เรื่องราวการคอนเวิร์สแยกย้ายไปตามทางใครทางมันของ 2 คนดัง “แน็ก-กามิน” วันนี้ไม่ใช่เรื่องของคน 2 คน หากแต่กลายเป็นกระแสดราม่าร้อนแรงในบ้านเรา ซึ่งแต่ละฝั่งต่างก็มีกองเชียร์ กองอวย คอยถือหาง และกองแช่ง คอยก่นด่า โจมตี จนสุดท้ายต่างบาดเจ็บเป็นแผลฉกรรจ์กันทั้งคู่
อย่างไรก็ดีสำหรับ “จี กามิน” ติ๊กต็อกเกอร์สาวชาวเกาหลีชื่อดัง ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ชื่นชอบของ FC ชาวไทยจำนวนมาก เธอมีอีกหนึ่งบทบาทที่หลายคนไม่รู้ นั่นก็คือ การเป็น “ทูตการท่องเที่ยวเกาะเชจู” โดยเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน 2567 ที่ผ่านมา จี กามิน เพิ่งจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตการท่องเที่ยวเกาะเชจู เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-เกาหลีใต้
กามิน ทูตการท่องเที่ยวเกาะเชจู
จี กามิน ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับสื่อท้องถิ่นซึ่งเป็นการสัมภาษณ์ที่ไม่บ่อยนักของเธอ ถึงบทบาทการเป็นทูตการท่องเที่ยวเกาะเชจู ว่า
“ฉันคิดว่าฉันได้รับเลือกพราะ TikTok มอบโอกาสให้ฉัน ฉันไปเกาะเชจูทุกปี ฉันมีความสุขมากที่ได้รับเลือกให้เป็นทูตของเกาะเชจู ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนและท่องเที่ยวที่เป็นตัวแทนของเกาหลี”
สำหรับประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีกับไทย สื่อเกาหลีถามถึงแฮชแท็ค “แบนเกาหลี (Ban Korea) ที่แพร่หลายอยู่ในไทย เพื่อรณรงค์ให้คนไทยเลิกเดินทางไปเกาหลี เนื่องจากเกาหลีได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคนเข้าเมืองสำหรับคนไทยนั้น
เรื่องนี้จี กามิน เชื่อว่าแม้จะมีปัญหาในเรื่องของการตรวจคนเข้าเมืองบ้างแต่คนไทยส่วนใหญ่ก็ยังคงมีทัศนคติที่ดีกับประเทศเกาหลีอยู่
“ฉันคิดว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังคงมีทัศนคติที่เป็นมิตรต่อเกาหลี แม้จะมีปัญหาที่เกี่ยวกับนโยบายการตรวจคนเข้าเมือง อย่างไรก็ตาม ผู้คนเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของกฎระเบียบระดับชาติ ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจที่จะทำให้คนไทยรู้สึกไม่สบายใจ”
“และฉันเชื่อว่าผู้คนส่วนใหญ่ยังคงสนใจในวัฒนธรรมเกาหลีและชื่นชอบการมาเยี่ยมเยือนประเทศนี้เสมอ ฉันอยากให้มีความเข้าใจที่ดีขึ้นในเรื่องเหล่านี้” จี กามิน กล่าว
มรดกโลก เกาะเชจู
สำหรับ “เกาะเชจู” (Jeju Island) หรือ เชจู-โด ในภาษาเกาหลี เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติในชื่อ "เกาะภูเขาไฟเชจูและอุโมงค์ลาวา” เมื่อปี 2550 เนื่องจากเป็นตัวแทนในวิวัฒนาการสำคัญต่างๆ ในอดีตของโลก และเป็นตัวแทนของขบวนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทางธรณีวิทยา หรือวิวัฒนาการทางชีววิทยา และปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ต่อสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่กำลังเกิดอยู่
ด้วยภูมิประเทศที่เป็นเกาะ ทำให้เกาะเชจูนั้นมีอากาศอบอุ่นแม้กระทั่งในฤดูหนาว อุณหภูมิแทบจะไม่ต่ำไปกว่าจุดเยือกแข็ง และกลายเป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศของชาวเกาหลีใต้ รวมไปถึงนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวเกาหลีใต้นั้นมักจะเดินทางมาเล่นกอล์ฟที่เกาะแห่งนี้
สัญลักษณ์ของเกาะเชจูนี้มี 3 อย่าง คือ หนึ่ง “ลม” เพราะว่ามันเป็นเกาะที่มีลมพัดตลอดปี สอง “ผู้หญิง” เพราะเมื่อก่อนเชจู เป็นสถานที่ที่ใช้เนรเทศพวกนักโทษทางการเมือง หรือโทษหนักๆ แล้วพวกที่เคยเป็นขุนนางก็จะเอาคนรับใช้มาด้วยจำนวนมาก หลังจากพวกขุนนางตาย พวกสาวๆ เหล่านี้ก็ไม่รู้จะไปไหนก็เลยตั้งรกรากอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ ในยุคก่อนชาวเกาะเจจูมีอาชีพประมงเป็นหลัก ผู้ชายจะออกเรือหาปลา และด้วยคลื่นลมทะเลที่แรง ผู้ชายส่วนใหญ่จึงเรือล่มตายกลางทะเลกันไปหมด เลยทำให้มีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
ส่วนอย่างที่สาม “หินลาวา” เพราะที่นี่มีภูเขาไฟอยู่มากมาย เลยมีหินลาวาเกลื่อนทั่วเกาะ และหินลาวาที่ว่านี้ก็ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเจจู และสามารถพบเห็นได้ทั่วเกาะเจจู นั่นคือ “ทอลฮารุบัง” (Dolharubang) หรือ “หินปู่” เป็นหินลาวาสลักเป็นรูปคนแก่ใจดีหลากหลายรูปแบบ ชาวเจจูมีความเชื่อว่าทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์คุ้มครองเกาะ และยังเชื่อถึงความศักดิ์สิทธิที่ว่าหากอยากร่ำรวยให้ลูบที่ท้องของทอลฮารุบัง ส่วนคู่แต่งงานนิยมมาขอลูก เชื่อว่าหากลูบที่หูจะได้ลูกผู้หญิง ลูบที่จมูกจะได้ลูกผู้ชาย
ทางด้านแหล่งท่องเที่ยวที่ถือเป็นไฮไลต์บนเกาะเชจู นั้นก็ได้แก่
-“ซองซัน อิลชุบง” (Seongsan Ilchulbong) หรือ “ยอดเขาแห่งตะวันรุ่ง” ที่เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟที่อยู่ใต้น้ำกลายเป็นยอดภูเขาไฟรูปกรวยคว่ำ ปากปล่องภูเขาไฟมีลักษณะดูคล้ายมงกุฎ ตรงปากปล่องมีความกว้างประมาณ 600 ม. และสูง 90 ม. ด้านบนนี้มีทัศนียภาพที่งดงาม สามารถมองเห็นภูมิประเทศของเกาะเจจูได้ในมุมสูง และบนนี้ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามมากด้วย จึงเป็นที่มาของชื่อยอดเขาแห่งตะวันรุ่ง
-“ซอพจิโกจิ” (Seopjikoji) คำว่า “โกจิ” เป็นภาษาถิ่นของชาวเจจู หมายถึง อ่าวขนาดเล็ก เมื่ออดีตเป็นเพียงแค่แหลมธรรมดาๆ มีทุ่งหญ้ากว้างติดทะเล จากชายฝั่งจะมีโขดหินที่มีรูปร่างแปลกตาให้ดูมากมาย และต่อมามีการสร้างโบสถ์คริสต์ ประภาคาร และอาคารอีกหลายหลังขึ้นเพื่อใช้เป็นฉากถ่ายทำซีรีย์หลายเรื่อง จึงมีนักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวตามรอยซีรีย์ ณ ที่แห่งนี้กันเป็นจำนวนมาก
“หมู่บ้านวัฒนธรรมเชจู” (Jeju Folk Village Museum) ซึ่งคนที่มาจะได้สัมผัสกับความเป็นอยู่ วัฒนธรรม และประเพณีของชาวเกาะเชจูเมื่อสมัยร้อยกว่าปีก่อนหน้านี้ โดยภายในนั้นจะแบ่งออกเป็นหมู่บ้านต่างๆ เช่น หมู่บ้านบนภูเขา หมู่บ้านประมง หมู่บ้านของชาวพุทธมองโกล ซึ่งทำให้เห็นได้ถึงความแตกต่างทั้งการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ความเป็นอยู่ การทำมาหากิน ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ก็คือ เคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ย้อนยุคของเกาหลีหลายๆ เรื่อง และเรื่องที่โด่งดังที่สุดคือ แดจังกึม
นอกจากแหล่งท่องเที่ยวที่กล่าวไปแล้ว ยังมีอีกหลายจุดท่องเที่ยวของเกาะเชจูที่นักท่องเที่ยวนิยมไป เช่น อุทยานแห่งชาติภูเขาฮัลลาซาน ชายหาดวอลจองรี วัดยักชอนซา ไร่ชาโอซุลลอค เลิฟแลนด์ โขดหินจูซังจอลรีแด ถ้ำลาวามานจังกุล เป็นต้น
สำหรับเกาะเชจูแต่ก่อนเคยเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไทย ก่อนจะเกิดกระแส “แบนเกาหลี” จากคนไทยจำนวนหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ จากนั้นก็เกิดกระแสดราม่า “แน็ก-กามิน” ตามมาติด ๆ ซึ่งก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า วันนี้หลังจาก “จี กามิน” มาเป็นทูตท่องเที่ยวเกาะเชจู จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวชาวไทยให้เดินทางไปเที่ยวเกาะเชจู ได้มาก-น้อย แค่ไหน? และงานนี้ FC “แน็ก ชาลี” จะละทิ้งเรื่องบาดหมางของทั้ง 2 คน เดินทางไปเที่ยวเกาะเชจูหรือไม่?