xs
xsm
sm
md
lg

“แพทองธาร” ร่วมงานท่องเที่ยวระดับโลก ITB Berlin 2025 ลั่นดึงต่างชาติเที่ยวไทย 39 ล้านคน โกย 3.5 ล้านล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ร่วมงานท่องเที่ยวระดับโลก “ITB Berlin 2025” ชู Soft Power เสน่ห์ไทย พร้อมนำ 18 เมืองน่าเที่ยวจังหวัดศักยภาพขายในระดับโลกเป็นครั้งแรก ลั่นปี 2568 ดึงต่างชาติเที่ยวไทย 39 ล้านคน โกยรายได้ 3.5 ล้านล้านบาท

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมด้วยพันธมิตรผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคเอกชนไทย ทั้งจากเมืองท่องเที่ยวหลักและเมืองน่าเที่ยวในพื้นที่ 5 ภูมิภาคทั่วประเทศร่วม 160 ราย เดินทางร่วมงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวระดับโลก “Internationale Tourismus Borse” หรือ “ITB Berlin 2025” ระหว่างวันที่ 4-6 มีนาคม 2568 ณ Berlin ExpoCenter City กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการการท่องเที่ยวไทยสู่สายตาชาวโลก โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงาน Amazing Thailand Networking Event ณ อาคาร City Cube Berlin นำเสนอศักยภาพประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก พร้อมประกาศปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ชู Soft Power เสน่ห์ไทย ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางทางการบินของภูมิภาค และเร่งขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยสู่ความยั่งยืน


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมุ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก (World-Class Destination) ขับเคลื่อนนโยบายให้การท่องเที่ยวเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ที่จะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบในทุกระดับ โดยในปี 2568 เป็นปีพิเศษที่รัฐบาลได้ประกาศให้เป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 โดยนำเสนอการท่องเที่ยวไทยผ่าน Soft Power และในงาน ITB Berlin 2025 นี้เป็นครั้งแรกที่มีการชูเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัดศักยภาพเข้าสู่เวทีการเสนอขายในระดับโลก อีกทั้งส่งเสริมกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ ภายใต้ชื่อ Maha Songkran World Water Festival 2025, Pride Month, เทศกาลลอยกระทง และ Amazing Thailand Countdown ขณะที่เทศกาลด้านกีฬาที่สำคัญ ได้แก่ การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันวอลเล่ย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก (FIVB Women's Volleyball World Championship 2025) และ ซีเกมส์ 2025 โดยตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย 39 ล้านคน สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาทในปี 2568

สำหรับ 18 เมืองน่าเที่ยวศักยภาพที่ถูกนำไปเสนอขายในงาน ITB Berlin 2025 ประกอบด้วย
1. จังหวัดเชียงราย
2. จังหวัดเชียงใหม่
3. จังหวัดแม่ฮ่องสอน
4. จังหวัดสุโขทัย
5. จังหวัดน่าน
6. จังหวัดแพร่
7. จังหวัดลำปาง
8. จังหวัดจันทบุรี
9. จังหวัดตราด
10. จังหวัดปราจีนบุรี
11.จังหวัดสระแก้ว
12.จังหวัดหนองคาย
13.จังหวัดอุดรธานี
14.จังหวัดเลย
15.จังหวัดนครพนม
16.จังหวัดตรัง
17.จังหวัดนครศรีธรรมราช
18. จังหวัดสตูล



นางสาวแพทองธาร ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า รัฐบาลได้มุ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวด้วยมาตรการต่าง ๆ อาทิ การยกเว้นวีซ่าให้กับผู้เดินทางจาก 93 ประเทศทั่วโลก มาตรการ e-Visa รวมถึงระบบตม.6 ออนไลน์ที่จะนำมาใช้ในเร็ว ๆ นี้ พร้อมผลักดันการมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางทางการบินของภูมิภาค (Aviation Hub) โดยการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง รวมถึงยกระดับสนามบินในระดับภูมิภาค เพื่อมุ่งไปสู่ศักยภาพความพร้อมในการรองรับผู้โดยสาร 250 ล้านคนต่อปี นอกจากนี้จะยกระดับบริการขนส่งสาธารณะและระบบรางเพื่อสร้างการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ

นอกจากนี้รัฐบาลยังมุ่งมั่นที่จะผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Wellness and Medical Hub โดยการท่องเที่ยวทางด้านการรักษาสุขภาพและเวลเนสของประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยมาตรฐานสิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติและหลากหลายสาขาความเชี่ยวชาญในราคาที่สามารถแข่งขันได้ ทำให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะสามารถดึงดูดการลงทุนและขยายการเติบโตของระบบนิเวศการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้

ชณะที่เรื่องการสร้างความเชื่อมั่นทางด้านความปลอดภัยและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเป็นประเด็นที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะปรับโฉมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนมาตรฐานความยั่งยืนในแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย โดยในปี 2569 ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน the Global Sustainable Tourism Council Global Conference ในจังหวัดภูเก็ต และร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชนท้องถิ่นทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความยั่งยืน


นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การเข้าร่วมงาน ITB Berlin 2025 งานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของโลกของประเทศไทยในครั้งนี้ มีความพิเศษกว่าทุกปี โดยได้ขยายขนาดพื้นที่คูหาของประเทศไทยจากขนาด 540 ตารางเมตร เป็น 1,820 ตารางเมตร หรือขนาด 1 Hall ของ ITB Berlin เพื่อให้สอดรับกับการประกาศให้ปี 2568 เป็นปี “Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025” และขับเคลื่อนนโยบาย Ignite Tourism Thailand ผลักดันประเทศไทยสู่ตลาดโลก โดยในครั้งนี้ได้นำผู้ประกอบการภาคเอกชนไทยเข้าร่วมประมาณ 160 ราย จาก 5 ภูมิภาคทั่วประเทศไทย ทั้งจากเมืองท่องเที่ยวหลักและเมืองน่าเที่ยว เพื่อร่วมพบปะเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดยุโรป สร้างโอกาสในการเปิดตลาด สร้างและขยายเครือข่ายให้กับผู้ประกอบการไทยในการรุกตลาดนักท่องเที่ยวศักยภาพที่มีระยะเวลาพำนักในประเทศไทยนาน และมีการใช้จ่ายทางการท่องเที่ยวสูง ให้มุ่งสู่เป้าหมายในปี 2568 มีจำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกล 10.6 ล้านคน สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว 8.7 แสนล้านบาท

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท.กล่าวว่า การเข้าร่วมงานในครั้งนี้ ททท. ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน นำเสนอศักยภาพทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยในทุกมิติ ทั้งด้านความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยว ความหลากหลายของสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวในการรองรับนักท่องเที่ยว โดยครั้งนี้ ททท.นำผู้ประกอบการเข้าร่วมสูงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โดยมีจำนวนถึง 160 ราย ประกอบด้วย โรงแรมที่พักร้อยละ 88, บริษัท DMC ร้อยละ 8 และอื่น ๆ ร้อยละ 4 ขณะที่ไฮไลต์ของพื้นที่ประเทศไทยอยู่ที่การนำเสนอเสน่ห์ไทย ถ่ายทอดอัตลักษณ์ของท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาค ภายใต้แนวคิด 5 Must do in Thailand ควบคู่ไปกับการนำเสนอสินค้าการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนที่กำลังเป็นกระแสการท่องเที่ยวที่สำคัญทั่วโลก รวมถึงนวัตกรรมทางการท่องเที่ยวใหม่ Travel Tech ที่ได้เปิดตัว TATAI ตู้ 3D hologram ที่ใช้เทคโนโลยี AI (TATAI) ประมวลผลข้อมูลและองค์ความรู้ด้านการท่องเที่ยวไทยในรูปแบบดิจิทัลจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อให้บริการข้อมูลแก่นักท่องเที่ยวผ่านการสนทนาบนเว็บไซต์ ซึ่งคาดว่าจะตอบโจทย์ความสนใจของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากกว่า 180 ประเทศทั่วโลกที่เข้าร่วมงาน และเป็นอีกแรงส่งสำคัญในการผลักดันตลาดการท่องเที่ยวไทยสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้


ในการนี้ ททท. ยังได้รับพระกรุณาธิคุณจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเข้าร่วมงาน เพื่อเยี่ยมชมคูหาประเทศไทยและพระราชทานสัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน พร้อมกันนี้ ยังทรงสาธิตการพันผ้าหูกระเป๋าจากผ้าไทย (Twilly) และการทำส้มตำเมนูเด็ดต้องลองชิม (MUST TASTE) เพื่อนำเสนอการสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยว 5 MUST DO IN THAILAND ณ คูหาประเทศไทยอีกด้วย

สำหรับพื้นที่การจัดแสดงของประเทศไทยในปีนี้ได้ให้ความสำคัญในการนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวในมุมมองใหม่ ภายใต้แนวคิด Sustainable Thailand Soft Power โดยการออกแบบสะท้อนเอกลักษณ์ไทยสู่เวทีโลก (Local Meets Global) เพื่อประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางผ่านแบรนด์ Amazing Thailand พร้อมเปิดปี Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025 ในตลาดต่างประเทศเป็นครั้งแรก โดยมีการจัดสรรพื้นที่แบ่งออกเป็นหลากหลายโซน เพื่อนำเสนอประเทศไทยในทุกมิติ ซึ่งมีไฮไลต์ ได้แก่

-โซนเมืองน่าเที่ยว (Hidden Gem Cities) พื้นที่เจรจาธุรกิจของผู้ประกอบการธุรกิจจากเมืองน่าเที่ยว 19 ราย จาก 18 จังหวัด 5 ภูมิภาคทั่วประเทศไทย โซน SANEH THAI SHOWCASE, SUSTAINABILITY NOW จัดแสดงสินค้าอัตลักษณ์ที่นำเสนอเรื่องราวเมืองน่าเที่ยวจากภูมิภาคต่าง ๆ อาทิ วาสนาเครื่องจักสานไม้ไผ่จากเชียงใหม่ มีใจสตูดิโอจิวเวลรีจากจันทบุรี, ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมสีธรรมชาติ สีห้อมจากแพร่คราฟต์ สีบัวแดงจากอุดรธานี, เครื่องเงินดอยซิลเวอร์จากน่าน เครื่องเงินสุโขทัย, เครื่องปั้นจากสมุทรสงคราม (เบญจรงค์) เซรามิคธนบดีจากลำปาง, ผลิตภัณฑ์จากลูกปัดโนราห์จากสงขลา, เครื่องหอมจากกรุงเทพฯ ระยอง และปราจีนบุรี จัดกิจกรรมเวิร์คชอป Scents of Thai DIY ถุงเครื่องหอมแบบไทย จากดอกไม้แห้งและน้ำมันหอมดอกไม้ไทย จัดแสดง Thailand Green Destinations Map นำเสนอสินค้าท่องเที่ยวไทยที่ได้รับมาตรฐานความยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและระดับสากล รวมทั้งนำเสนอโมเดลต้นแบบของการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในจังหวัดกระบี่ (Krabi : Sustainable Tourism Model)


-โซน SANEH THAI Café นำเสนอเมนูเครื่องดื่มชา กาแฟ และโกโก้ จากแหล่งปลูกในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือสินค้า GI พร้อมทั้งเสิร์ฟเมนูอาหารว่างรสชาติไทย อาทิ ต้มยำกุ้ง ลาบไก่ และช็อคโกแลตไทย และการจำลองเมนูของจิ๋วจากร้านมิชลิน 17 จังหวัดทั่วไทย จาก Michelin Guide 2025 พร้อมนำเสนอคอนเทนต์เมนูอาหารไทยยอดนิยมติดอันดับโลก

-โซน Travel Tech ระบบนำร่อง TATAI ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ประมวลผลผ่านตู้ 3D hologram เพื่อให้บริการข้อมูลแก่นักท่องเที่ยวผ่านการสนทนา รวมถึงนำเสนอการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยสร้างสรรค์วิดีโอโปรโมทธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว


นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่เจรจาธุรกิจของผู้ประกอบการไทย และพื้นที่หน่วยงานพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด กรมการท่องเที่ยว องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) การกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด และสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.)

สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวตลาดระยะไกล ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 23 กุมภาพันธ์ 2568 จำนวน 2.34 ล้านคน ประกอบด้วยนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรป 1.85 ล้านคน อเมริกา 3.1 แสนคน ตะวันออกกลาง 1.52 แสนคน และแอฟริกา 2.4 หมื่นคน โดยในปี 2568 นี้ ททท. ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกลเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวน 10.6 ล้านคน แบ่งเป็น นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรป 7.7 ล้านคน อเมริกา 1.6 ล้านคน ตะวันออกกลาง 1.2 ล้านคน และแอฟริกา 1.5 แสนคน และสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวรวม 869,200 ล้านบาท






กำลังโหลดความคิดเห็น