xs
xsm
sm
md
lg

หอคอยแห่งเมืองโบราณคดี “ซามาร์รา” มรดกโลกในดินแดน “อิรัก”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ: สำนักข่าวซินหัว
ชมความงามเป็นเอกลักษณ์ของหอคอยสูง ขดเป็นเกลียวดังก้นหอยโดดเด่น บริเวณมัสยิดอาบู ดูลาฟ ย่านชานเมืองโบราณคดีซามาร์รา (Samarra) ในจังหวัดซาลาห์แอดดินของอิรัก

ภาพ: สำนักข่าวซินหัว
เมืองโบราณคดีซามาร์รา ตั้งอยู่ห่างจากกรุงแบกแดดไปทางเหนือราว 130 กิโลเมตร ประกอบด้วยซากเมืองอิสลามที่เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอับบาสิดในศตวรรษที่ 9

เมืองโบราณแห่งซามาร์รา(Samarra Archaeological City) มีอายุระหว่างปี ค.ศ. 836-892 เป็นหลักฐานอันโดดเด่นของอาณาจักรอิสลามที่ยิ่งใหญ่ในยุคนั้น ครอบคลุมพื้นที่ยาวจากตูนิเซียไปจนถึงเอเชียกลาง นับเป็นเมืองหลวงอิสลามแห่งเดียวที่ยังคงรักษารูปแบบสถาปัตยกรรม และศิลปะดั้งเดิม เช่น โมเสกและงานแกะสลักไว้ได้

ภาพ: สำนักข่าวซินหัว
ซามาร์รา นับเป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เนื่องจากถูกทิ้งร้างตั้งแต่เริ่มแรก จึงหลีกเลี่ยงการสร้างเมืองขึ้นมาใหม่อย่างต่อเนื่องหลังจากนั้น

ภาพ: สำนักข่าวซินหัว
เมืองโบราณแห่งนี้ยังคงรักษามัสยิดที่ใหญ่ที่สุด 2 แห่ง (อัลมาลวียาและอาบูดูลาฟ) และหออะซานที่แปลกตาที่สุดไว้ นั่นคือ หอคอยสูง 52 เมตร ขดเป็นเกลียวดังก้นหอย รวมถึงพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลกอิสลาม (พระราชวังคาลิฟาล คัสร์ อัล-คาลิฟา อัล-จาฟารี อัล-มาชูก และอื่นๆ)


หอคอยได้รับความเสียหายในปี ค.ศ. 2005 เมื่อยอดหอคอยถูกทำลายจากการระเบิด จากกลุ่มกบฏในอิรัก หลังจากนั้นรัฐบาลอิรักจึงมีโครงการฟื้นฟู และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกที่อยู่ในภาวะอันตรายขององค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.2007

ภาพ: สำนักข่าวซินหัว

ภาพ: สำนักข่าวซินหัว

ภาพ: สำนักข่าวซินหัว


กำลังโหลดความคิดเห็น