xs
xsm
sm
md
lg

10 เรื่องน่ารู้ “ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค” มรดกวัฒนธรรมงามวิจิตร หนึ่งเดียวในโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี


ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค มรดกวัฒนธรรมหนึ่งเดียวในโลกของเมืองไทย (ภาพ : กรมประชาสัมพันธ์)
ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญแห่งปีของคนไทย สำหรับพระราชพิธีมหามงคลเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ.2567 ที่ผ่านมา

ดังนั้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงความประทับใจแห่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะอยู่ในความทรงจำของผู้ร่วมเหตุการณ์ไปอีกนาน เราจึงขอนำเสนอ 10 เรื่องน่ารู้ของ “ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค” ปี 2567 อันวิจิตรตระการตากลางเจ้าพระยา ซึ่งปัจจุบันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่หลงเหลืออยู่เพียงแห่งเดียวในโลกคือประเทศไทยเท่านั้น

ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ ประทับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ (ภาพ : เพจ พระลาน)
1.ขบวนเสด็จพระราชดำเนิน : ตามโบราณราชประเพณี ขบวนเสด็จพระราชดำเนินของพระมหากษัตริย์ไทยไปในการต่าง ๆ เพื่อให้พสกนิกรเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แสดงความจงรักภักดี แบ่งเป็น “ขบวนพยุหยาตราสถลมารค” เป็นการเสด็จพระราชดำเนินทางบก และ “ขบวนพยุหยาตราชลมารค” เป็นการเสด็จพระราชดำเนินทางน้ำ

ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค งดงามวิจิตรกลางเจ้าพระยา (ภาพ : กรมประชาสัมพันธ์)
2.ขบวนพยุหยาตราชลมารค : เป็นริ้วขบวนเรือที่จัดขึ้นในการที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินไปในการต่าง ๆ โดยทางน้ำ ทั้งเป็นการส่วนพระองค์และการพระราชพิธี อาทิ พระราชพิธีถวายผ้าพระกฐิน พระราชพิธีบรมราชาภิเษก การเสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการรอยพระพุทธบาท การอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญจากหัวเมืองเข้าประดิษฐานในเมืองหลวง การต้อนรับทูตต่างประเทศ เป็นต้น

09 เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ (ภาพ : กรมประชาสัมพันธ์)
3.วิวัฒนาการ : ขบวนพยุหยาตราชลมารค มีวิวัฒนาการมาจากการจัดขบวนทัพเรือในยามที่ว่างจากศึก เพื่อเป็นการฝึกซ้อมเรียกระดมพล โดยที่กองเรือเหล่านี้จะตกแต่งอย่างสวยงาม ประโคมดนตรีไปในขบวน เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนาน และพลพายเกิดความฮึกเหิม

4.มรดกวัฒนธรรมหนึ่งเดียวในโลก
: การจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ปรากฏหลักฐานสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์

ขบวนพยุหยาตราชลมารค วันที่ 27 ต.ค. 67 (ภาพ : กรมประชาสัมพันธ์)
สำหรับขบวนพยุหยาตราทางชลมารคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์และนับเป็นต้นแบบสำคัญของขบวนพยุหยาตราฯ ในสมัยต่อมาคือ ขบวนพยุหยาตราฯ ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา ปรากฏหลักฐานว่าเมื่อพระองค์เสด็จแปรพระราชฐานไปยังหัวเมืองต่างๆ มีการจัดขบวนพยุหยาตราฯ ที่เรียกว่า “ขบวนเพชรพวง” เป็นริ้วขบวนยิ่งใหญ่ 5 สาย มีเรือทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 100 ลำ

ความงดงามของขบวนเรือในสมัยนั้นได้ถูกบันทึกไว้โดย นิโคลาส แชแวร์ หนึ่งในคณะทูตฝรั่งเศสซึ่งเดินทางเข้ามาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ว่า “...ไม่สามารถเทียบความงามกับขบวนเรืออื่นใดได้ เป็นขบวนเรือที่มโหฬาร มีเรือกว่า 200 ลำ โดยมีเรือพระที่นั่งพายเป็นคู่ๆ ไปข้างหน้า เรือพระที่นั่งนั้น ใช้ฝีพายของพวกแขนแดงที่ได้รับการฝึกพายมาจนชำนาญ ทุกคนสวมหมวก เสื้อ ปลอกเข่า ปลอกแขน มีทองคำประกอบ เวลาพายพร้อมกับเป็นจังหวะจะโคน พายนั้นก็เป็นทอง เสียงพายกระทบเป็นเสียงประสานไปกับทำนองเพลงยอพระเกียรติของพระเจ้าแผ่นดิน...”

ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคได้รับการฟื้นฟูอีกครั้ง สมัย ร.๙ (ภาพ : กรมประชาสัมพันธ์)
5.ร.๙ ทรงฟื้นฟูอีกครั้ง : ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ การจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคถูกทิ้งช่วงไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง หลังการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคเมื่อคราวฉลองพระนครครบ 150 ปี พ.ศ.2475 ในรัชกาลที่ ๗

ต่อมาในปี พ.ศ.2500 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ โปรดเกล้าฯ ให้ฟื้นฟูประเพณีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคใหญ่ ขึ้นอีกครั้ง โดยได้มีการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคสืบต่อเรื่อยมารวมแล้วถึง 17 ครั้งในสมัย รัชกาลที่ ๙

เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙
นอกจากนี้ยังมีการสร้าง “เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙” ขึ้น ในวโรกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ในปี พ.ศ. 2539 อีกด้วย

ส่วนในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคมาแล้ว 2 ครั้ง คือในวันที่ 12 ธันวาคม 2562 และเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา

6.ดาวล้อมเดือน
: การจัดรูปขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2567 ใช้เรือพระราชพิธีจำนวนทั้งสิ้น 52 ลำ ขบวนเรือกว้าง 90 เมตร มีความยาวกว่า 1,280 เมตร รูปแบบการจัดขบวนเรือครั้งนี้ เรียกว่า “ดาวล้อมเดือน” ตามพระดำริของสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ที่ได้ปรับเปลี่ยนมาตั้งแต่ปี 2525

ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เมื่อวันที่ 27 ต.ค.67 จัดรูปขบวนแบบดาวล้อมเดือน (ภาพวันซ้อมใหญ่จาก : เพจ พระลาน)
โดยผังของขบวนเรือพระราชพิธีมีลักษณะดุจดาวล้อมเดือน คือ มีเรือพระที่นั่งเป็นเดือน เรืออื่นในขบวนหน้า ในขบวนแซง และในขบวนหลัง เป็นดาวล้อมอยู่ทุกด้าน เพื่อให้เรือพระที่นั่งมีความสง่างามสมพระเกียรติ

7.งามวิจิตรแห่งเจ้าพระยา: ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 5 ริ้ว 3 สาย ดังนี้

-ริ้วสายกลาง เป็นเรือพระที่นั่ง 4 ลำ ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลที่ ๙ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และเรืออเนกชาติภุชงค์

-ริ้วสายใน ขนาบข้างสายเรือพระที่นั่ง มีเรือทองขวานฟ้า และเรือทองบ้าบิ่น เป็นเรือประตูหน้าเรือเสือทยานชล และเรือเสือคำรณสินธุ์เป็นเรือพิฆาต เรือรูปสัตว์ 2 ลำ และปิดท้ายริ้วสายในด้วยเรือเอกไชยเหินหาว และเรือเอกไชยหลาวทอง ซึ่งเป็นเรือคู่ชัก รวมทั้งสิ้น 14 ลำ

-ริ้วสายนอก ประกอบด้วยเรือดั้ง และเรือแซง สายละ 14 ลำ รวมทั้งสิ้น 28 ลำ

ฝีพายต้องพายพร้อมเพรียงและสัมพันธ์กับการเห่เรือ (ภาพ : กรมประชาสัมพันธ์)
8.ฝีพาย : ขบวนเรือพระราชพิธีครั้งนี้ ใช้กำลังพลฝีพาย จำนวน 2,412 นาย มีระเบียบการพายอยู่ 4 วิธี ตามแบบโบราณ คือ พายนกบิน พายพลราบ พายผสม และพายธรรมดา โดยเหล่าฝีพายทหารเรือต้องฝึกพายท่าต่าง ๆ ให้พร้อมเพรียงและสัมพันธ์กับการเห่เรือ ซึ่งต้องใช้เวลานานนับปี


9.กาพย์เห่เรือ
: ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคครั้งนี้ กาพย์เห่เรือประพันธ์โดย พลเรือตรี “ทองย้อย แสงสินชัย” ประกอบด้วย 4 บท ได้แก่ บทสรรเสริญพระบารมี บทชมเรือกระบวน บทบุญกฐิน และบทชมเมือง โดยมีเจ้าพนักงานเห่เรือ 2 นาย เรือโทสุราษฎร์ ฉิมนอก และ พันจ่าเอกพูลศักดิ์ กลิ่นบัว สังกัดกรมการขนส่งทหารเรือ

ฝีพายต้องพายพร้อมเพรียงและสัมพันธ์กับการเห่เรือ (ภาพ : กรมประชาสัมพันธ์)
10.ในหลวง-พระราชินี ประทับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ : ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินประทับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ และทรงโปรดเกล้า ฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ประทับเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ ส่วนเรือพระที่นั่งอนันตนาคราชเป็นเรือเชิญผ้าพระกฐิน

######

หมายเหตุ : ข้อมูลส่วนหนึ่ง อ้างอิงจากเพจ พระลาน




กำลังโหลดความคิดเห็น