xs
xsm
sm
md
lg

เศร้า “พังวาสนา” ลูกช้างรักษาด้วย “สเต็มเซลล์” เคสแรกของไทยล้มแล้ว-“หนูนา” อัดปางใจดำให้น้องรับ นทท. ตั้งแต่ยังเล็ก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


R.I.P. “พังวาสนา” ลูกช้างใช้ สเต็มเซลล์ เคสแรกของไทยล้มแล้ว (ภาพ : เพจ โรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย Elephant Hospital, TECC)
สะเทือนใจคนรักช้าง “พังวาสนา” ลูกช้างน้อยที่รักษาด้วย “สเต็มเซลล์”เคสแรกของไทยล้มแล้ว ด้าน “หนูนา-กัญจนา” โพสต์อัดปางช้างใหญ่แห่งหนึ่งใน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ว่า “ใจดำมาก” นำลูกช้างน้อยมารับนักท่องเที่ยวตั้งแต่เด็ก จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตในที่สุด

ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวเศร้าของวงการช้างไทยและคนรักสัตว์ในบ้านเรา เมื่อ “หนูนา-กัญจนา ศิลปอาชา” ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา และอดีต รมช. ศึกษาธิการ โพสต์เฟซบุ๊กบัญชีรายชื่อ NuNa Silpa-archa อาลัยต่อการจากไปของ “พังวาสนา” ลูกช้างน้อยที่กำลังรักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง ว่า...น้องวาสนาจากไปอย่างสงบแล้วนะคะ สู่ภพภูมิที่ดีนะลูก... ซึ่งก็มีคนรักช้าง รักสัตว์เข้ามาโพสต์ร่วมแสดงความเสียใจต่อการจากไปของพังวาสนาเป็นจำนวนมาก


สำหรับพังวาสนา เป็นลูกช้างเพศเมียวัย 15 เดือน ที่ปางช้างแห่งหนี่งในอำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งป่วยเป็นโรค EEHV หรือ เฮอร์ปีส์ไวรัส และได้เดินทางมารักษาตัวที่ “โรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย” จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา

โดย โรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ได้ระบุว่า เคสของพังวาสนา สัตวแพทย์ได้ใช้ “สเต็มเซลล์” รักษาโรค EEHV หรือ เฮอร์ปีส์ไวรัส ให้กับลูกช้างน้อยดังกล่าวเป็นเคสแรกของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการรักษาแบบทางเลือก (alternative treatment) ที่มีรายงานการใช้ในต่างประเทศมาบ้างแล้ว


สเต็มเซลล์ (stem cells) คือ เซลล์ต้นกำเนิดที่มีความสามารถในการพัฒนาเป็นเซลล์ต่าง ๆของร่างกาย ด้วยคุณสมบัตินี้ปัจจุบันจึงมีการนำสเต็มเซลล์มาใช้ในทางการแพทย์อย่างแพร่หลาย

การใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาโรค EEHV นั้นมุ่งหวังผลในการลดความรุนแรงของการเกิดภาวะการอักเสบทั่วร่างกาย (cytokine storm) และลดการเกิดภาวะเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดแบบแพร่กระจาย (Disseminated Intravascular Coagulation ; DIC) ซึ่งมักเป็นสาเหตุหลักให้ช้างเสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าเคส EEHV ทุกเคสจำเป็นจะต้องได้รับการรักษาด้วยสเต็มเซลล์ เพราะการรักษาหลักยังคงเป็นการรักษาทางยาและการถ่ายเลือด ส่วนสเต็มเซลล์สัตวแพทย์จะเลือกใช้ในเคสที่มีผลเลือดผิดปกติมาก หรือมีแนวโน้มว่าจะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้ช้างเสียชีวิต


ด้าน หนูนา-กัญจนา ศิลปะอาชา ได้โพสต์เฟซบุ๊กเพิ่มเติมตำหนิปางช้างผู้ดูแลพังวาสนาหลังเสียชีวิต ว่า

ผู้บริหารปางนั้น ควาญของน้องวาสนา คุณควรต้องได้บทเรียนบ้าง…
ถ้าคุณไม่ใช้แม่และน้องแบบนั้น ..
สำเหนียก ใส่ใจทันทีที่น้องมีอาการ รีบพาน้องส่งโรงพยาบาล
น้องจะไม่ถึงกับสิ้นชีวิตแบบนี้เพราะน้องเป็นแค่ไวรัส type 1
ยอมรับว่าดิฉันโกรธมาก …
ปศุสัตว์ขอความกรุณาอย่านิ่งเฉย…
อย่าให้ เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก กับสัตว์ที่เขาพูด และต่อสู้เพื่อตัวเองไม่ได้…
////////
มี่กับยุ้ยมารอบริจาคเลือดช่วยน้องก็ไม่ทัน …
ต้องขอบคุณคุณหมอทุกคนที่อดตาหลับกับตานอน ดูแลรักษาน้องวาสนา …


นอกจากนี้ หนูนา-กัญจนา ยังคอมเม้นต์เพิ่มเติมในโพสต์ดังกล่าว ว่า

ปางนั้นเป็นปางใหญ่ในอำเภอแม่วาง
ให้แม่และน้อง วัยแค่ 1 ขวบ 5 เดือน รับนักท่องเที่ยวอย่างหนัก
ไม่ให้เขาได้พักตามที่ควรเป็น
อย่ามาอ้างว่า ใช้แม่ไม่ได้ใช้ลุก
ก็รุ้ใช่ไหมว่า ลูกเขายังเล็กนัก ต้องได้มีเวลาอยู่กับแม่ส่วนตัว กินนม นอน อย่างเพียงพอ..
คุณใจดำมาก
ไม่รู้เคยเป็นแม่คนไหม?


สำหรับเรื่องนี้คงต้องติดตามรายละเอียดการเสียชีวิตของพังวาสนาเพิ่มเติมกันต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น