นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าหลายสิบล้านปีก่อน “วาฬ” เคยเป็นสัตว์บก โดยสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันซีนในทะเลทรายตะวันตกของอียิปต์ อย่าง “หุบเขาวาฬ” ก็เป็นหนึ่งในจุดหมายสุดอลังการที่ปรากฏหลักฐาน “ฟอสซิลวาฬ” ในยุคโบราณสมบูรณ์ที่สุด
“หุบเขาวาฬ” หรือวาดี อัล-ไฮตัน (Wadi Al-Hitan) ตั้งอยู่ในเมืองไฟยุมของประเทศอียิปต์ ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในอาณาเขตทะเลทรายที่ค้นพบซากฟอสซิลของอาร์คีโอเซติ (Archaeoceti) วาฬสายพันธุ์ย่อยอันเก่าแก่ที่สุดและสูญพันธุ์จากโลกไปแล้ว
ที่นี่ปรากฏหลักฐานสําหรับคําอธิบายความลึกลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวิวัฒนาการของวาฬ ว่าด้วยการเกิดขึ้นของวาฬในฐานะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในมหาสมุทรจากชีวิตก่อนหน้านี้ที่เคยอยู่ในฐานะสัตว์บนบก
โครงกระดูกฟอสซิลของวาฬตัวแรกถูกค้นพบในฤดูหนาวปี ค.ศ.1902–03 แต่ก็ยังได้รับความสนใจค่อนข้างน้อย เพราะความยากลําบากในการเดินทางเข้าถึงพื้นที่ จนกระทั่งในทศวรรษ 1980 ความสนใจในแหล่งฟอสซิลเริ่มกลับมามีความต่อเนื่อง เพราะมีความสะดวกด้วยการใช้พาหนะขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีมากขึ้น ตลอดจนความสนใจจากกลุ่มนักสะสมฟอสซิล จึงทําให้เกิดการเรียกร้องให้มีการอนุรักษ์พื้นที่ดังกล่าว
ซากฟอสซิลวาฬที่หุบเขาแห่งนี้ แสดงรูปแบบของวาฬสมัยใหม่ แต่ยังคงรักษาลักษณะดั้งเดิมบางอย่างของโครงสร้างกะโหลกศีรษะและฟันไว้ โครงกระดูกที่ใหญ่ที่สุดที่พบมีความยาวถึง 21 เมตร ครีบพัฒนามาอย่างดีบนขาหน้า และยังพบขาหลัง เท้า และนิ้วเท้า
รูปร่างของฟอสซิลวาฬ คล้ายงู และพวกมันน่าจะกินเนื้อเป็นอาหาร ซากโครงกระดูกเหล่านี้บางส่วนถูกเปิดเผยให้เห็น แต่ส่วนใหญ่ก็ยังถูกฝังในตะกอนอย่างตื้นๆ
ส่วนบรรยากาศรอบๆ ก็มีความน่าตื่นตาตื่นใจทางธรณีวิทยาของหุบเขา ที่เกิดจากลมและการกัดเซาะของน้ําทําให้เกิดรูปร่างหน้าผาที่งดงาม มีอายุในช่วงกลางถึงปลายยุคอีโอซีน (Eocene) หรือประมาณ 56-33 ล้านปีก่อน
ทั้งนี้ หุบเขาวาฬ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ.2005 นับเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของประเทศอียิปต์
ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเพียงประมาณ 1,000 คนต่อปี ที่ขับรถเข้าสู่ Wadi Al-Hitan เนื่องจากความลำบากของการเดินทาง โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้มาเยือนเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซึ่งมักตั้งแคมป์ในหุบเขาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ในฤดูหนาว ด้วยรูปแบบทัวร์พร้อมไกด์ที่จองไว้ล่วงหน้า และเดินทางเฉพาะตามเส้นทางที่กําหนด
ส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline