ท่องเที่ยวไทยสะเทือนอีกครั้ง หลังเกิดกรณี “ซิงซิง” ดาราจีนถูกหลอกมาทำงานในไทยแต่ถูกจับไปกักขังที่พม่า ทำชาวโซเชียลจีนเดือด เชื่อเจ้าหน้าที่ไทยมีเอี่ยวแก๊งจีนเทา จนเกิดกระแสเที่ยวไทยไม่ปลอดภัย เมืองไทยอันตราย เบื้องต้นทำนักท่องเที่ยวจีนหายไปราว 10,000 คนในช่วงตรุษจีนนี้ ขณะที่สื่อจีนประเมินว่าไทยอาจจะสูญเสียรายได้ในช่วงตรุษจีนมากถึงราว 5,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสะเทือนอีกครั้ง หลังเกิดเหตุการณ์ “นายหวังซิง” หรือ “ซิงซิง” ดาราจีนถูกหลอกเข้ามาแคสต์งานในเมืองไทยแต่กลับถูกพาไปกักขังใช้ทำงานให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา
งานนี้แม้เจ้าหน้าที่ไทยจะสามารถช่วยเหลือดาราจีนออกมาได้อย่างรวดเร็ว แต่กลับส่งผลให้ชาวเน็ตจีนจำนวนมากมองประเทศไทยไปในด้านลบ เกิดความรู้สึกหวาดกลัวเมืองไทย มองประเทศไทยไม่ปลอดภัย ที่สำคัญคือ มีคนจีนจำนวนมากเชื่อไปแล้วว่าเจ้าหน้าที่ไทยสมคบ และเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับ “กลุ่มจีนเทา” ในการก่ออาชญากรรมต่าง ๆ โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน
จนทำให้เกิดผลกระทบเบื้องต้นต่อการท่องเที่ยวไทย อย่างเช่น
-“อีสัน ชาน” หรือ “เฉิน อี้ซวิ่น” นักร้องชื่อดังชาวฮ่องกง ได้ประกาศยกเลิกคอนเสิร์ตของเขาในไทยกระทันหัน ทั้งที่ขายบัตรหมดแล้ว
-“จ้าว เปิ่นซาน” ผู้กำกับชื่อดังชาวจีน เลื่อนการพาคณะนาฏศิลป์พื้นเมืองมณฑลเหลียวหนิงออกไปอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งเดิมมีกำหนดแสดงที่เมืองไทยในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยเขาระบุว่า เพราะ “คำนึงถึงปัญหาความปลอดภัย”
-ยอดการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไทยในแพลตฟอร์มของจีนลดลงมากกว่า 40%
-นักท่องเที่ยวจีนพากันยกเลิกตั๋วเครื่องบิน และแผนการมาเที่ยวเมืองไทย คิดเป็นสัดส่วนราว 20% ของยอดจอง โดยสื่อจีนประเมินว่าประเทศไทยอาจจะสูญเสียรายได้ในช่วงตรุษจีนมากถึงกว่า 5,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
-สถานทูตจีนประจำประเทศไทยออกประกาศเตือนพลเมืองจีนให้ระวังการหลอกลวงไป “ทำงานรายได้สูง” และการใช้ช่องทาง ฟรีวีซ่า เพื่อเดินทางมาทำงานอย่างผิดกฎหมายในประเทศไทย
จากเหตุการณ์ดังกล่าว นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เปิดเผยว่า จากการประเมินเบื้องต้นของ ททท. นักท่องเที่ยวจีนน่าจะหายไปราว 10,000 คน ในช่วงหยุดยาวเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นกรุ๊ปทัวร์ เดินทางด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำ หรือ ชาร์เตอร์ไฟลต์ จากเมืองรอง ซึ่งเดินทางมาไทยเป็นครั้งแรก ไม่เคยเห็นภาพจริงของเมืองไทยว่าเป็นอย่างไร ทำให้เกิดความหวั่นวิตก และยกเลิกการเดินทางตามมา
ขณะที่ นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) ได้เปิดเผยว่า กรณีดาราจีนซิงซิง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะในแง่ความปลอดภัย ทำให้มีการยกเลิกห้องพักตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมเป็นต้นไป จำนวนกว่า 12,400 ห้อง โดยนักท่องเที่ยวยกเลิกไปกว่า 4,500 ห้อง และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่ใช่ชาวจีนยกเลิกไปกว่า 7,800 ห้อง
ด้าน นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า กรณีซิงซิงยอมรับว่ามีผลด้านลบต่อการท่องเที่ยวไทย อาจทำให้เที่ยวบินเหมาลำลดลงบางส่วน แต่เที่ยวบินตรงปกติยังไม่พบว่ามีผู้โดยสารยกเลิกการจอง ซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนยังคงมีการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวตามปกติ ด้วยเที่ยวบินตรงจากประเทศจีนเข้ามาเฉลี่ยวันละกว่า 1,000 คน หรือเดือนละกว่า 30,000 คน ถือเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติอันดับ 1 สูสีกับนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้
นายพัลลภ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ตนเชื่อว่านักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่จะเข้าใจดีว่าในความเป็นจริงแล้วประเทศไทยมีความปลอดภัยดีและน่าท่องเที่ยว ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่มีความพยายามสร้างกระแสในโซเชียลมีเดีย
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เปิดเผยถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ซิงซิง ว่า ผลกระทบเบื้องต้นที่ต้องแก้ปัญหาเร่งด่วนคือ นักท่องเที่ยวจีนยกเลิกจองห้องพัก ซึ่งตนได้สั่งการให้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ประเทศจีนทั้ง 5 สำนักงาน เร่งสร้างเข้าใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวจีน แต่ก็ต้องยอมรับว่า แพลตฟอร์มการกระจายข้อมูลข่าวสารนั้นไม่สามารถส่งไปถึงคนจีนทั้งหมด เนื่องจากใช้งานกันคนละแพลตฟอร์ม จึงต้องดำเนินการควบคู่ทั้งสถานทูตจีนประจำประเทศไทยที่จะช่วยชี้แจงในทุกเวที รวมถึงช่องทางไหนก็ตามที่จะช่วยสื่อสารไปถึงคนจีนได้
นอกจากนี้ นายสรวงศ์ ได้ย้ำว่า กรณีที่เป็นคดีความทั้งหมดไม่ใช่นักท่องเที่ยว แต่ถูกหลอกเข้ามาทำงาน ดังนั้นต้องดูด้วยว่าชาวต่างชาติอาจจะไม่ใช่นักท่องเที่ยวทั้งหมด ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยเชื่อว่ามาตรการฟรีวีซ่า ระหว่างไทย-จีน ก็จะขยายมาตรการนี้ไปได้อีก
ด้านนางสาวฐาปนีย์ ผู้ว่าการ ททท. ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กรณีเหตุการณ์ดาราจีน “ซิงซิง” ส่งผลต่อความรู้สึกชาวจีนบนโซเชียลมีเดีย หากบริหารสถานการณ์ไม่อยู่อาจสะดุดยาว สิ่งที่ ททท.ทำขณะนี้คือมุ่งบริหารภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทยบนโลกออนไลน์ ด้วยการนำเสนอความเป็นจริง นำบรรยากาศการท่องเที่ยวจริงมาล้มล้าง พร้อมใช้กลยุทธ์อินฟลูเอนเซอร์ช่วยนำเสนอภาพการท่องเที่ยวไทย รวมถึงจัดโปรโมชันร่วมกับบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ และสายการบินต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นยอดจองการเดินทางเข้าไทยระยะกระชั้นชิดในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้
สำหรับเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ททท. คาดว่า จะมีรายได้ทางการท่องเที่ยวไทยกว่า 40,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9-10% เมื่อเทียบกับตรุษจีนปีที่ผ่านมา (2567) โดยมีผู้มาเยือนเมืองไทย 2.22 ล้านคน-ครั้ง
ด้าน นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือ แอตต้า ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า จากกรณีซิงซิง รัฐบาลควรเร่งสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา โดยเฉพาะการแก้ไขข่าวเชิงลบ อย่างที่จัดตั้งหน่วยงาน หรือวอร์รูม เพื่อตอบโต้อย่างทันที ไม่ให้กระแสเชิงลบลุกลามเร็วจนควบคุมไม่ได้ นอกจากนี้รัฐบาลจำเป็นต้องดูแลในเรื่องความมั่นคงของประเทศไทย ให้มีความเข้มข้นมากกว่า ไม่ใช่ให้ใครเดินทางไปกลับระหว่างไทยและเพื่อนบ้านได้ง่ายเกินไป จนไร้ความปลอดภัย
สำหรับกรณีเหตุการณ์ซิงซิงนั้นถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ฝีมือของรัฐบาลซึ่งหากสามารถแก้สถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วก็จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไม่มากเท่าไหร่ แต่หากแก้ปัญหาได้ล่าช้าหรือแก้ไม่ได้ก็จะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในระยะยาว ซึ่งวันนี้ถือเป็นหนึ่งในรายได้หลักที่สร้างรายได้จำนวนมหาศาลให้กับประเทศไทย