เที่ยวเมือง “อิสตันบูล” บนพื้นที่เมืองเก่ามรดกโลกฝั่งยุโรป ตื่นตาสิ่งมหัศจรรย์ของโลก กับบริการ “ทัวร์ฟรี” ของ “เตอร์กิช แอร์ไลนส์” สำหรับผู้ที่ไปรอต่อเครื่องที่สนามบินอิสตันบูลตั้งแต่ 6-24 ชั่วโมง
“อิสตันบูล”ในปัจจุบันแม้จะไม่ได้มีสถานะเป็นเมืองหลวง แต่นี่คือเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศ “ทูร์เคีย” หรือชื่อเดิม “ตุรกี” (เมืองหลวงของประเทศทูร์เคียปัจจุบันคือกรุงอังการา) และถือเป็นเมืองสำคัญหนึ่งเดียวในโลก ที่มีพื้นที่ครอบคลุม 2 ทวีปคือยุโรปและเอเชีย ทำให้อิสตันบูลได้รับฉายาว่าเป็น “เมือง 2 ทวีป” อันลือลั่น
อิสตันบูล แชมป์เมืองนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลกปี 66
อิสตันบูลเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีความเป็นมากว่า 2 พันปี เคยเป็นเมืองหลวงศูนย์กลางของ 3 อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกในอดีต ใน 2 ศาสนาคือ คือ เป็นเมืองหลวงแห่งที่ 2 ของอาณาจักรโรมัน (ศาสนาคริสต์) เมืองหลวงของอาณาจักร “ไบแซนไทน์” หรือโรมันตะวันออกในชื่อ “กรุงคอนสแตนติโนเปิล” อันลือลั่น (ศาสนาคริสต์) และเป็นเมืองหลวงของอาณาจักร “อาณาจักรออตโตมัน” (ศาสนาอิสลาม) หนึ่งในจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกมุสลิม
ด้วยความที่เคยเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของโลกมาแต่ครั้งอดีต เป็นเมือง 2 ทวีป และเป็นอดีตเมืองหลวงของ 3 อาณาจักรสุดยิ่งใหญ่ใน 2 ศาสนา อิสตันบูลปัจจุบันจึงเป็นเมืองที่มีการผสมผสานระหว่างวิถีวัฒนธรรมยุโรป-เอเชีย และวิถีแห่งศาสนาคริสต์-อิสลาม ที่หลอมรวมกันอย่างกลมกลืนลงตัว ทำให้พื้นที่ทางประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1985 จากองค์การยูเนสโก
นี่นับเป็นเสน่ห์ดึงดูดชั้นดีให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก (รวมถึงชาวไทย) เดินทางไปเยือนอิสตันบูลกันเป็นจำนวนมาก จนสามารถคว้าแชมป์เมืองที่มีชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุดในปี พ.ศ. 2566 จากการจัดอันดับของ Euromonitor International โดยในปี 66 อิสตันบูลมีชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวมากที่สุดด้วยจำนวน 20.2 ล้านคนเพิ่มขึ้นจากปี 65 ถึง 26% (ส่วนกรุงเทพฯของไทย มาอันดับ 7)
ทัวร์ฟรีจากเตอร์กิช แอร์ไลนส์
วันนี้หากใครตั้งใจไปเที่ยวฮิสตันบูล เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร แหล่งชอปปิ้ง สถานที่แฮงก์เอาต์ และ ฯลฯ ให้สัมผัสแบบลงลึกในรายละเอียดกันได้เป็นสัปดาห์ (หรือมากกว่านั้น) ส่วนถ้าใครมีเวลาไม่มากก็สามารถเลือกเที่ยวตามจุดไฮไลต์ต่าง ๆ ของเมืองนี้กันได้ตามอัธยาศัย
นอกจากนี้หากใครเดินทางด้วยสายการบิน “เตอร์กิช แอร์ไลนส์” (Turkish Airlines) บินไปแวะพักที่สนามบินอิสตันบูลเพื่อรอต่อเครื่องไปเมืองอื่น ๆ ตั้งแต่ 6-24 ชั่วโมง ก็สามารถใช้บริการ “ทัวร์ฟรี” (Touristanbul) เที่ยวเมืองอิสตันบูลจากสายการบินดังกล่าวกันได้แบบจัดเต็ม
โดยที่สนามบินอิสตันบูลจะมีเคาน์เตอร์ “Touristanbul” ให้นักท่องเที่ยวไปใช้บริการทัวร์ฟรีเมืองอิสตันบูล ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 6 โปรแกรม/วัน เพื่อความหลายหลากและประสบการณ์ที่แตกต่าง
ฮิปโปโดรม
หนึ่งในพื้นที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และเป็นหนึ่งในโปรแกรมทัวร์ฟรียอดฮิตของเตอร์กิช แอร์ไลนส์ ก็คือเส้นทางท่องเที่ยวในบริเวณพื้นที่เมืองเก่ามรดกโลกฝั่งยุโรป ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งรวมอายธรรมอันยิ่งใหญ่ของอิสตันบูลที่มีสิ่งน่าสนใจหลากหลายแล้ว เรายังสามารถเดินเท้าเที่ยวชมตามจุดต่าง ๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน
สำหรับจุดออกสตาร์ทเดินเที่ยวของเราในทริปทัวร์ฟรีครั้งนี้เริ่มกันที่ “ฮิปโปโดรม” (Hippodrome) หรือ “จัตุรัสสุลต่านอาห์เมต” ที่ในอดีตเคยใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงเป็นสนามแข่งม้าที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ส่วนปัจจุบันเป็นสวนสาธารณะที่มีโบราณวัตถุสำคัญคือ เสาโบราณ 3 ต้น ตั้งเรียงในแนวเดียวกัน คือ
-เสาโอเบลิสก์แห่งกษัตริย์เธโอโดเซียส (Obelisk of Theodosius) เป็นเสาหินแกรนิตทรงสี่เหลี่ยม มีความสูง 20 เมตร ตั้งตระหง่านโดดเด่น มีภาษาอียิปต์โบราณสลักไว้ตามตัวเสา ยอดเสาแกะสลักเป็นภาพฟาโรห์สักการะองค์สุริยเทพ ฐานเสาแกะสลักฐานเป็นรูปจักรพรรดิโอโดเซีย พระราชทานรางวัลให้แก่นักรบ
-เสาเซอร์เพนท์ (Serpent Column) หรือ เสารูปงู เป็นเสาทำจากสัมฤทธิ์รูปงู 3 ตัวเกี่ยวกะหวัดรัดพันกันอยู่ เดิมเสานี้สูง 8 เมตร แต่ตอนหลังหักลงเหลือสูง 5 เมตร
-เสาคอนสแตนติน มีความสูง 32 เมตร ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นสมัยใด เดิมตกแต่งด้วยบรอนซ์แต่ถูกหลอมขโมยไปในช่วงสงครามครูเสดที่ 4 ปัจจุบันจึงเหลือเพียงเสาหินเรียงซ้อนชั้นตั้งโดดเด่นสูงที่สุดในบรรดาเสาทั้งสาม
จากเสาทั้งสามเมื่อเดินชมไล่เรียงจาก เสาโอเบลิสก์ เสางู สู่เสาคอนสแตนติน ที่ช่วงปลายของพื้นที่จะพบกับ “น้ำพุเยอรมัน” (German Fountain) ที่มีลักษณะเป็นซุ้มศาลาหินอ่อนทรง 8 เหลี่ยมศิลปะนีโอ-ไบแซนไทน์ อันสวยงามคลาสิก
น้ำพุเยอรมัน สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1900 เพื่อเป็นอนุสรณ์การมาเยือนนครอิสตันบูลครั้งที่ 2 ของจักรพรรดิวิลเฮ็ล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี ในปี ค.ศ. 1898 โดยวัสดุต่าง ๆ ผลิตในเยอรมนี ก่อนเคลื่อนย้ายมาประกอบที่ฮิปโปโดรมในแ ค.ศ.1900
มัสยิดสีฟ้า
ถัดจากน้ำพุเยอรมันไปทางฝั่งตรงข้ามของเสาโบราณทั้งสาม จะเป็นลานสาธารณะกว้างใหญ่ มี 2 มัสยิดขนาดยักษ์ตั้งประชันอย่างโดดเด่นอยู่คนละฟากฝั่ง คือ “มัสยิดสุลต่านอะห์เมต” และ "ฮาเกียโซเฟีย" 2 มัสยิดชื่อดังที่สุดแห่งอิสตันบูล
“มัสยิดสุลต่านอะห์เมต”สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1609-1616 โดย "สุลต่านอาห์เมตที่ 1" ด้วยแรงบันดาลใจเพื่อเอาชนะ "ฮาเกียโซเฟีย" เนื่องจากช่วงหนึ่งเคยเป็นศาสนสถานสุดยิ่งใหญ่ของศาสนาคริสต์
มัสยิดสุลต่านอะห์เมต หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ “มัสยิดสีฟ้า”หรือ "มัสยิดสีน้ำเงิน"(BLUE MOSQUE) มีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้าง 51 เมตร ยาว 53 เมตร มีหลังดาโดมตั้งตระหง่านสูงถึง 43 เมตร
ภายในโดมนอกจากจะโอ่โถงอลังการแล้ว ยังตกแต่งด้วยกระเบื้องอิซนิกลวดลายดอกไม้อันเลื่องชื่อของออตโตมัน ทั้งยังมีเสาขนาดใหญ่ที่ได้รับการเรียกขานว่า “เท้าช้าง” 4 เสา (เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เมตร) ตั้งโดดเด่นเป็นโครงสร้างสำคัญของโดมแห่งนี้
นอกจากนี้มัสยิดสีฟ้ายังมีหอมินาเร็ต หรือหอสวดมนต์ถึง 6 หอ มากที่สุดในทูร์เคีย
ฮาเกียโซเฟีย
“ฮาเกียโซเฟีย” หรือ "อายาโซเฟีย" ในภาษาตุรกี หรือ "เซนต์โซเฟีย" สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.360 ในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนติน ต่อมาในปี ค.ศ. 532 - 537 ในสมัยของจักรพรรดิจัสติเนียน ได้มีการปรับปรุงครั้งสำคัญ พร้อมขยายให้ใหญ่กว่าเดิม จนกลายเป็นมหาวิหารสุดยิ่งใหญ่ของโลกในยุคนั้น
ช่วงแรกศาสนสถานแห่งนี้สร้างเป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์ (เซนต์โซเฟีย) จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1453 กรุงคอนสแตนติโนเปิลถูกตีแตกโดยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 พระองค์ได้เสด็จไปยังวิหารหลังนี้เพื่อทำละหมาด และโปรดฯให้ดัดแปลงเซนต์โซเฟียเป็นมัสยิด พร้อมทำการสร้างหอสวดมนต์ขึ้นมา 4 หอ รวมถึงมีการโบกปูนทับจิตรกรรมฝาผนังภาพโมเสคและเรื่องราวต่าง ๆ ในศาสนาคริสต์ ซึ่งเป็นไปตามความเชื่อของศาสนาอิสลามที่ห้ามมีรูปเคารพ
ในปี ค.ศ. 1923 หลังสิ้นยุคอาณาจักรออตโตมัน ได้มีการสถาปนาสาธารณรัฐตุรกีขึ้น ฮาเกียโซเฟียถูกปรับเปลี่ยนสถานะอีกครั้งกลายเป็น "พิพิธภัณฑ์" เรื่อยมาจนถึงปี ค.ศ. 2020 ทางการทูร์เคียได้เปลี่ยนฮาเกียโซเฟียกลับไปเป็นมัสยิดอีกครั้งแบบมีดราม่าให้ชาวโลกถกเถียงตามยุคโซเชียล
สรุปแล้วฮาเกียโซเฟียเคยเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์ถึง 916 ปี เป็นมัสยิดของศาสนาอิสลามอีก 447 ปี ก่อนจะเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ 97 ปี และกลับไปเป็นมัสยิดอีกครั้งในปี 2020 จนถึงวันนี้
ฮาเกียโซเฟียเป็นหนึ่งในงานสถาปัตยกรรมสุดยิ่งใหญ่ของยุคกลาง ที่วันนี้ยังคงบรรยากาศของความเก่าขลังอยู่เต็มเปี่ยม โดยเฉพาะโดมอันยิ่งใหญ่อลังการ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 31 เมตร สูง 55 เมตร มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งใช้วิธีก่อสร้างด้วยการใช้ผนังเป็นตัวรับน้ำหนักของอาคารจากเพดานลงสู่พื้นแทนการใช้เสาค้ำยันทั่วไป นับเป็นเทคนิคการก่อสร้างที่ถือว่าล้ำหน้ามากในยุคนั้น ทำให้ฮาเกียโซเฟียได้รับการยกย่องให้เป็น "1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง" (และทำให้บรรดาจักรพรรดิ์ต่าง ๆ ต้องการสร้างศาสนสถานทรงโดมเพื่อเอาชนะ จนทำให้มีการสร้างมัสยิดสีฟ้าขึ้นมา)
ส่วนภายในโดมผนังตกแต่งหินอ่อนสลับกับหินแกรนิต มีงานศิลปกรรมผสมผสานทั้งศาสนาคริสต์และอิสลาม บางช่วงเป็นงานประดับโมเสกทองคำอันมลังเมลือง มีภาพที่เด่น ๆ อาทิ ภาพพระคริสต์ ภาพนักบุญ ภาพจักรพรรดิในอดีต โดยมีภาพ "ผู้เสนอคำวิงวอนต่อพระเจ้า" หรือ Deesis เป็นภาพไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
อ่างเก็บน้ำเยเรบาตัน
หลังชมความยิ่งใหญ่อลังการของฮาเกียโซเฟียแล้ว จุดต่อไปเราเปลี่ยนบรรยากาศเดินลงสู่ใต้ดินเพื่อไปชมความยิ่งใหญ่น่าทึ่งของ "อ่างเก็บน้ำเยเรบาตัน" ที่สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 6 มีความกว้าง 70 เมตร ยาว 140 เมตร ลึก 8 เมตร นับเป็นอ่างเก็บน้ำที่ใหญ่ใต้ดินที่สุดในอิสตันบูล สามารถกักเก็บน้ำได้ราว 100,000 ตัน ที่นี่ในอดีตเคยเป็น "มหาวิหารบาซิลิกา" (Basilica) ในอ่างน้ำ คนจึงเรียกขานอีกชื่อหนึ่งว่า "Basilica Cistern"
อ่างเก็บน้ำเยเรบาตันมีลักษณะคล้ายอุโมงค์ขนาดยักษ์ ดูโดดเด่นไปด้วยเสาหินแบบกรีก ที่ตั้งอยู่เรียงรายมีจำนวนถึง 336 ต้น ในบรรดาเสาเหล่านี้ มี 2 เสาไฮไลต์ที่แตกต่าง ฐานเสาเป็นรูปหัวนาง "เมดูซา" วางกลับหัวและวางตะแคงอยู่ติด ๆ กัน ทั้งนี้ก็เพื่อแก้เคล็ดเพราะมีความเชื่อว่าถ้าใครมองนางเมดูซ่าหัวเป็นงูยั้วเยี้ยตรง ๆ ก็จะกลายเป็นหินแม้แต่ตัวนางเองก็ตาม
อย่างไรก็ดีวันนี้ นอกจากจะไม่มีคนกลัวแล้วยังมีคนไปถ่ายรูปคู่กับเสาฐานหัวเมดูซ่าเป็นจำนวนมากอีกด้วย
พระราชวังทอปคาปึ
ในบริเวณพื้นที่ย่านเมืองเก่ามรดกโลกฝั่งยุโรปยังมี "พระราชวังทอปคาปึ" เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของอิสตันบูลที่สามารถเดินเที่ยวเชื่อมโยงจากสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่กล่าวมาในข้างต้นได้
พระราชวังทอปคาปึ สร้างขึ้นในสมัยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 หรือ “เมห์เมตผู้พิชิต” หลังตีกรุงคอนสแตนติโนเปิลแตกในปี ค.ศ. 1453 ในอดีตที่นี่เคยเป็นที่ประทับของสุลต่านแห่งราชวงศ์ออตโตมันหลายพระองค์ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี ค.ศ. 1924
พิพิธภัณฑ์พระราชวังทอปกาปึ แบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็นหลายส่วนด้วยกันอาทิ ส่วนโรงครัว ห้องเก็บเครื่องกระเบื้อง ห้องเก็บอาวุธ ห้องเก็บสมบัติ ฯลฯ ซึ่งห้องที่โด่งดังและเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวอย่างมากก็เห็นจะเป็น ห้องท้องพระคลังอันเป็นที่เก็บสมบัติและวัตถุล้ำค่ามากมาย โดยมีกริชแห่งทอปคาปึด้ามประดับมรกตใหญ่ 3 เม็ด กับเพชร 86 กะรัตของช่างทำช้อน เป็นไฮไลท์สำคัญเรียกความสนใจของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ในขณะที่บริเวณระเบียงหลังห้องท้องพระคลังเป็นจุดชมวิวชั้นดีที่มองออกไปเห็นทิวทัศน์เมืองอิสตันบูลใน 2 ฝั่งทวีป (ยุโรป-เอเชีย) ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้พระราชวังทอปกาปึยังมีส่วนที่น่าสนใจ อาทิ ท้องพระโรง ตำหนักพระชนนีสุลต่าน ห้องน้ำโบราณ ตำหนักนางสนมอันเป็นที่โปรดปราน รวมถึงส่วนของ “ฮาเร็ม” สถานที่ (เคย) รวบรวมสาวงามต่าง ๆไว้มากมาย ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากเป็นพิเศษเช่นกัน
กาลาตาพอร์ต
ส่วนถ้าข้ามแม่น้ำจากย่านท่าเรือเก่า "เอมิโนนู" (Eminönü) ที่อยู่ใกล้ ๆ กับพระราชวังทอปกาปึจะเป็น "กาลาตาพอร์ต" (Galataport) ซึ่งวันนี้ได้ปรับปรุงท่าเรือเก่าแก่ให้เป็นท่าเรือแห่งใหม่หรูหรา สำหรับรองรับเรือสำราญระดับโลก
นอกจากนี้กาลาตาพอร์ตยังเป็นแหล่งชอปปิ้งแห่งใหม่ และเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของอิสตันบูล ที่ดูโดดเด่นไปด้วยอาคารแห่งใหม่ที่ออกแบบอย่างทันสมัย ร่วมด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่คลาสสิกที่อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน พร้อมทั้งมีศูนย์จัดงานแสดงศิลปะ วัฒนธรรม ร้านอาหาร และสินค้าแบรนด์เนมมากมาย
กาลาตาพอร์ตถือเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวเชื่อมโยงเมืองเก่ามรดกโลกฝั่งยุโรปของโปรแกรมทัวร์ฟรี ของเตอร์กิช แอร์ไลน์ ในทริปนี้ ซึ่งนับเป็นของฟรีและของดี ที่ช่วยเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวเมืองอิสตันบูลในเวอร์ชั่นกะทัดรัดแต่จัดเต็มสำหรับผู้ที่รอต่อเครื่อง 6-24 ชั่วโมงที่สนามบินอิสตันบูลได้เป็นอย่างดี
#######
ผู้โดยสารสายการบิน"เตอร์กิช แอร์ไลนส์" (Turkish Airlines) ที่บินไปแวะพักที่สนามบินอิสตันบูลเพื่อรอต่อเครื่องไปเมืองอื่น ๆ ตั้งแต่ 6-24 ชั่วโมง สามารถสัมผัสประวัติศาสตร์เก่าแก่และวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของเมืองอิสตันบูลผ่านโปรแกรม “ทัวร์ฟรี” Touristanbul - ทัวร์นำเที่ยวเมืองฟรี (City Tour) ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 6 โปรแกรม/วัน เพื่อความหลายหลากและประสบการณ์ที่แตกต่าง พร้อมด้วยไกด์นำเที่ยว บริการรถรับ-ส่ง ฟรี รวมถึงอาหาร/ของว่างฟรีอีกเช่นกัน (ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาท่องเที่ยวของแต่ละโปรแกรม)
สำหรับโปรแกรมท่องเที่ยวทัวร์ฟรี ที่นำเสนอในบทความนี้ เป็นโปรแกรมทัวร์พิเศษ (VIP Group) สำหรับผู้โดยสารที่มาเป็นหมู่คณะ จึงมีการปรับเปลี่ยนกิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งที่แตกต่างออกไปจาก 6 โปรแกรมมาตรฐานของ Touristanbul
นอกจากนี้ผู้โดยสารเตอร์กิช แอร์ไลน์ ที่รอต่อเครื่องตั้งแต่ 20 ชั่วโมงขึ้นไป สามารถเลือกใช้บริการ "พักฟรี- Stopover in Istanbul" กับโปรแกรมเข้าพักในโรงแรมชั้นนำของอิสตันบูลฟรี (ชั้นประหยัด : โรงแรมระดับ 4 ดาว 1 คืน, ชั้นธุรกิจ : โรงแรมระดับ 5 ดาว 2 คืน) โดยสามารถเลือกใช้บริการฟรีได้อย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง ทัวร์ฟรี หรือ พักฟรี
ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถแสดงความจำนงในการเข้าร่วมทัวร์ชมเมืองฟรี ผ่านหน้าเว็บของ Touristanbul https://www.turkishairlines.com/th-int/flights/fly-different/touristanbul/
หรือที่สนามบินอิสตันบูล ที่เคาน์เตอร์ Touristanbul บริเวณโถงผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ (จุดนัดพบ 4) โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม
และสามารถจองที่พักฟรีผ่านทางเว็บไซต์ของสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลนส์ หรือส่งอีเมลไปยังสำนักงานของเราในแต่ละประเทศที่ท่านอยู่ โดยจองล่วงหน้าอย่างน้อย 72 ชั่วโมงก่อนเที่ยวบิน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.turkishairlines.com/th-int/flights/stopover/