พาไปรู้จักกับ “น้องขุนเดช-ดอกแก้ว” ช้าง 2 เชือก ที่ตอนนี้กำลังเป็นที่สนใจของชาวโซเชียล หลังเกิดดราม่าตอบโต้ไป-มา ระหว่าง “หนูนา-ป้าเล็ก” ซึ่งสุดท้ายแล้ว น.ส.กัญจนาได้ไปรับช้าง 2 เชือกคืนเพื่อนำส่งไปอยู่บ้านใหม่
จากกรณีดราม่าเรื่องช้างระหว่าง “หนูนา-กัญจนา ศิลปอาชา” ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา และอดีต รมช. ศึกษาธิการ กับ “ป้าเล็ก-แสงเดือน ชัยเลิศ” ผู้อำนวยการศูนย์บริบาลช้าง ประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม และเจ้าของศูนย์บริบาลช้าง Elephant Nature Park อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
ทำให้สุดท้ายแล้ว น.ส.กัญจนา ได้นำทีมผู้เชี่ยวชาญด้านช้างของบ้านเรา ได้แก่ ทีมร่มแดนช้าง ทีมปางช้างแม่แตง และทีมคุณหมอคชบาลเดินทางไปรับช้าง 2 เชือกคือ “น้องขุนเดช” และ “น้องดอกแก้ว” ที่เธอเคยส่งให้ศูนย์บริบาลช้างดูแลเป็นเวลาร่วม 10 ปี กลับคืน หลังถูกป้าเล็ก-แสงเดือน โพสต์บอกให้หนูนา รีบย้ายช้างตัวผู้ 2 เชือก ที่เคยฝากเลี้ยงไว้โดยด่วน เนื่องจากหนูนา ได้เคยพูดถึงการถอดบทเรียนเกี่ยวกับการเลี้ยงช้าง ภายหลังเหตุการณ์น้ำท่วมเชียงใหม่จนทำให้มีช้างจากปางช้างแห่งหนึ่งจมน้ำตาย
เหตุการณ์นี้นอกจากจะเกิดเป็นดราม่าสนั่นโซเชียลแล้ว ยังทำให้ชาวเน็ตจำนวนมาก อยากรู้จักกับ น้องขุนเดชและน้องดอกแก้ว ช้าง 2 เชือกที่เป็นประเด็นมากขึ้น
ดังนั้นเราจึงขอพาไปรู้จักกับช้างทั้ง 2 เชือก พอเป็นสังเขป ดังนี้
น้องขุนเดช หรือ พลายขุนเดช เป็นช้างเพศผู้ มีชาวบ้านไปพบขุนเดชถูกแร้วดักสัตว์รัดที่ขาหน้าซ้ายบาดเจ็บ พร้อมทั้งมีอาการไข้ จึงไปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปช่วยเหลือ ก่อนนำตัวช้างไปดูแลรักษาต่อที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งตอนนั้นขุนเดชมีความสูงประมาณ 1 เมตร และคาดว่ามีอายุราว 8 เดือน
หลังจากนั้นน้องขุนเดชได้ถูกส่งตัวไปรักษาที่สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ จังหวัดลำปาง โดยทีมสัตวแพทย์ได้วางแผนการรักษาร่วมกับส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เชียงใหม่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ Center of Elephant and Wildlife Research FVM CMU
น้องขุนเดชในตอนนั้นแม้สุขภาพโดยรวมจะสมบูรณ์ดี แต่ยังคงมีแผลเรื้อรังที่เท้าหน้าซ้ายที่ถูกแร้ว ทั้งยังพบการยึดเกาะของข้อเท้าหน้าซ้าย ทางทีมงานจึงได้ร่วมกันรักษาโดยให้เริ่มจากการสร้างความคุ้นเคยระหว่างควาญช้างและช้าง แล้ววางแผนทำรองเท้าเทียม และเพิ่มการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อขาต่อไป
ในปี พ.ศ.2557 น.ส.กัญจนา ได้มาพบเจอกับน้องขุนเดช โดยเธอได้โพสต์ถึงเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊ก NuNa Silpa-archa ว่า
...ดิฉันไปเจอน้องเมื่อปี 2557 ที่ส่วนสัตว์ป่า ม. เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน .. น้องถูกเลี้ยงอยู่เชือกเดียวน่าสงสารมาก…
ช่วงนั้นเป็นปีแรกที่ดิฉันได้รู้จักคุณเล็ก และชื่นชมคุณเล็กมาก ..
ดิฉันวิ่งเต้นทำเรื่องขออธิบดีอุทยานพาขุนเดชไปอยู่ที่ปางคุณเล็ก .. จนสำเร็จ..
ตอนที่แรกเจอขุนเดช อายุประมาณ 4 ขวบตอนนี้น้องก็คง 14 แล้ว …
ส่วนน้องดอกแก้ว หรือ พลายดอกแก้ว เป็นช้างกำพร้า ตั้งแต่วัย 1 ขวบ 8 เดือน จาก จ. ตาก ที่เข้ามาอยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลช้าง สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย) ตั้งแต่วันที่ เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 58 โดยมีคุณหมอช้าง เจ้าหน้าที่และควาญช้างช่วยกันดูแลเอาใจใส่พลายดอกแก้วเป็นอย่างดี เริ่มตั้งแต่การตรวจสุขภาพ การหาแม่ช้าง (แม่รับ) เพื่อให้ความรักและเลี้ยงดูพลายดอกแก้วให้มีชีวิตปกติเหมือนลูกช้างทั่วไป
น้องดอกแก้วเป็นช้างพลายที่มีนิสัยร่าเริง ขี้เล่น มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์
โดย น.ส.กัญจนา ได้โพสต์ถึงดอกแก้วว่า
...ดิฉันเจอดอกแก้วที่โรงพยาบาลช้างคชบาล ลำปาง ..
น้องมากับแม่ แม่น้องป่วยหนักคือเหมือนมดลูกหลุดจากช่องคลอดมาครึ่งหนึ่ง ถ้าดิฉันจำไม่ผิด…
ดอกแก้วตอนนั้นอายุสองเดือนคลอเคลียอยู่กับแม่ตลอด..
ดิฉันพูดกับแม่โม่ดิพอ แม่ของดอกแก้วว่าอยู่กับลูกนะอย่าทิ้งลูกไป…
พอดีฉันกลับจากลำปางได้สามวันหมอก็โทรมาแจ้งว่าแม่ล้มแล้ว..
ดิฉันสงสารดอกแก้วมากกลัวเจ้าของจะเอาไปขายที่ไม่เหมาะสมจึงขอซื้อมาตอนนั้นราคา 850,000 (ถ้าตอนนี้คงเป็นล้าน)..
ช่วงปีแรกทางคชบาลเลี้ยงน้อง.. หาแม่รับคือแม่สิงขรให้..
แต่ภายหลังมีข่าวว่าแม่สิงขรอาจจะท้องและคงไม่เหมาะจะเลี้ยงลูกรับ…
ดิฉันจึงประสานขอคุณเล็กรับดอกแก้วไปเลี้ยงให้ด้วย… ซึ่งเธอก็ยินดี…
ด้านป้าเล็ก แสงเดือน ก็ได้เคยโพสต์ถึงน้องดอกแก้ว ผ่านเฟซบุ๊ก แสงเดือน ชัยเลิศ-Saengduean Chailert เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2567 ว่า
...จะเข้าสู่วัยหนุ่มแล้ว ยังชอบเล่นและมีนิสัยเหมือนเด็กๆ
พลายดอกแก้วตัวใหญ่แต่ใจยังเป็นเด็ก
ดอกแก้วเป็นลูกช้างพลายกำพร้า ที่แม่ตายด้วยอาการเจ็บป่วยหลังคลอดได้ไม่นาน พลายดอกแก้วเป็นช้างพลายที่คุณกัญจนา ศิลปอาชา คุณหนูนานำมาฝากเลี้ยงไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เพื่อให้ดอกแก้วได้มีแม่รับและพี่เลี้ยงดูแล
พลายดอกแก้วได้มีแม่รับหลายตัวรวมทั้งคุณยายศรีนวล ในระหว่างอยู่ที่โครงการของมูลนิธิฯ เจ้าพลายตัวน้อยได้รับการประคบประหงมดูแลอย่างดี และมีอิสระ แต่พลายดอกแก้วถูกเลี้ยงดูมาด้วยความรัก ไม่เคยถูกฝึกถูกบังคับให้ทำตามใจคน จึงทำให้เป็นช้างที่มีสุขภาพจิตที่ดี ตอนนี้ดอกแก้วเริ่มโตเป็นหนุ่มแล้ว ยังชอบของเล่นและเล่นเหมือนเด็กๆ
ช้างตัวผู้เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นจะเริ่มออกมาอยู่ตามลำพัง ช้างพลายส่วนใหญ่ที่มีงา โขลงช้างที่มีลูกเล็กและช้างแก่จะไม่ยอมให้เข้าใกล้ ดอกแก้วเช่นกัน ตอนนี้เริ่มโตแล้วมีร่างกายกำยำและมีพลังมากมายพวกเขาต้องการพื้นที่ วันนี้ดอกแก้วอาศัยอยู่ร่วมกับช้างตัวผู้ที่อยู่ในโครงการของมูลนิธิฯ จำนวนสิบกว่าตัว และในจำนวนช้างมากกว่าร้อยตัวที่นี่ตัวผู้จะเป็นช้างที่ต้องใช้ พื้นที่และกินพื้นที่มากกว่าช้างที่อยู่กันเป็นโขลงใหญ่ การดูแลช้างตัวผู้จะแตกต่างจากช้างตัวเมียและใช้งบประมาณในการบริหารจัดการมากกว่าช้างหนึ่งโขลงรวมกันเพราะที่โครงการเราไม่ล่ามโซ่พวกเขา แต่จะแบ่งพื้นที่ให้พวกเขาได้อยู่อย่างไม่อึดอัด
แต่ถึงอย่างไร ดิฉันยังหวังว่าวันหนึ่งช่างตัวผู้ของเราทั้งหมดที่นี่จะได้ไปอยู่ในพื้นที่ที่ดีกว่าและกว้างขวางเหมือนพลายกาวาน ที่อยู่ในโครงการของมูลนิธิฯ ที่ประเทศกัมพูชา
สำหรับช้างพลายทั้ง 2 เชือก คือน้องขุนเดช และน้องดอกแก้ว หลัง น.ส.กัญจนา รับคืนมาจากป้าแสงเดือนแล้ว จะนำไปอยู่บ้านใหม่โดยน้องดอกแก้วจะไปอยู่ที่ “ร่มแดนช้าง” แห่ง “ปางช้างภัทรฟาร์ม” ตลอดไป
ส่วนน้องขุนเดช เบื้องต้นจะไปอยู่ที่ร่มแดนช้างก่อนชั่วคราว จากนั้นเมื่อ น.ส.กัญจนา ดำเนินเรื่องเอกสารเรียบร้อยแล้ว ก็จะไปอยู่ที่สถาบันคชบาลฯ หรือ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง เนื่องจากเป็นช้างของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมถึงเป็นช้างที่เจ็บป่วยจำเป็นต้องมีหมอต้องดูแลรักษาขาของพลายดอกแก้วอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้สำหรับภารกิจในการย้ายช้างทั้ง 2 เชือก หลังทีมงานไปถึงศูนย์บริบาลช้าง อ.แม่แตง ในคืนวันที่ 9 ต.ค.67 เบื้องต้นยังไม่สามารถทำได้ โดย ควาญจืด ซึ่งเป็นควาญช้างประจำของ พลายดัมโบ้ จากปางช้าง Thai Elephant Home ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงภารกิจการเคลื่อนย้ายช้างทั้ง 2 เชือก ว่า
“คืนนี้ขอยกเลิกภารกิจก่อนครับเพราะ ดึกแล้วครับ เพื่อความปลอดภัยของควาญช้าง เพราะช้างไม่เคยได้รับการถูกฝึกมาเลย การเคลื่อนย้ายช้างเลยลำบากครับ”
สำหรับเรื่องนี้คงต้องติดตามดูกันต่อไปว่าภารกิจย้ายช้างขุนเดชและดอกแก้วจะยากลำบากแค่ไหน และชีวิตของช้างทั้งคู่กับบ้านใหม่จะเป็นอย่างไร?