xs
xsm
sm
md
lg

“คลองโอ่งอ่าง” แลนด์มาร์กรางวัลระดับนานาชาติ - โลเคชั่นซีรีส์ดังเกาหลี ที่วันนี้เป็นพื้นที่เงียบเหงา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพคลองโอ่งอ่าง วันที่ 9 มีนาคม 2567
กลายเป็นประเด็นให้กล่าวถึงกันอีกครั้งสำหรับ “คลองโอ่งอ่าง” เมื่อ นายเกรียงยศ สุดลาภา สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้หยิบยกขึ้นมาหารือในที่ประชุมสภาฯ ถึงการเสียโอกาสของพื้นที่ซึ่งถูกปล่อยทิ้งร้าง น้ำเริ่มเน่าเสีย กลายเป็นพื้นที่ให้คนเร่ร่อนมาหลับนอน

ภาพคลองโอ่งอ่าง วันที่ 9 มีนาคม 2567
สำหรับชาวกรุงเทพฯ คงพอจำกันได้ว่า คลองโอ่งอ่างก่อนได้รับการพัฒนาในสมัยผู้ว่าฯอัศวิน นั้น เคยเป็นแหล่งชุมชนแออัดใจกลางเมือง ปัญหาน้ำเน่าเสีย และการบุกรุกพื้นที่สาธารณะ แต่ภายหลังการพัฒนาในช่วงปี พ.ศ. 2558 โดยมติของรัฐบาลได้ทำการรื้อถอนอาคารร้านค้าต่าง ๆ บริเวณริมคลองโอ่งอ่างที่ถูกบดบังทัศนียภาพมานานกว่า 40 ปี

ทั้งนี้ คลองโอ่งอ่าง ในปี พ.ศ. 2564 ถือเป็นแลนด์มาร์กที่ได้รับความนิยมมาก มีผู้คนต่างเดินทางไปเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์กันอย่างคึกคัก กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร ทั้งรูปแบบถนนคนเดิน จุดพายเรือคายัค สตรีทอาร์ต และในปีเดียวกันก็ได้รับรางวัล 2020 Asian Townscape Awards จากโครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (UN-HABITAT)

รวมทั้งในแง่ของความร่วมสมัย คลองโอ่งอ่างก็เป็นหนึ่งในฉากถ่ายทำซีรีส์เกาหลีเรื่องดังอย่าง "King The Land" ที่นำแสดงโดยพระนาง "อีจุนโฮ 2PM" - "ยุนอา Girls’ Generation” จนทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาตามรอยกันเป็นจำนวนมาก (แต่ก็พบกับความผิดหวัง เมื่อมาเจอสภาพเหงาๆร้างๆในปัจจุบัน)

ภาพคลองโอ่งอ่าง วันที่ 9 มีนาคม 2567
อย่างไรก็ตาม สภาพคลองโอ่งอ่างวันนี้ ก็ไม่ได้ถึงขั้นทรุดโทรม พืชพรรณต้นไม้ต่างๆยังได้รับการดูแลรักษาได้ดี ล่าสุด ศิลปินสตรีทอาร์ตชาวไอริช Shane Sotton ยังเพิ่งมาฝากผลงานชิ้นใหม่ไว้ให้แวะไปเช็กอิน แต่บรรยากาศโดยรวมนั้น ถือว่าเงียบเหงา ขาดความคึกคัก กลายเป็นพื้นที่ทางเดินริมคลองที่เงียบเชียบ และค่อนข้างเปลี่ยวโดยเฉพาะช่วงกลางคืน

ภาพคลองโอ่งอ่าง วันที่ 9 มีนาคม 2567
สำหรับประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวถึงในสภาฯ นายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และโฆษกกรุงเทพมหานคร ชี้แจงประเด็นที่มีข้อวิจารณ์ว่า กทม. ปล่อยให้"คลองโอ่งอ่าง" หมดคุณค่า แลนด์มาร์กใน 3 ประเด็น ได้แก่

ประเด็นที่หนึ่ง ความคืบหน้าการบูรณาการจัดการพื้นที่บริเวณคลองโอ่งอ่าง รวมทั้งมาตรการส่งเสริมฟื้นฟูการท่องเที่ยวในพื้นที่ ตามที่มีข้อสังเกตคลองโอ่งอ่างถูกปล่อยทิ้งร้าง

ภาพคลองโอ่งอ่าง วันที่ 9 มีนาคม 2567
สำนักงานเขตพระนคร ได้ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจกับแกนนำ อาทิ ผู้ค้าเดิมในพื้นที่สะพานเหล็ก ผู้ประกอบในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อวางแผนฟื้นฟูถนนคนเดินคลองโอ่งอ่าง ทั้งนี้ ได้มีมาตรการในการส่งเสริมฟื้นฟูการท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยวางแผนไว้ 3 ระยะ คือ ระยะสั้น : ภายใน 2 เดือน เริ่มต้นเปิดตัวดึงอัตลักษณ์ของสะพานเหล็กในการจัดเทศกาลและกิจกรรม ในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ / ระยะกลาง : ภายใน 4 เดือน ใช้การประเมินและปรับรูปแบบกิจกรรมหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมระยะสั้น พร้อมประชุมร่วมกับแกนนำและผู้ค้าถึงแนวทางการต่อยอดถนนคนเดินให้ยั่งยืน เช่น การทดลองจัดกิจกรรมสั้น ๆ ช่วงสุดสัปดาห์ โดยให้แกนนำขับเคลื่อนทั้งหมด และสำนักงานเขตเป็นที่ปรึกษา / ระยะยาว : ในประมาณ 6-8 เดือน ทดลองเปิดโอกาสให้แกนนำ บริหารจัดการด้วยตนเอง

ภาพคลองโอ่งอ่าง วันที่ 9 มีนาคม 2567
ประเด็นที่สอง กรณีบริเวณทางเท้าริมคลองด้านหลังโรงแรมมิราม่า ซึ่งมีผู้นำรถยนต์มาจอด รวมถึงมีคนเร่ร่อนมาอาศัย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างส่วนต่อขยายที่ขณะนี้สำนักการโยธาอยู่ระหว่างปรับปรุง และยังมิได้ส่งมอบงาน ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่เทศกิจได้ประชาสัมพันธ์งดการจอดในพื้นที่ดังกล่าว และในอนาคตทางผู้รับจ้างจะพิจารณาติดตั้งอุปกรณ์กั้นรถยนต์เข้ามาจอด สำหรับปัญหาคนเร่ร่อน นอนทางเดิน เจ้าหน้าที่จะเพิ่มความถี่และกำชับตรวจตราไม่ให้มีการหลับนอนในที่สาธารณะพร้อมจัดระเบียบอย่างต่อเนื่อง

ภาพคลองโอ่งอ่าง วันที่ 9 มีนาคม 2567
ประเด็นที่สาม สภาพน้ำในคลองโอ่งอ่าง ตามที่มีข้อสังเกตพบว่า มีขยะลอย น้ำเริ่มเน่าเสีย และส่งกลิ่นเหม็น

สำนักงานเขตพระนครและสำนักการระบายน้ำ ได้ร่วมลงพื้นที่สำรวจคลองโอ่งอ่าง เพื่อตรวจสอบท่อระบายน้ำเสียที่ปล่อยลงคลองโอ่งอ่างโดยตรง ซึ่งได้ตรวจพบจุดปล่อยน้ำเสีย ทราบถึงปัญหาและพร้อมดำเนินการปรับปรุงเพื่อนำน้ำเสียเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำต่อไป

ภาพคลองโอ่งอ่าง วันที่ 9 มีนาคม 2567
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline


กำลังโหลดความคิดเห็น