซ้ายมือของพระอุโบสถ มี “สะพานแขวน” หรือ “สะพานข้ามโอฆะสงสาร” เป็นสะพานไม้แบบแขวนทอดยามข้ามลำธารสูงนับสิบเมตร มีความงดงามมองเห็นทัศนียภาพของลำธารเบื้องล่าง และขุนเขาทะมึนอยู่ไกลลิบๆ สะพานแห่งนี้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมเช็กอินถ่ายภาพ และชมวิว แต่วัตถุประสงค์แต่เริ่มแรกเป็นการสร้างเพื่อใช้ในกิจปฏิบัติธรรม ดังนั้นจึงควรมีความสำรวม และไม่แกว่ง ขย่ม หรือทำสิ่งเพื่อความสนุกสนาน


สะพานแขวนนี้ ยังเสมือนการเฉลยที่มาของชื่อ “วัดเขาบรรจบ” เพราะเป็นการเชื่อมระหว่าง “เขาสอยดาว” (ฝั่งวัด) กับ “เขาคิชกูฏ” ฝั่งตรงข้าม จึงเป็นความหมายของวัดที่มีขุนเขามาบรรจบกันนั่นเอง


สำหรับใครที่เดินบนสะพานแขวนแล้วประทับใจในความงามของสายธารและโขดหินเบื้องล่าง อาจเลือกเดินลงจากเนินเขาไปถ่ายภาพ หรือนั่งชมบรรยากาศได้เช่นกัน โดยข้างสะพานแขวนมีเส้นทางลัดเลาะไปตามโขดหินไม่สูงชัน เดินลงไปง่ายๆไม่ถึงนาที หากไม่ใช่ฤดูน้ำหลากก็สามารถแวะไปให้อาหารปลา ฟังเสียงลำธารอย่างใกล้ชิด หรือหามุมถ่ายภาพธรรมชาติสวยๆ


ประตูสวรรค์ - รุกข มรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี
อีกหนึ่งไฮไลต์ของวัดเขาบรรจบ ต้องยกให้ “ต้นสมพง” หรือสะพุง ต้นไม้สูงใหญ่อายุประมาณ 300-500 ปี ขนาด 10 คนโอบ สูงประมาณ 30 เมตร อยู่ทางฝั่งขวามือของพระอุโบสถ

ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของการก่อสร้างวัด ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ชาวสวนทุเรียนในตำบลฉมัน จึงได้อุทิศที่ดินในหมู่บ้านให้เป็นพื้นที่ในการสร้างวัดเขาบรรจบ แต่เส้นทางที่จะเข้าวัดมีต้นสมพงและโขดหินอยู่เป็นจำนวนมาก สร้างความลำบากให้กับพระสงฆ์ที่จะออกบิณฑบาตและประชาชนที่จะไปวัด


ชาวบ้านจึงเจาะต้นสมพงเป็นช่องเล็กๆสูงราว 3 เมตร เพื่อใช้เป็นทางเข้าออก แม้กระนั้นต้นสมพงก็ยังแข็งแรงและเจริญเต็มโตเป็นปกติจนทุกวันนี้ ชาวบ้านจึงเรียกช่องที่เจาะนี้ว่า "ประตูสวรรค์" เป็นช่องทางที่เข้าสู่
ความสงบและธรรมะ สอดคล้องกับภายในบริเวณพุทธอุทยานแห่งนี้ที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้นานาชนิด พร้อมน้ำตกสวยงาม ดังนั้นการเดินลอดประตูดังกล่าวจึงเปรียบเสมือนเดินเข้าสู่เส้นทางสู่สรวงสวรรค์ของผู้เข้ามาปฏิบัติธรรมและมาทำบุญนั่นเอง

นอกจากนี้ ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ ยังมีสถานะเป็น "รุกข มรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี” เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 63 พรรษา วันที่ 2 เมษายน ปี พ.ศ. 2561 ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมได้คัดเลือกต้นไม่ใหญ่ ทั่วประเทศจากทุกภูมิภาค รวม 63 ต้น และต้นสมพงที่วัดเขาบรรจบก็เป็นหนึ่งในนั้น


ที่ตั้ง วัดเขาบรรจบ
บ้านทุ่งเพล ตำบลฉมัน อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี
ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี ประมาณ 39 กิโลเมตร

ตักบาตรถวายภัตตาหาร เวลา 8.00 น. (มื้อเดียว)
ถวายสังฆทาน 10.00-15.00 น.
นั่งสมาธิ สวดมนต์ ทำวัตรเย็น 19.00-20.00 น.

ติดตามกิจกรรมและข่าวสารต่างๆของวัดได้ทางเฟซบุ๊ก facebook.com/WatKhaobanjob (วัดเขาบรรจบ อ.มะขาม จ.จันทบุรี) หรือสอบถามเจ้าหน้าที่วัด โทร.06-5485-6038


ส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline