“นาน นานเท่าใด กว่าจะเดินออกไปพบเจอ
เมืองที่มีหมอกมัวสลัว สลัว และสายฝนพรำ
จำ จำขึ้นใจ เส้นทางอันห่างไพรพนา
ข้ามหุบผา ข้ามฟ้ามาพบมาเจอ...
เพลงน่านนะสิ โดย ศุ บุญเลี้ยง
จังหวัดน่านช่วงฤดูฝน ซึ่งถือเป็น “โลว์ซีซั่น” หรือ “กรีนซีซั่น” จะมีเสน่ห์ความงามที่น่ายลต่างไปอีกแบบจากช่วงไฮซีซั่น โดยเฉพาะที่ “สะปัน” หมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขาที่อุดมไปด้วยหมอกมัวสลัว ๆ ลอยพริ้วไหว และสายฝนพรำ ดูแล้วให้บรรยากาศโรแมนติกชวนฝัน คล้ายเพลง “น่านนะสิ” ของ “พี่จุ้ย : ศุ บุญเลี้ยง” ไม่น้อยเลย
สะปัน หมู่บ้านโรแมนติกกลางขุนเขา
บ้านสะปัน ตั้งอยู่ที่ ต.ดงพญา อ.บ่อเกลือ จ.น่าน เป็นชุมชนเก่าแก่อายุหลายร้อยปีภายใต้การนำของ “เจ้าพ่อพญาตึ๋น” หมู่บ้านนี้ตั้งชื่อตาม “ลำน้ำปัน” ที่ไหลผ่านหมู่บ้านแล้วไปบรรจบกับลำน้ำว้า เดิมเรียกว่า “สบปัน” ก่อนที่จะเพี้ยนเป็น “สะปัน” ดังปัจจุบัน
ขณะที่ “ลำน้ำว้า” ที่ไหลผ่านถือเป็นดังเส้นเลือดหลักของชาวชุมชน รวมถึงมี “ลำน้ำปาด” ไหลมาบรรจบรวมกับลำน้ำว้าอีกทีหนึ่งในพื้นที่บ้านสะปัน
เดิมสะปันเป็นชุมชนเกษตรอันสงบงาม ชาวบ้านส่วนใหญ่ ทำไร่ ทำนา ปลูกพืชผัก และค่อนข้างเป็นเมืองปิดที่การเดินทางเข้าถึงลำบาก ต้องเดินทางผ่านขุนเขาสูงชัน ถนนคดเคี้ยวเลี้ยวโค้ง และที่สำคัญคือต้องตั้งใจไป
สะปันในยุคแรก ๆ ที่เริ่มเปิดการท่องเที่ยวเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว จึงถูกยกเป็นดัง “หมู่บ้านโรแมนติกกลางขุนเขา” ที่โดนใจนักท่องเที่ยวสายสโลว์ไลฟ์ สายปลีกวิเวก ที่นิยมความเป็นธรรมชาติ ความเรียบง่าย ความดิบเรียล ซึ่งยังคงเป็นที่รู้จักกันในวงแคบ ๆ ในชุมชนมีพี่พัก รีสอร์ต เล็ก ๆ และโฮมสเตย์อยู่ไม่กี่เจ้า
สะปัน บนความเปลี่ยนแปลง
ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา หลังสะปันเริ่มเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น รวมถึงอิทธิพลของโลกโซเชียล ทำให้บ้านสะปันจากเดิมที่เป็นเมืองค่อนข้างปิด กลายเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวมาแรงที่เต็มไปด้วยที่พัก ร้านอาหาร และคาเฟ่หลากหลาย ที่ผุดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวผู้มาเยือน
ปัจจุบัน (2567) สะปันมีที่พักหลากรูปแบบหลายราคารวมแล้วมากกว่า 100 แห่ง ตั้งแต่โฮมสเตย์คืนหลักร้อยไปจนถึงรีสอร์ตหรูหลักหลายพัน ทั้งยังมีรีสอร์ตหรูบางเจ้าทำผิดกฎหมายบุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยภูคาและป่าผาแดง จนถูกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองตรวจยึดและดำเนินคดีความกันอยู่
นอกจากนี้อิทธิพลความดังของสะปัน ยังทำให้เกิดโซนที่เที่ยวที่พักแห่งใหม่ สร้างกระจายตัวขึ้นไปทาง “บ้านห้วยโทน” เพิ่มมากขึ้น ถือเป็นทางเลือกใหม่ของนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะหลีกหนีความแออัดของสะปันในช่วงไฮซีซั่น
วันนี้แม้สะปันจะเปลี่ยนแปลงตามกระแสการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จนท็อปฟอร์มเป็นที่หมายปองของนักท่องเที่ยวจำนวนมากในช่วงฤดูหนาวซึ่งถือเป็นไฮซีซั่นของที่นี่ แต่หากใครได้ไปแอ่วสะปันในช่วงฤดูฝน ก็จะได้สัมผัสกับมนต์เสน่ห์ความงามและ“ตัวตน” ของสะปันที่แปลกแตกต่างไปอีกแบบ
ที่สำคัญคือการเที่ยวสะปันในช่วงหน้าฝนนั้นคนไม่แออัดพลุกพล่าน ไม่ต้องไปแย่งกันกิน แย่งกันพัก แย่งกันใช้ถนนเหมือนในช่วงวันหยุดยาวของไฮซีซั่น
สะปันหน้าฝน สวยฉ่ำเขียวสดชื่น
สำหรับทริปกรีนซีซันทัวร์สะปันในครั้งนี้ เราเลือกพักที่ “บอกฮักบ้านสะปัน” รีสอร์ตเล็ก ๆ ที่นอกจากจะมีบรรยากาศดีมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามท่ามกลางขุนเขาโอบล้อมแล้ว ภายในที่พักช่วงหน้าฝนยังมีการปลูกข้าวเต็มพื้นที่เพื่อให้รู้สึกเหมือนนอนอยู่ในทุ่งนายังไงยั้งงั้น (ขณะที่ในช่วงฤดูอื่นก็จะมีการปลูกแปลงดอกไม้หมุนเวียนกันไป)
ที่พักที่นี่มีจักรยานไว้ให้บริการสำหรับผู้เข้าพักเพื่อปั่นทัวร์ชมบ้านสะปัน ซึ่งหากใครอยากปั่นแบบชิลล์ ๆ ไม่ร้อน ขอแนะนำให้ตื่นแต่เช้าตรู่ เลือกจักรยานคันที่เหมาะกับตัวเอง แล้วออกไปปั่นบ้าง เข็นขึ้นเนินบ้าง สัมผัสกับวีถีสีสันของสะปันยามเช้าที่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของหมู่บ้านกลางขุนเขาแห่งนี้
โดยในบริเวณที่พักเราจะได้สัมผัสกับวิวทิวทัศน์ของทุ่งนาเขียวขจีที่มีรีสอร์ตตั้งแทรกแซมอยู่ ขณะที่เมื่อแหงนมองเบื้องบนจะเห็นสายหมอกขาวมัวสลัวลอยอ้อยอิ่ง ไต่หยอกล้อคลอเคลียตามขุนเขาดูสดชื่นสบายตาสบายใจ
นอกจากนี้ก็ยังมี 2 จุดไฮไลต์ไม่ควรพลาดคือ “สะพานโบราณหมู่บ้าน” เป็นสะพานแขวนเล็ก ๆ ข้ามลำน้ำว้า ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปโพสต์ท่าเก๋ ๆ กันบนสะพานแห่งนี้
ส่วนไฮไลต์อีกจุดเป็น “สะพานร่วมใจสามัคคี” เป็นสะพานรถยนต์สัญจรไปมา บนสะพานเป็นจุดชมลำน้ำปาดไหลมาบรรจบรวมกับลำน้ำว้า ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ขุนเขาที่โอบล้อม
น้ำตกสะปัน
จากนั้นเมื่อปั่นเข้าตัวหมู่บ้านสะปันก็จะได้พบกับชุมชนเล็ก ๆ ชาวบ้านอยู่ด้วยวิถีที่เรียบง่าย ในหมู่บ้านมี “สะพานโอโซน” เป็นจุดเช็กอิน ชมแม่น้ำว้าที่ไหลผ่านกลางหมู่บ้าน
รวมถึงมีป้ายเขียนว่า “แหล่งโอโซนชั้นดี ต้องที่สะปัน” ซึ่งคนในพื้นที่ต้องการบอกให้รู้ว่าสะปันนั้นเป็นแหล่งอากาศบริสุทธิ์ (ออกซิเจน) ชั้นดี แต่ที่ผ่านมาคนไทยจำนวนมากมักเข้าใจผิดว่า “โอโซน” (O3) คืออากาศบริสุทธิ์ที่เข้มข้นมากกว่า “ออกซิเจน” (O2) แต่จริง ๆ แล้วโอโซนคือก๊าซพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย นั่นจึงทำให้ช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมา ป้ายคำขวัญหรือป้ายโฆษณาสถานที่ท่องเที่ยวหลายต่อหลายแห่ง ที่ต้องการเชิญชวนให้คนไปสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ มักเลือกใช้คำว่าโอโซน ซึ่งเป็นการใช้คำที่ผิด เหมือนเช่นที่สะพานโอโซนแห่งนี้
ในตัวชุมชนยังมีทางแยกสู่ “น้ำตกสะปัน” ซึ่งเป็นต้นกำเนิดลำน้ำปันและสบปันอันเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้าน
น้ำตกสะปัน ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติขุนน่าน เป็นน้ำตกขนาดกลาง มี 3 ชั้น ทางเข้าจุดเดินเท้าสู่ตัวน้ำตกอยู่ห่างจากหมู่บ้านสะปัน 350 เมตร จากนั้นจะเป็นเส้นทางเดินสู่ตัวน้ำตกชั้นต่าง ๆ ระยะทางประมาณ 800 เมตร ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ผู้ขึ้นมาแอ่วสะปันไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
วัดสะปัน จุดชมวิวงาม
ในหมู่บ้านสะปันมี “วัดสะปัน” อายุเก่าแก่หลายร้อยปี เป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลต์ไม่ควรพลาด
วัดสะปัน มีสิ่งน่าสนใจให้เที่ยวชมและกราบสักการะ อย่างเช่น โบสถ์ที่ให้สีออกโทนชมพู ภายในมี “หลวงพ่อยิ่งยอดดอยสะปัน” เป็นองค์พระประธาน ซึ่งญาติโยมชาวขอนแก่นสร้างถวาย และ “พระไชยมงคล” พระพุทธรูปกลางแจ้งองค์สีขาวเด่น เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมากราบไหว้ขอพรกัน
ปัจจุบันวัดสะปันนอกจากจะเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวชุมชนแล้ว ยังเป็นแลนด์มาร์กที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางขึ้นไปชมวิวและเช็กอินกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากวัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนเขา บริเวณหน้าวัดเป็นจุดชมวิวอันสวยงามกว้างไกล เมื่อมองลงไปเบื้องล่างจะเห็นท้องทุ่งนาผืนใหญ่ ท่ามกลางขุนเขาโอบล้อม บางวันมีสายหมอกลอยคลอเคลียยอดเขาดูสวยงามโรแมนติกไม่น้อย
สำหรับทุ่งนาผืนใหญ่กลางขุนเขาแห่งนี้นอกจากจะเป็นวิวงามมุมมหาชน ที่เป็นดังภาพจำดึงดูดให้คนเดินทางมาแอ่วสะปันกันเป็นจำนวนมากแล้ว ก็ยังเป็นดังสิ่งบันทึกความเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนไปของสะปันได้เป็นอย่างดี
เพราะในยุคแรก ๆ ที่สะปันเพิ่งเริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว ทุ่งนากลางหุบเขาผืนนี้ยังคงเป็นทุ่งนาผืนกว้างเพียว ๆ ที่มีบ้านเรือน เถียงนา ของชาวบ้านตั้งอยู่เพียงไม่กี่หลัง แต่มาวันนี้พื้นที่ของท้องทุ่งนาได้ลดลงจำนวนลงไป พร้อมถูกแทนที่ด้วยที่พัก-คาเฟ่ที่ผุดเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ (จนหลายคนมองว่าเริ่มรกตา) ขณะที่บนเขาก็มีที่พักทยอยผุดโผล่เพิ่มขึ้นมาหลายจุดด้วยกัน
ทำให้มนต์เสน่ห์วันนี้ของสะปันท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง จึงมีการผสมผสานทั้งภาพงามของธรรมชาติ สายน้ำ ทุ่งนา ป่าเขา วิถีชุมชน และบรรยากาศของเมืองท่องเที่ยวเล็ก ๆ ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากเดินไปอย่างถูกทาง สะปันก็จะเติบโตเป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่ยังคงน่าเที่ยวอยู่เสมอ
แต่หากเดินผิดทาง เลือกทำการท่องเที่ยวอย่างฉาบฉวย โดยไม่ใส่ใจในเรื่องธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วิถีชุมชน และผลกระทบอื่น ๆ เพียงหวังเพื่อมุ่งโกยรายได้แบบน้ำขึ้นให้รีบตัก สุดท้ายมนต์เสน่ห์ของเมืองโรแมนติกกลางขุนเขาก็จะค่อย ๆ ลดน้อยถอยลงไปเรื่อย
#####################################
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลที่พัก ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดน่าน ได้ที่ ททท. สำนักงานน่าน โทร. 0 5471 1217-8 หรือที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ ททท.สำนักงานน่าน