xs
xsm
sm
md
lg

อาคารแถว “เขียว - แดง” สถาปัตยกรรมโดดเด่นริมถนนพระอาทิตย์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ถนนพระอาทิตย์ เป็นย่านท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของกรุงเทพฯ เริ่มต้นจากสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ยาวไปจรดป้อมพระสุเมรุ ชื่อของถนนตั้งตามชื่อ “ป้อมพระอาทิตย์” ป้อมปราการที่สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรงสถาปนากรุงเทพมหานครเป็นราชธานี (ป้อมพระอาทิตย์ เคยตั้งอยู่ตรงบริเวณที่เป็นรากฐานของสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า แต่ปัจจุบันถูกรื้อถอนไปแล้ว)

ถนนสายนี้ มีแลนด์มาร์กดังที่เปรียบดังสัญลักษณ์ของชุมชน คือ “ป้อมพระสุเมรุ” หนึ่งในสองป้อมปราการโบราณที่ยังหลงเหลือในกรุงเทพฯ สร้างไว้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ ซึ่งติดกับ “สวนสันติชัยปราการ” สวนสาธารณะเล็กๆริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมของชาวชุมชนบางลำพู และนักท่องเที่ยว ใกล้ๆกัน ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอย่าง “พิพิธบางลำพู” ตลอดจนร้านค้าร้านอาหารที่เรียงรายให้เลือกชิมเลือกชอปกันเพลิดเพลิน


นอกเหนือจากแลนด์มาร์กและสถานที่เกี่ยวกับด้านการท่องเที่ยวโดยตรงแล้ว ใครชื่นชอบอาคารบ้านเรือนในย่านเมืองเก่า หรือสนใจศึกษาสถาปัตยกรรม มีอีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรพลาดควรค่าแก่การแวะไปเช็กอิน คือ “อาคารแถวที่ตั้งอยู่ริมถนนพระอาทิตย์”


ตึกแถวริมถนน อิทธิพลจากสถาปัตยกรรมตะวันตก
อาคารแถว 34 คูหา ริมถนนพระอาทิตย์ไปจนถึงถนนพระสุเมรุ ที่เรียงรายอยู่นี้ ข้อมูลจากกรมศิลปากร ระบุว่า สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ ลักษณะสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะตะวันตก ซึ่งนิยมอย่างแพร่หลายในรัชกาลที่ ๕ จึงมีความแตกต่างจากบ้านเรือนของคนทั่วไปยุคต้นรัตนโกสินทร์ที่มักเลียนแบบอิทธิพลของศิลปะแบบจีนมากกว่า เพราะอิทธิพลศิลปะตะวันตกที่ตกแต่งอาคารหรือรูปทรงยุคก่อนนั้น มักเป็นเฉพาะวังเจ้านาย และบ้านคหบดีเท่านั้น


ราว พ.ศ. 2450 สมัยปลายรัชกาลที่ ๕ พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้รื้อกำแพงพระนคร และมีพระราชดำริในการพัฒนาพระนครให้เจริญทัดเทียมอารยะประเทศ มีการตัดถนน และการก่อสร้างอาคารตึกแถวเลียบกำแพงเมืองทางด้านเหนือ มีลักษณะเป็นถนนสายเล็กๆ คือ ถนนพระอาทิตย์ กับถนนพระสุเมรุ ยังมีถนนที่ตัดในระยะเดียวกันคือ ถนนเจ้าฟ้า ถนนจักรพงษ์ ถนนไกรสีห์ ถนนข้าวสาร ถนนประชาธิปไตย เป็นเครือข่ายการคมนาคมที่เชื่อมถึงกัน และไปเชื่อมกับถนนราชดำเนินที่สร้างมาก่อนหน้านี้

เมื่อมีถนนความเจริญก็ตามมา ย่านพระอาทิตย์และบางลำพูเจริญขึ้นเป็นลำดับ ส่วนถนนพระอาทิตย์นอกจากมีวังเจ้านาย บ้านเรือนข้าราชบริพาร และราษฎรแล้ว ในสมัยรัชกาลที่ ๖ มีการสร้างตึกแถวเป็นแหล่งค้าขายวางตัวเรียงยาวไปตามถนนพระอาทิตย์ด้วย ข้อมูลบางแหล่ง จึงสันนิษฐานว่า อาคารชุดดังกล่าวน่าจะสร้างขึ้นในช่วงสมัยรัชกาลที่ ๖ - รัชกาลที่ ๗


รูปแบบการก่อสร้าง
รูปแบบอาคารแถวแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก (ค.ส.ล.) ซึ่งนับเป็นวิทยาการก่อสร้างที่พัฒนามาจากการสร้างอาคารแถวรูปแบบเดิมที่มักก่ออิฐถือปูน เป็นตึก 2 ชั้น หลังคามุมกระเบื้องว่าว มีขอบสันหลังคาอาคารชั้นล่างเปลี่ยนจากสภาพเดิมข้างหน้ายังคงเป็นบานประตูไม้แบบบานเฟี้ยม ชั้นบนยังคงสภาพเดิมยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ตึก 1 คูหา มีบานหน้าต่าง 2 ช่อง เป็นบานไม้แบบลูกฟักกระดานดุน ช่องแสงเหนือขอบบนของหน้าต่างบานเกล็ดไม้ ผนังชั้นบนเรียบไม่มีเสาฝาผนัง ส่วนชั้นล่างมีชายคาปูนเป็นกันสาดคลุมทางเท้ายาวไปตลอดแนวอาคาร


ต่อมาในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ตึกแถวดังกล่าวได้เกิดเหตุอัคคีภัยจนเกิดความเสียหาย สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จึงบูรณะใหม่สร้างอาคารที่มีลักษณะโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก มีการทำกันสาดทั้งชั้นบนและชั้นล่าง เป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กบางๆ ยาวต่อเนื่องกัน หลังคาจั่วมีผนังกันไฟ แบ่งเป็นจังหวะทุก 4 คูหา จากนั้นก็เปิดให้เช่าเรื่อยมา และได้ดำเนินการบูรณะฟื้นฟูอาคารบริเวณนี้อีกครั้ง เมื่อ พ.ศ. 2549 ให้สวยงามดังเช่นวันวาน


ส่วนคู่สี “แดง-เขียว” ของอาคารชุดนี้ คือ ผนังของอาคารที่มีสีแดง ส่วนประตูแบบบานเฟี้ยมกับหน้าต่างนั้น ทาสีเขียวเข้ม ซึ่งถือว่ามีเอกลักษณ์ความแตกต่างจากอาคาร-ตึกแถวอื่นๆ ในย่านพระนคร ที่นักท่องเที่ยวคุ้นตากับสีเหลืองขลิบเขียว โดยก่อนจะเป็นสีแดง-เขียว ที่เห็นในปัจจุบัน อาคารกลุ่มนี้เคยถูกทาด้วยสีเบจขลิบด้วยน้ำตาลมาก่อน (โทนสีเดียวกับอาคารพิพิธบางลำพูที่อยู่เยื้องกัน)


รางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรม
รูปแบบของอาคารแม้ยังคงได้รับอิทธิพลจากตะวันตก แต่ก็ลดทอนให้เรียบง่ายขึ้น เน้นออกแบบเพื่อให้เอื้อต่อการใช้งานมากกว่าการตกแต่งเพื่อความสวยงาม จนได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่นประจำปี พ.ศ. 2551 ประเภทอาคารพาณิชย์จากสมาคมสถาปนิกสยามฯ

ปัจจุบัน ตึกแถวสองชั้นสะดุดตาด้วยคู่สี “เขียว - แดง” จำนวน 34 คูหา เป็นร้านค้าหลากหลาย มีทั้งร้านอาหารเจ้าเก่าเจ้าใหม่ ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ร้านตัดแว่น ร้านตัดผม คาเฟ่ ร้านขายของชำ ร้านบอร์ดเกม ฯลฯ นับเป็นย่านการค้าแบบเมืองเก่าที่มีเสน่ห์ร่วมสมัยน่ามาเยือนอีกแห่งของกรุงเทพฯ


ส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline


กำลังโหลดความคิดเห็น