อช. หมู่เกาะสุรินทร์ เผยภาพถ่ายฝูง “วาฬโอมูระ” ยักษ์ใหญ่แห่งท้องทะเล พร้อมหน้าแม่ลูกจำนวน 4 ตัว ใกล้เกาะราชา จ.ภูเก็ต
เฟซบุ๊กเพจอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ - Mu Ko Surin National Park โพสต์ภาพครอบครัวฝูงวาฬโอมูระจำนวน 4 ตัว พร้อมให้ข้อมูลว่า
"วาฬโอมูระ" เป็นวาฬสายพันธุ์หายากที่มีความใกล้เคียงกับวาฬบรูด้า เรียกว่าเป็นญาติกับบรูด้า จึงมักถูกเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ และมีข้อมูลเกี่ยวกับวาฬชนิดนี้น้อยมาก
"วาฬโอมูระ" ยังเป็น 1 ในสัตว์ป่าสงวนของไทยที่ใกล้จะสูญพันธุ์และหายาก สำหรับชื่อของวาฬโอมูระนั้นตั้งตามชื่อนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลชาวญี่ปุ่นนามว่าฮิเดโอะ โอมูระซึ่งเป็นผู้ค้นพบวาฬโอมูระ ในปี พ.ศ. 2546
วาฬโอมูระ (Omura’s Whale) Balaenoptera omurai Wada, Oishi, and Yamada, 2003 มีขนาดโตเต็มที่ยาว 9.0-11.5 ม. หนักน้อยกว่า 20 ตัน ตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่า ตัวผู้เล็กน้อย
มีรูปร่างค่อนข้างเพรียว ส่วนหัวมีสันนูน 1 สัน มีร่องใต้คางสีอ่อนจำนวน 80-90 ร่อง ยาวพ้นสะดือ กรามด้านซ้ายมีสีดำ ส่วนข้างขวามีสีจางหรือสีขาว ลำตัวมีสีเทาดำ ท้องสีอ่อน หรือชมพู
มีซี่กรองจำนวน 180-210 คู่ ขนาดสั้นและกว้าง มีสีขาวเหลืองถึงดำ ครีบหลังคล้ายวาฬบรูด้า แต่โค้งงอ มากกว่า อยู่ค่อนไปทางหาง ช่วงวัยเจริญพันธุ์อยู่ประมาณ 8-13 ปี หรือความยาวไม่น้อยกว่า 9 ม.
พฤติกรรมส่วนใหญ่พบเพียงลำพังตัวเดียวหรือเป็นคู่ แต่อาจมีพฤติกรรมการรวมกลุ่มจำนวนมากในแหล่งอาหาร ซึ่งอาหารของมันก็คือปลาที่รวมฝูง กินแบบพุ่งงับฝูงเหยื่อครั้งละมากๆ (Lunge feeder)
วาฬโอมูระมีถิ่นอาศัยและการแพร่กระจายในเขตร้อนถึงอบอุ่น พบทั้งเขตนอกฝั่งและชายฝั่ง ส่วนมากพบบริเวณตะวันออกของมหาสมุทรอินเดีย และฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก
ในประเทศไทยพบซากบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน ส่วนฝั่งอ่าวไทย พบตั้งแต่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ลงไปถึง จ.สงขลา ซึ่งภาพถ่ายในธรรมชาติครั้งนี้ถ่ายได้จากฝั่งทะเลอันดามัน พบใกล้เกาะราชา จ.ภูเก็ต ฝูงหนึ่งจำนวน 4 ตัว
ที่มาข้อมูล : คู่มือการจำแนกชนิดสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมและเต่าทะเลในประเทศไทย
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline