เนปาล ออกกฎใหม่ ห้ามนักปีนเขาเดินทางคนเดียว สำหรับภูเขาที่มีความสูงระดับ 8,000 เมตรขึ้นไป พร้อมทั้งเตรียมขึ้นค่าธรรมเนียมในการปีนเอเวอเรสต์ในกลางปีนี้ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 3 แสนบาท
สิ้นสุดการผจญภัยแบบลุยเดี่ยวของเหล่านักปีนเขาสูง เมื่อรัฐบาลเนปาล โดยสำนักการท่องเที่ยว ออกกฎหมายใหม่เข้มงวดในการปีนเขาสูง ห้ามนักปีนเขาเดินทางเพียงลำพัง โดยไม่มีมัคคุเทศก์ หรือคนนำทางที่มีความชำนาญ อย่างน้อย 1 คน ในพื้นที่ภูเขาที่มีความสูง 8,000 เมตรขึ้นไป ในทุกรูปแบบของการปีนเขา ซึ่งระดับความสูงดังกล่าว รวมถึงยอดเขาอันดับหนึ่งของโลกอย่างเอเวอเรสต์ด้วย (ปัจจุบัน มียอดเขาสูงเกิน 8,000 เมตร ในเนปาล จำนวน 8 แห่ง)
นอกจากนี้ เนปาลยังได้ขึ้นค่าธรรมเนียมการปีนเขาสําหรับนักปีนเขาชาวต่างชาติ ทําให้การเดินทางสู่เอเวอเรสต์และยอดเขา 8,000 เมตรแห่งอื่น มีราคาแพงขึ้น
โดยในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นช่วงที่ดีที่สุด (มีนาคม-พฤษภาคม): เพิ่มขึ้นจาก 11,000 ดอลลาร์เป็น 15,000 ดอลลาร์ (ประมมาณ 308,000 บาท) ต่อนักปีนเขาเอเวอเรสต์หนึ่งคน
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) เพิ่มเป็นราคา 7,500 ดอลลาร์ และฤดูหนาวและมรสุม (ธันวาคม-กุมภาพันธ์ และมิถุนายน-สิงหาคม) ราคา 3,750 ดอลลาร์
ทั้งนี้ ยอดเขาแห่งอื่นที่มีระดับความสูง 8,000 เมตรขึ้นไป ก็ขยับราคาเพิ่มขึ้นทุกแห่ง
กฎใหม่ดังกล่าว ยังจํากัดผู้ที่สามารถพักได้บริเวณที่ Base Camp อีกด้วย โดยสมาชิกในครอบครัวของนักปีนเขา มัคคุเทศก์ และคนงานใน Base Camp ไม่ได้รับอนุญาตอีกต่อไป เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ โดยหากได้รับอนุญาต ก็มีสิทธิ์การเข้าพักไม่เกิน 2 วัน
การที่รัฐบาลเนปาลประกาศกฎทั้งหมดในครั้งนี้ ก็เพื่อปรับปรุงด้านความปลอดภัย ควบคุมการปีนเขาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และป้องกันความเสี่ยงอันตรายที่ไม่จำเป็น