ครั้งแรกในไทย “Royal Blossom” รถไฟสุดหรู ประเดิมทริปปฐมฤกษ์ “กรุงเทพ-กาญจนบุรี” พิชิตเส้นทางสายมรณะ

“SRT Royal Blossom” หรือที่หลาย ๆ คนมักเรียกสั้น ๆ ว่า “Royal Blossom” เป็นอีกหนึ่งรถไฟสุดฮอตขบวนล่าสุดของเมืองไทย ที่หลาย ๆ คน อยากนั่งสักครั้งหรือหลาย ๆ ครั้ง

เดิมรถไฟขบวนนี้เป็นรถด่วน “ฮามานะสุ (Hamanasu)” ที่วิ่งเชื่อมระหว่างเกาะฮอกไกโดกับเกาะฮอนชูในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหลังจากใช้งานมากว่า 36 ปี ญี่ปุ่นได้ปลดระวางและส่งมอบให้กับประเทศไทย (ฟรี) จำนวน 10 คันด้วยกัน


การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จึงได้ทำการปรับปรุงดัดแปลงรถด่วนฮามานะสุให้เป็นรถไฟท่องเที่ยวขบวนพิเศษ SRT Royal Blossom ที่มีความสวยงามคลาสสิกน่านั่งเป็นอย่างยิ่ง

ภายนอกรถไฟขบวนนี้ดูโดดเด่นด้วยสีแดงเชอรี่ ประดับลวดลายสีทอง มีตัวอักษร “STATE RAILWAY OF THAILAND ROYAL BLOSSOM SINCE – 2022” เปรียบเทียบถึงการเดินทางครั้งใหม่ของฮามานะสุจนมาเป็น SRT Royal Blossom รวมถึงสัญลักษณ์ ดอกราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำรัชกาลที่ 10 ถูกวางบนหน้าปัดนาฬิกา ตัวเลขโรมัน และเข็มนาฬิกาชี้ไปที่ตัวเลข 13 (XIII) ส่วนภายในตกแต่งด้วยโทนสีไม้ที่ดูเรียบง่ายแต่หรูหราโอ่อ่า


ปัจจุบัน SRT Royal Blossom ที่การรถไฟฯ ปรับปรุงแล้วเสร็จ และนำออกมาวิ่งบริการจำนวน 5 คัน ประกอบด้วย

-Group Car 1 คัน เป็นห้องโดยสารแบบกลุ่มส่วนตัว หรือห้อง V.I.P. จำนวน 4 ห้อง รองรับได้ห้องละ 4-6 คน

-Passenger Car 3 คัน เป็นห้องโดยสารแบบรวม หรือห้องผู้โดยสารทั่วไป 1 คัน มี 48 ที่นั่งแบบหันหน้าเข้าหาหน้าต่างกระจกบานใหญ่เพื่อชมวิวทิวทัศน์ 2 ข้างทาง


- Leisure Car 1 คัน เป็นรถตู้เสบียง ให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม มีเคาน์เตอร์บาร์ให้อยู่ตรงกลาง ซึ่งหลาย ๆ คนนิยมมานั่งดื่มชา-กาแฟ ควบคู่ไปกับการชมวิวทิวทัศน์ที่ตู้เสบียงแห่งนี้

หลังรถไฟ Royal Blossom เปิดตัวทดลองวิ่งไปเมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 ก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามจนกลายเป็นไวรัลบนโลกโซเชียล


ล่าสุดทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้จับมือกับ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)” เปิดประเดิม ทริปรถไฟท่องเที่ยว SRT Royal Blossom ขบวนปฐมฤกษ์ “แม่ชวนลูกเที่ยว Royal Blossom รถไฟสายแห่งความสุข” ขึ้นเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ในรูปแบบวันเดย์ทริปเส้นทาง “กรุงเทพ-กาญจนบุรี”

สำหรับทริป SRT Royal Blossom ขบวนปฐมฤกษ์ แม่ชวนลูกเที่ยว เป็นรถไฟขบวนลูกผสมระหว่าง SRT Royal Blossom 5 คัน กับSRT Prestige 3 คัน โดยตั้งต้นออกสตาร์ทจาก “สถานีกรุงเทพ” หรือที่คนเรียกกันติดปากว่า “หัวลำโพง” ในเวลาประมาณ 6.00 น. แล้วเดินทางสู่จุดจอดแรกคือ “สถานีสะพานแควใหญ่” ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ในเวลาประมาณ 9.00 น.


สถานีสะพานแควใหญ่ตั้งอยู่ติดกับ “สะพานข้ามแม่น้ำแคว” เป็นสะพานประวัติศาสตร์ที่สร้างขึ้นในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ถือเป็นส่วนสำคัญของเส้นทางรถไฟสายมรณะ ที่สร้างจากไทยไปพม่า
 
สะพานข้ามแม่น้ำแควแม้จะใช้เวลาสร้างเพียงระยะเวลาสั้น ๆ แค่ประมาณ 1 เดือน แต่ว่ากลับมีผู้เสียชีวิตจากการสร้างสะพานนับหมื่นคน ซึ่งภายหลังสะพานแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ เพื่อรำลึกถึงความสูญเสียจากสงครามเมื่อครั้งอดีต


ที่สถานีสะพานแควใหญ่ ขบวน Royal Blossom จอดให้นักท่องเที่ยวเดินเที่ยวถ่ายรูปบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว ชมความงามของสะพานประวัติศาสตร์สุดคลาสสิกและทิวทัศน์ของแม่น้ำแควใหญ่ประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนจะออกเดินทางต่อไปยังจุดจอดที่ 2 คือ “สถานีถ้ำกระแซ” ที่ตั้งอยู่ที่ บ้านวังโพธิ์ ตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี


ถ้ำกระแซเป็นถ้ำขนาดเล็ก เคยใช้เป็นที่พักอาศัยของเชลยศึกเมื่อครั้งมาสร้างทางรถไฟ โดยบริเวณสถานีถ้ำกระแซหรือสะพานถ้ำกระแซนั้นได้ชื่อว่าเป็น “โค้งมรณะ” ที่เป็นช่วงที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดของทางรถไฟสายมรณะ ซึ่งปัจจุบันมีอีกชื่อเรียกหนึ่งคือ “ทางรถไฟสายสันติภาพ”

โค้งมรณะ มีความยาวกว่า 400 เมตร สร้างเลาะเลียบไปตามโค้งหน้าผาสูงชัน ฝั่งตรงข้ามเป็นแม่น้ำแควน้อยที่มีวิวทิวทัศน์อันงดงาม รถไฟขบวนต่าง ๆ เมื่อมาถึงบริเวณโค้งมรณะจะชะลอความเร็ว วิ่งช้า ๆ ประมาณ 10-15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้นักท่องเที่ยวและผู้โดยสารชมวิวสวย ๆ ริมทางพร้อมเก็บภาพบริเวณนี้ไว้เป็นที่ระลึก


ที่สถานีถ้ำกระแซ ทางการรถไฟฯ ได้ทำการสับเปลี่ยนหัวรถจักรสำหรับวิ่งกลับ พร้อมให้เวลานักท่องเที่ยวลงเดินเที่ยวประมาณ 45 นาที โดยสิ่งน่าสนใจหลัก ๆ บริเวณสถานีถ้ำกระแซ ก็มีทางเดินชมวิวบนรางรถไฟในช่วงโค้งมรณะ ซึ่งหากใครจะไปเดินบนนี้ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง
 
นอกจากนี้ก็ยังมีส่วนของถ้ำกระแซ ซึ่งเป็นถ้ำโปร่งมีความลึก 40 กว่าเมตร ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกหลากหลาย ให้ผู้มีจิตศรัทธาได้กราบสักการะกัน


จากนั้นประมาณ 11.00 น. ก็ได้เวลาเดินทางกลับ ขบวน Royal Blossom พานักท่องเที่ยวมุ่งหน้าย้อนกลับสู่ “สถานีกาญจนบุรี” เพื่อนั่งรถบัสปรับอากาศไปรับประทานอาหารกลางวันที่ “แพอาหารธาราบุรี” กับอาหารมื้อเที่ยงแบบจัดเต็ม
 
พร้อมกันนี้ยังมีกิจกรรมการล่องแพ แลเมืองกาญจน์ ชมธรรมชาติ หมู่เกาะชุมชนริมน้ำ เรือนแพท่องเที่ยว และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ บริเวณแม่น้ำ 2 สี ระหว่างแม่น้ำแควน้อย-แควใหญ่ ที่ไหลมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำแม่กลอง


สำหรับเส้นทางล่องแพกลางเมืองกาญจน์ มีไฮไลต์ขนาดใหญ่ชวนมอง 4 จุด คือ ป้ายชื่อจังหวัดกาญจนบุรี หอพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวรฯ พระพุทธรูปองค์ใหญ่บนภูเขาแห่งวัดถ้ำเขาแหลม และ “สกายวอล์คกาญจนบุรี” หรือ “สกายวอล์คสองแคว-แม่กลอง” ที่เป็นแลนด์มาร์กใหม่มาแรงของจังหวัดกาญจนบุรี
 
จากนั้นช่วงบ่ายเป็นเวลาทองของสายบุญ สายมู เพราะทางผู้จัดได้นำนักท่องเที่ยวไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ 2 วัดขนาดใหญ่ท่ามกลางขุนเขาแวดล้อมที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน


เริ่มจาก “วัดเมตตาธรรมโพธิญาณ” (ต.หนองหญ้า อ.เมือง) วัดมหายานจีนนิกาย ที่โดดเด่นไปด้วยงานศิลปกรรมแบบจีนซึ่งส่วนใหญ่แกะสลักจากไม้มงคลอันน่าทึ่ง นำโดย “พระอวโลกิเตศวรกวนอิมโพธิสัตว์” หรือ “พระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือ" องค์ใหญ่ สูง 12 เมตร อันยิ่งใหญ่อลังการ ใน 4 ทิศ โดยมีเสามังกรขนาดใหญ่ส่วนเสริมแต่งความวิจิตรตระการตา ในวิหารพระโพธิสัตว์กวนอิม
 
นอกจากนี้ที่ทางเดินด้านข้างของวิหารยังมีเจ้าแม่กวนอิม แกะสลักจากไม้มงคลปางต่าง ๆ กว่า 100 ปาง ส่วนนอกวิหารก็มีเทพเซียนต่าง ๆ ของจีน รวมถึงพระพิฆเนศองค์โตให้กราบสักการะกัน


จากนั้นเราไปไหว้พระต่อกันที่ “วัดถ้ำพุหว้า” (ต.หนองหญ้า อ.เมือง) อันกว้างขวาง สะอาดสะอ้าน วัดแห่งนี้มี 2 สิ่งไฮไลต์ผสมผสานกัน
 
สิ่งแรกคืองานพุทธศิลป์แกะสลักหินทรายขนาดใหญ่ศิลปะขอมโบราณประยุกต์ผสมอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปหินทรายแกะสลักขนาดใหญ่ปางต่าง ๆ และทางเข้าพระอุโบสถที่สร้างเป็นปราสาทหินทรายสีแดงขนาดใหญ่ มีลวดลายแกะสลักสวยงาม


เมื่อเดินผ่านซุ้มประตูของปราสาทเข้าไปจะพบกับโบสถ์ธรรมชาติ คือโถงถ้ำขนาดใหญ่ ที่เรียกว่ากัน “ถ้ำอุโบสถ” หรือ “โบสถ์ถ้ำ” อันยิ่งใหญ่อลังการ มีหินงอกหินย้อยสวยงามในหลากหลายรูปทรง
 
ภายในโบสถ์ถ้ำประดิษฐาน พระพุทธรูปปางสมาธิเป็นองค์พระประธาน ทั้งยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ และพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศเมียนมาให้สักการะ


หลังชาวคณะทัวร์รถไฟ Royal Blossom สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเที่ยวชมวัดถ้ำพุหว้ากันตามอัธยาศัยได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ถึงเวลาร่ำลาเมืองกาญจน์ เมื่อรถบัสมารับชาวคณะกลับไปขึ้นรถไฟ Royal Blossom ในช่วงประมาณ 5 โมงเย็น
 
จากนั้นรถไฟ Royal Blossom ก็มุ่งหน้าวิ่งยาว จากสถานีกาญจนบุรีกลับสู่สถานีกรุงเทพหรือหัวลำโพงในช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่มของค่ำคืนวันที่ 17 สิงหาคม 2567 โดยสวัสดิภาพ


นับเป็นอีกหนึ่งการเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวด้วยรถไฟไทยขบวนสุดหรูที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งหลังจากนี้ทางการรถไฟฯ และ ททท. จะมีการจัดทริป Royal Blossom มาอีกเป็นระยะ ๆ ใครที่สนใจก็ต้องเตรียมพร้อมลงทะเบียนจองตั๋วกันให้ดี ๆ เพราะด้วยกระแสอันร้องแรงของ Royal Blossom ทำให้การจองตั๋วเที่ยวไทยไปกับรถไฟขบวนนี้เต็มอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง


###############################################

หมายเหตุ : รถไฟขบวน SRT Royal Blossom เส้นทางกรุงเทพ-กาญจนบุรี (วันเดย์ทริป) เปิดจำหน่ายตั๋วในราคา 1,799 บาท/คน สำหรับที่นั่งปกติห้องโดยสารทั่วไป (Passenger Car) พร้อมบริการอาหาร 3 มื้อ เครื่องดื่ม ขนม/ของว่าง รถบัสนำเที่ยว ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว ค่าประกันอุบัติเหตุ และไกด์นำเที่ยว


นอกจากทริปปฐมฤกษ์ 17 ส.ค.67 แล้ว ในเดือนสิงหาคม 2567 SRT Royal Blossom ยังมีทริปวันที่ 24 และ 31 เส้นทางกรุงเทพ-กาญจนบุรี (วันเดย์ทริป) ซึ่งตั๋วถูกจองเต็มหมดแล้ว (ในเวลาอันรวดเร็ว) ส่วนหลังจากนี้ รฟท. จะมีการจัดทริปท่องเที่ยวด้วยขบวน SRT Royal Blossom ไปในเส้นทางไหน จังหวัดไหนคงต้องติดตามกันต่อไป


รถไฟขบวน SRT Royal Blossom เส้นทางกรุงเทพ-กาญจนบุรี (วันเดย์ทริป) เริ่มออกเดินทางรับ-ส่งผู้โดยสารจากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) และจะแวะจอดรับ (ขาไป) และส่ง (ขากลับ) ผู้โดยสารที่สถานีชุมทางบางซื่อ, บางบำหรุ, ชุมทางตลิ่งชัน และศาลายา

ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถติดตามทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟในเส้นทางต่าง ๆ ได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง