ถ้ากล่าวถึงมัสยิดที่มีความงดงามในประเทศไทย ต้องมีชื่อของ “มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี” ติดอันดับอยู่ด้วยแน่นอน ศาสนสถานที่เป็นศูนย์รวมใจของชาวมุสลิมแห่งนี้ ไม่เพียงแต่มีความงามเลื่องลือ แต่ยังเป็นมัสยิดอีกแห่งที่มีความเก่าแก่เกินครึ่งศตวรรษมาแล้ว
ภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตาผู้มาเยือน จะมองเห็นอาคารทรงโดมขนาดใหญ่ตระหง่านงาม ขนาบด้วยหออะซานจำนวน 4 หอ มีสระน้ำสีฟ้าอยู่ด้านหน้า ความวิจิตรนั้นสะกดสายตาได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งประวัติการก่อสร้างนั้น ย้อนไปในปี พ.ศ.2497 รัฐบาลในยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ตระหนักถึงความสำคัญของศาสนาอิสลามที่ประชาชนชาวปัตตานีส่วนใหญ่นับถืออย่างเคร่งครัด จึงเห็นสมควรให้จัดสร้างมัสยิดขนาดใหญ่ ไว้เพื่อเป็นศูนย์กลางแก่ผู้นับถือศาสนาอิสลามทั่วประเทศ
ภายในพื้นที่กว้าง 3 ไร่ 55 ตารางวา บริเวณริมถนนหลวงสายปัตตานี-ยะลา ถูกเลือกเป็นสถานที่ที่เหมาะสมและก่อสร้างมัสยิดกลางประจำจังหวัด ในปี พ.ศ. 2497 ใช้เวลารวมตั้งแต่เริ่้มสร้างยาวนาน 9 ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ และทำพิธีเปิดโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2506
มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ได้รับการขนานนามอีกชื่อหนึ่งเปรียบเป็น "ทัชมาฮาลเมืองไทย" เพราะความวิจิตรอลังการของการก่อสร้างใช้ต้นแบบทัชมาฮาลของประเทศอินเดียผสมวิหารแบบตะวันตก ออกแบบโดย นายประสิทธิผล ม่วงเขียว สถาปนิกกรมศาสนา
รูปแบบของสถาปัตยกรรมมีเอกลักษณ์โดดเด่น คือ อาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสองชั้น มีโดมสีเขียวขนาดเล็กประกบสี่มุมอยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยโดมขนาดกลางสี่ทิศ และอีกหนึ่งยอดโดมขนาดกลางบนประุตูทางเข้า มีด้วยหอคอยสูง (หออะซาน) ขนาบสองข้าง ด้านในตัวอาคารเป็นห้องโถงสูงมีระเบียง ประดับด้วยหินอ่อน มีบัลลังก์ทรงสูงเป็นที่สำหรับ "คอฏีบ" ยืนอ่านคุฏบะฮ์การละหมาดในวันศุกร์ บริเวณด้านหน้ามีสระน้ำสี่เหลี่ยมสะท้อนแสงเงาของมัสยิด ได้อย่างงดงาม
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2536 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อทรงเยี่ยมเยียนผู้นำศาสนาอิสลามและประชาชน ณ มัสยิดกลางปัตตานี และทรงมีพระราชกระแสรับสั่งกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในยุคนั้น (นายสัมพันธ์ ทองสมัคร) ให้ดำเนินการบูรณะปรับปรุงอาคารมัสยิดกลางปัตตานี จึงได้มีการขยายอาคารด้านข้างทั้งสองฝั่ง เพิ่มหออะซานอีก 2 หอ และขยายสระน้ำขนาดใหญ่ ประดับด้วยอ่างน้ำพุตรงกลางสระ ทำให้ความงดงามของมัสยิดแห่งนี้เฉิดฉายยิ่งกว่าเดิม
ปัจจุบันมัสยิดกลางปัตตานีได้ใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจสำคัญ คือ การละหมาดวันละ 5 เวลา เป็นกิจวัตรประจำวัน และใช้ในการละหมดในวันศุกร์ รวมถึงการละหมาดในวันตรุษต่างๆ ซึ่งมีชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ปัตตานีรวมถึงชาวมุสลิมที่มาจากพื้นที่อื่นทั้งในและต่างประเทศมาเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในวันศุกร์และวันเสาร์ จะมีการบรรยายธรรมะอันเป็นการเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจในหลักการของศาสนา และเพื่อความถูกต้องในการบำเพ็ญศาสนกิจ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก
บรรยากาศบริเวณภายนอกมีความเงียบสงบ ร่มรื่นด้วยต้นไม้สวน ต้นปาล์ม ต้นอินทผาลัม เรียงรายอยู่รอบๆเป็นเสน้นนำสายตา ขณะที่เมื่อถึงนช่วงเวลาค่ำคืนไฟที่ประดับประดามัสยิด ก็ส่องแสงงดงามน่าชม
นักท่องเที่ยวทุกศาสนา สามารถเข้าชมได้ ตั้งแต่ 8.00-17.00 น. ยกเว้นวันศุกร์ซึ่งเป็นวันประกอบศาสนกิจละหมาดประจำสัปดาห์ และต้องแต่งกายอย่างสุภาพเหมาะสมกับสถานที่
มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี
ตั้งอยู่ที่ ถนนยะรัง (ถนนหลวงสายปัตตานี-ยะลา) ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
ภาพ: กิตตินันท์ นาคทอง
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline