xs
xsm
sm
md
lg

น่าเสียดาย! “ยักษ์โบราณ” วัดอุโมงค์อายุกว่า 400 ปี ถูกโบกปูนขาวทับจนไม่เหลือเค้าเดิม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพจากเพจเชียงใหม่นิวส์ chiang mai news ข่าวเชียงใหม่
อาจารย์มหาวิทยาลัยจังหวัดเชียงใหม่ คณะวิจิตรศิลป์ พร้อมภาพถ่ายยักษ์โบราณเก่าแก่อายุ 400 ปี ถูกโบกปูนทำของโบราณเก่าแก่กลายเป็นของใหม่อย่างน่าเสียดาย พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ที่ตัดสินใจทำการบูรณะยักษ์ดังกล่าวออกมาแสดงความรับผิดชอบ

ภาพจากเพจเชียงใหม่นิวส์ chiang mai news ข่าวเชียงใหม่
เฟซบุ๊กเพจ “เชียงใหม่นิวส์ chiang mai news ข่าวเชียงใหม่” โพสต์ภาพและข้อความว่า เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 67 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สุรชัย จงจิตงาม คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เปิดเผยว่า ที่วัดอุโมงค์สวนพุทธธรรม จ.เชียงใหม่ เมื่อไม่นานมานี้ ราวปลาย พ.ศ. 2566 ได้มีบุคคลจากภายนอกที่ไม่รู้คุณค่าของศิลปะโบราณ ได้นำช่างฝีมือรุ่นใหม่มาทำการปั้นพอกปูนทับ “ยักษ์โบราณ” ที่มีอายุราว 400 ปี ในรูปแบบที่ปั้นใหม่ขึ้นทั้งหมด ทำให้ยักษ์วัดอุโมงค์จึงกลายเป็นของใหม่อย่างสิ้นเชิง ไม่เห็นผิวปูนโบราณแต่ดั้งเดิมเลยแม้แต่น้อย

ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ทำให้ศิลปะล้ำค่าของโบราณหมดคุณค่า และก่อให้เกิดความเสียหายทางศิลปกรรม เพราะการซ่อมที่ถูกต้องนั้นในยุคปัจจุบันก็มีหลักการสากลถือปฏิบัติอย่างชัดเจน เช่น การทำความสะอาดผิวปูน การเสริมความแข็งแรงให้กับเนื้อปูนโบราณ หากจำเป็นต้องเสริมปูนเพิ่มเติมขึ้นใหม่ต้องระวังไม่ให้ไปทับกับเนื้อปูนที่เป็นฝีมือเดิมเมื่อหลายร้อยปีก่อน

ภาพจากเพจเชียงใหม่นิวส์ chiang mai news ข่าวเชียงใหม่
ฉะนั้น แม้ว่าผู้กระทำจะมีเจตนาดีที่อยากซ่อมแซมของโบราณ แต่ผู้ซ่อมก็ควรมีความรู้ในหลักการอนุรักษที่เป็นสากล การซ่อมแซมเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้ทำลายคุณค่าของฝีมือช่างแต่เดิม หากไม่มีความรู้ก็ควรเข้าไปปรึกษาหารือผู้ที่มีความรู้ก่อนการดำเนินการ

สำหรับประติมากรรมปูนปั้นยักษ์ขนาดใหญ่สูงราว 2 เมตร เป็นรูปยักษ์ในศิลปะล้านนาสภาพยังสมบูรณ์อยู่มาก มีศรีษะ และลำตัวครบ แม้แขนจะชำรุดบ้าง แต่ก็เป็นศิลปะที่มีค่าที่พบอยู่ภายในวัดอุโมงค์มาแต่โบราณครั้งวัดอุโมงค์ยังเป็นวัดร้างอยู่กลางป่าหลายร้อยปี


โดยคณะสงฆ์และศรัทธาของวัดอุโมงค์สวนพุทธธรรมที่นำโดยท่านพุทธทาสภิกขุ และท่านปัญญานันทภิกขุ ซึ่งท่านได้ฟื้นฟูวัดอุโมงค์ขึ้นมาอีกครั้งท่านได้พบเห็นประติมากรรมยักษ์ดังกล่าวแล้วตั้งแต่ พ.ศ.2490 และท่านทั้งสองก็ทราบความสำคัญของศิลปกรรมอันล้ำค่าของบรรพบุรุษล้านนาแต่โบราณโดยได้ทำการรักษาไว้ตามเดิมสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน

ซึ่งประติมากรรมยักษ์ที่วัดอุโมงค์มีอายุไม่น้อยกว่า 400 ปี เพราะศิลปะโบราณภายในวัดได้ถูกทิ้งร้างไปตั้งแต่ครั้งเชียงใหม่ตกเป็นเมืองขึ้นพม่าเมื่อราว 400 ปีก่อน


ประติมากรรมยักษ์ที่วัดอุโมงค์จึงมีความสำคัญในฐานะเป็นต้นแบบในการศึกษาภาพยักษ์ในศิลปะล้านนา ซึ่งมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างเฉพาะตัวไปจากภาพยักษ์ในศิลปะอยุธยา และรัตนโกสินทร์ ที่กรุงเทพฯ ซึ่งพบเห็นได้ง่ายในจำนวนมากกว่า ฉะนั้น ยักษ์ที่วัดอุโมงค์จึงมีความสำคัญ และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ อันหาได้ยากที่ควรรักษาไว้

นอกจากนั้นในฐานะที่ยักษ์ดังกล่าวเป็นโบราณวัตถุของชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรตรวจสอบการเข้าไปซ่อมแซมในลักษณะเช่นนั้นว่า ได้กระทำไปถูกขั้นตอนหรือไม่ในฐานะที่วัดอุโมงค์เป็นโบราณสถานของชาติในกลุ่มแรก ๆ ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานตั้งแต่ พ.ศ.2478 เมื่อเกือบ 90 ปีก่อน ผู้ใดก็ตามที่จะมาซ่อมก็ควรเรียนรู้ประวัติความเป็นมา และควรเคารพอดีตก่อนที่จะกระทำการใด ๆ ที่อาจเกิดความเสียหายตามมา


สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline


กำลังโหลดความคิดเห็น