“ปามุคคาเล” ความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นเป็นเนินเขาสีขาวราวปุยฝ้าย หนึ่งในมรดกโลก ร่วมกับ “เฮียราโพลิส” นครโบราณที่โด่งดังในเรื่องการใช้น้ำพุร้อนเพื่อรักษาผู้ป่วย
ความสามารถของธรรมชาตินั้นช่างน่าทึ่ง สร้างสรรค์สิ่งที่สวยงามและน่าอัศจรรย์ได้มากมายนับไม่ถ้วน และหนึ่งในนั้นคือ “ปามุคคาเล” แห่งตุรกี เนินเขาสีขาวราวปุยฝ้าย ที่เกิดขึ้นจากน้ำพุร้อนที่นำแคลเซียมคาร์บอเนตมาตกตะกอน กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่เป็นจุดเช็คอินของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
“ปามุคคาเล” ตั้งอยู่ในจังหวัดเดนิซลี (Denizli) อยู่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 19 กิโลเมตร หากเดินทางไปจาก อิสตันบูล เมืองท่องเที่ยวสำคัญของตุรกี สามารถเช่ารถยนต์ขับไปที่ปามุคคาเล นั่งรถบัสหรือขึ้นเครื่องบินไปลงที่เดนิซลี แล้วต่อรถมินิบัสจากสถานีรถโดยสารเมืองเดนิซลี ไปลงที่ทางเข้าปามุคคาเลได้เลย
ประตูทางเข้าปามุคคาเลมี 3 จุด คือ North Gate (สำหรับนักท่องเที่ยวที่นั่งรถมินิบัสมา หรือขับรถมาเอง) South Gate (สำหรับกรุ๊ปทัวร์ นั่งแท๊กซี่เข้ามา หรือขับรถมาเอง) และ City Gate (เป็นทางเข้าจากหมู่บ้านที่อยู่ด้านล่าง นักท่องเที่ยวที่มาพักค้างคืนที่นี่จะนิยมใช้ประตูนี้) ส่วนค่าเข้าชม คนละ 30 ยูโร (ราคาเดือนเมษายน 2567)
“เฮียราโพลิส” นครโบราณ อดีตเมืองสปาศูนย์กลางการรักษาโรค
บนยอดเขาของปามุคคาเล เป็นที่ตั้งของ “เฮียราโพลิส” (Hierapolis) เมืองโบราณในยุคกรีก-โรมัน ที่สร้างขึ้นในราว 190 ปีก่อนคริสกาล โดยกษัตริย์ยูเมเนสที่ 2 แห่งอาณาจักรเปอร์กามอน ที่เคยปกครองพื้นที่แถบนั้น ก่อนที่จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของโรมัน ในช่วงศตวรรษที่ 2-3 เมืองเฮียราโพลิสเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด ก่อนจะล่มสลายในศตวรรษที่ 7 จากการโจมตีของอาหรับ
ชื่อ “เฮียราโพลิส” นั้นหมายถึงเมืองแห่งความศักดิ์สิทธิ์ และนครเฮียราโพลิสแห่งนี้ ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองสปา และยังเป็นศูนย์กลางการรักษาโรคด้วยน้ำพุร้อน มีผู้คนจำนวนมากเดินทางมาเพื่อแช่น้ำร้อนเพื่อความผ่อนคลาย และยังมีบางส่วนที่เดินทางมาเพื่อรักษาตัวด้วยการแช่น้ำแร่ร้อน ว่ากันว่า พระนางคลีโอพัตราผู้เลอโฉม ยังเคยเสด็จมาแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อนนี้
หากเดินเข้าปามุคคาเลทางประตู North Gate จะผ่านสุสานโบราณหรือ “นีโครโพลีส” (Necropolis) ที่เต็มไปด้วยโลงศพหินเรียงรายในบริเวณนอกเมือง จากนั้นเส้นทางก็จะพาเข้าเขตเมืองโบราณที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังเสียเป็นส่วนใหญ่
จุดไฮไลต์ที่ยังหลงเหลือซากให้เห็นอยู่ อย่างเช่น “ประตูฟรอนตินัส” ประตูทางเข้าไปยังเมืองเฮียราโพลิส และเดินตัดออกไปสู่ที่ราบกว้างใหญ่ ประตูเป็นช่องโค้ง 3 ช่อง และมีหอคอยทรงกลมด้านข้าง “ประตูไบเซนไทน์เหนือ” ประตูทางทิศเหนือที่เป็นส่วนหนึ่งของป้อมปราการ
อีกจุดที่เป็นไฮไลต์คือ “โรงละคร” เป็นอัฒจันทร์ขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่นั่งกว้างขวาง คาดว่าสร้างขึ้นราวคริสตศักราช 60 โดยเป็นการสกัดเข้าไปในไหล่เขาเพื่อทำเป็นอัฒจันทร์ให้คนได้ชมเวทีที่อยู่ด้านล่าง ไม่ว่าจะเป็นการแสดง การแข่งขัน หรือจัดงานสำคัญต่างๆ สามารถจุคนได้ราว 12,000 คน
นอกจากนี้ยังมี “สระน้ำแร่โบราณ” ที่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้น้ำแร่ที่ผุดขึ้นในบริเวณนี้ และมีการปรับแต่งภูมิทัศน์อย่างดี มีทั้งการนำซากเสาปรักหักพังมาประดับเป็นสีสันของสระน้ำ มีการตกแต่งด้วยต้นไม้ ดอกไม้ อย่างร่มรื่นสวยงาม รวมถึงยังมีร้านค้า ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกอยู่ในจุดเดียวกัน
“ปามุคคาเล” ปราสาทปุยฝ้าย มหัศจรรย์ธรรมชาติ
ชมเมืองโบราณกันแล้ว เดินไปอีกไม่ไกลก็จะเป็นจุดเช็คอินที่หลายคนตั้งตารอ
หากมองจากเมืองด้านล่างขึ้นมา จะเห็นเนินเขาสีขาวพื้นที่กว้างใหญ่พอประมาณ แต่หากมองจากด้านบนจะเห็นเพียงพื้นสีขาวๆ ที่คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และนี่ก็คือ “ปามุคคาเล” (Pamukkale)
“ปามุคคาเล” ถือเป็นความมหัศจรรย์พันลึกของธรรมชาติอย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดจากธารน้ำแร่ร้อนที่ไหลมาจากภูเขาทางทิศเหนือ ผ่านมายังบริเวณนี้เป็นชั่วนาตาปีนับพันปี น้ำแร่ร้อนสายนี้มีส่วนผสมของแคลเซียมออกไซด์หรือแร่เกลือชนิดหนึ่ง น้ำแร่ที่นี่มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส เมื่อน้ำแร่เย็นตัวลงได้ตกผลึกเป็นสีขาวโพลนปกคลุมเขาทั้งลูก เมื่อมองไกลๆ หลายคนที่ไม่รู้จักมาก่อนอาจนึกว่าเป็นภูเขาหิมะ
ปามุคคาเล ในภาษาตุรกี แปลว่า “ปราสาทปุยฝ้าย” (ปามุค (Pamuk) แปลว่า ฝ้าย คาเล (Kale) แปลว่า ปราสาท) นั่นคงเป็นเพราะภูเขาลูกนี้ดูขาวนวลราวปุยฝ้าย ซึ่งผลจากธรรมชาติสรรค์สร้าง ส่งผลให้ปราสาทปุยฝ้ายเกิดเป็นริ้ว เป็นแอ่ง เป็นชั้น ลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศ เกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติอันสวยงามแปลกตาที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ยากจะหาที่ใดเหมือน จนทำให้ปามุคคาเล่และเมืองเฮียราโพลิสได้รับการยกย่องจากยูเนสโก ประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ.1988
ปัจจุบันน้ำแร่ร้อนสายนี้ก็ยังคงผุดขึ้นมาจากใต้ดินอย่างต่อเนื่องเหมือนในอดีต ทำให้บางช่วงของปามุคคาเล่เกิดเป็นชั้นของแอ่งน้ำขนาดย่อมที่เป็นดังอ่างน้ำธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวลงไปแช่ตัวเล่นน้ำกันอย่างสบายกายสบายใจ
และยิ่งน้ำแร่ร้อนที่นี่โด่งดังเรื่องการรักษาโรคต่างๆ ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ก็ยิ่งทำให้มีคนเดินทางมาลงอ่างธรรมชาติ แช่ตัว เล่นน้ำ กันเป็นจำนวนมาก จนทำให้ปามุคคาเล่บอบช้ำถึงขนาดทางการต้องห้ามมิให้นักท่องเที่ยวลงไปแช่น้ำ เล่นน้ำในแอ่งน้ำธรรมชาติ เนื่องจากไม่ต้องการให้ปามุคคาเล่ถูกทำลายไปมากกว่านี้
แต่กระนั้นทางการตุรกีก็ไม่ต้องการให้บรรยากาศทางการท่องเที่ยวเสียไป จึงได้ทำการสร้างแอ่งน้ำขึ้นมาแล้วปล่อยน้ำแร่จริงใส่ เกิดเป็นแอ่งน้ำเทียมเสมือนจริง เพื่อให้นักท่องเที่ยวลงไปแหวกว่าย เล่นน้ำและแช่น้ำแร่ได้อย่างเพลิดเพลิน ซึ่งหากไกด์ไม่บอกหรือไม่สังเกตให้ดีๆ ก็จะไม่รู้หรอกว่าเป็นของเทียม ส่วนแอ่งน้ำแร่ธรรมชาติก็ปล่อยไว้ให้ธรรมชาติจัดการกันเอง แต่ก็ไม่ลืมที่จะกันไว้เป็นจุดถ่ายรูปสวยๆ
* * * * * * * * * * * * * *
ข้อแนะนำการไปเที่ยวปามุคคาเลและนครเฮียราโพลิส
- สวมรองเท้าใส่สบาย เพราะต้องเดินระยะไกลพอสมควร
- พกอุปกรณ์กันแดด ร่ม หมวก แว่นตา และพกน้ำดื่ม เนื่องจากบางช่วงแดดร้อนจัด และไม่ค่อยมีพื้นที่ในร่ม
- พกถุงพลาสติก หรือถุงใส่รองเท้า เนื่องจากบริเวณปามุคคาเลจะต้องถอดรองเท้าเดิน และไม่มีจุดฝากรองเท้า
- เช็คเวลาเปิด-ปิดเข้าชม เนื่องจากในแต่ละช่วงจะมีเวลาปิดไม่เท่ากัน โดยช่วงฤดูหนาวจะเปิดเวลา 08.30-17.00 น. ส่วนช่วงอื่นของปีจะเปิดเวลา 08.00-20.00 น.
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline