อธิบดีกรมอุทยานฯ เผย “ทราย” ไม่ได้รักน่ารักเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ยืนยันไม่จำเป็นต้องไปออกรายการสดกับ “ทราย” ไม่จำเป็นต้องไปตอบสนองสื่อโซเชียล และอยากให้เข้าใจบริบทในการทำงานร่วมกับผู้อื่น
วันนี้ (21 เม.ย. 2568) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนสำนักข่าวช่องวัน (ONE 31) กล่าวถึงกรณีประเด็นร้อนในโซเชียล
หลังปรากฏคลิป "ทราย สก๊อต" หรือ สิรณัฐ สก๊อต ตักเตือนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ต่อเนื่องจนเป็นดราม่าประกาศยุติบทบาทในฐานะเจ้าหน้าที่กรมอุทยาน จากนั้น เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 68 ที่ผ่านมา ทราย สิรณัฐ สก๊อต ยังได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียว่า "ผมพร้อม! ชวนอธิบดีมาคุยกันตัวต่อตัวในรายการถ่ายทอดสด... ทะเลเขารอผมอยู่"
เรื่องดังกล่าว นายอรรถพล เจริญชันษา กล่าวกับสื่อว่า เมื่อมีการร้องเรียนถึงพฤติกรรมของทราย ทางกรมอุทยานฯ จำเป็นต้องตักเตือนเจ้าตัว ซึ่งส่วนตัวพยายามจะอธิบาย มีการทักแช็ตส่วนตัวไปหา แต่เขาไม่ตอบโดยตรง จึงไม่เคยมีการพูดคุยกันโดยตรงเลย มีแต่พูดผ่านสื่อเท่านั้น หากเขาไม่ต้องการเป็นที่ปรึกษาแล้ว ความจริงสามารถโทรศัพท์มาหาตนได้ว่าไม่ต้องการเป็นแล้ว แต่ก็ไม่เคยติดต่อมา ดูเหมือนว่าทรายจะยึดติดโซเชียลมากเกินไป
ทั้งนี้อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า ทราย ไม่ได้รักน่ารักเหมือนเมื่อก่อนแล้ว สิ่งที่เขาพูดทำให้สังคมเข้าใจผิด ทำให้องค์กรและประเทศชาติเสื่อมเสีย ดังนั้นเมื่อเขาไม่ให้เกียรติกรม ไม่ให้เกียรติตนทั้งที่ให้โอกาสเข้ามาช่วยกันทำงาน ซึ่งช่วงแรกทำได้ดีมากมีความตั้งใจในการอนุรักษ์ทะเลสามารถสื่อสื่อสารไปถึงกลุ่มวัยรุ่นได้ดี แต่ในช่วงหลังมองว่าเป็นการตั้งใจทำคอนเทนต์มากเกินไป จนเกิดผลกระทบกับคนอื่น ไปทำให้คนอื่นเสียหายโดยที่บางเรื่องก็ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ซึ่งความจริงแล้วแก้ไขได้แต่ตัวเขาไม่เข้าใจ ทุกอย่างต้องทำตามระเบียบไม่ใช่เป็นที่ปรึกษาแล้วจะทำอะไรก็ได้ ที่ปรึกษามีหน้าที่ให้คำปรึกษา เว้นแต่อธิบดีจะมอบหมายให้ไปทำภารกิจอื่นใดก็จะสามารถทำได้
การเข้าไปทำก็ต้องเคารพกติกา ของอุทยานฯ เคารพความเห็นของหัวหน้าอุทยานฯ ต้องเป็นการเข้าไปช่วยเหลือจริงๆไม่ใช่เข้าไปสร้างภาระให้ แต่เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วไม่เข้าใจ ก็คงต้องพิจารณาไม่ให้เขาเป็นที่ปรึกษาอีกต่อไป โดยตอนนี้ทางสำนักอุทยานฯ จะพิจารณาว่าทรายมีพฤติกรรมตามข้อร้องเรียนจริงหรือไม่ เพื่อเสนอต่อทางกรมให้พิจารณาทบทวนตำแหน่งที่ปรึกษา
กรณี ทราย อ้างว่าเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทุจริตรับสินบนนั้น หากมีข้อมูลหลักฐานชัดเจน ก็ส่งมาได้เลย ตนยินดีที่จะดำเนินคดีทั้งหมด ไม่ใช่ไปสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษออกไปทำให้ประเทศไทยเสียภาพพจน์ ซึ่งยืนยันว่า ทรายไม่เคยให้ข้อมูลหรือยื่นหลักฐานเกี่ยวกับการทุจริตของเจ้าหน้าที่มาก่อน แต่น่าจะเป็นเพราะทราย ถูกผู้ประกอบการร้องเรียน จึงเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจกับผู้ประกอบการและนำไปทำคอนเทนต์สื่อสารเป็นภาษาอังกฤษออกไป ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง การจับไปว่าอะไรใครมีการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ต้องมีหลักฐาน
โดยอธิบดีกรมอุทยานฯ ยืนยันว่า จะไม่ไปออกรายการสดคู่กับทราย สก็อต เพราะมีภารกิจมากมาย มองว่าไม่จำเป็นต้องไปตอบสนองสื่อโซเชียล เป็นการสร้างคอนเทนต์ให้ชนกันไปชนกันมา ซึ่งมองเห็นอนาคตไว้แล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ จึงพยายามจะไม่ออกมาพูดตั้งแต่แรก และไม่อยากว่าทรายมาก เพียงแต่บอกให้ตั้งสติแล้วกลับมาพูดคุยกัน แต่เมื่อตอนนี้เป็นแบบนี้แล้วก็คงร่วมงานกันไม่ได้ แต่คงไม่ทำอะไรไปมากกว่านี้ หรือลงรายละเอียดมากกว่านี้เขายังเด็กจะกลายเป็นไปทำร้ายเขา นี่เป็นเหตุผลที่ไม่อยากพูดถึงตัวทรายมากเกินไป