ปรากฏการณ์ “ฝรั่งเตะหมอ” สร้างเอฟเฟกต์รุนแรง ปลุกกระแสทวงคืนชายหาดสาธารณะในจังหวัดภูเก็ต รวมไปถึงชายหาดอีกหลายแห่งในบ้านเรา
จากกรณีเหตุการณ์ “ฝรั่งเตะหมอ” ที่แพทย์หญิงธารดาว จันทร์ดำ หรือ “หมอปาย” จากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ได้ร้องเรียนและแจ้งความดำเนินคดีกับนายอูรส์ บีท เฟอร์ หรือ “เดวิด” ชาวสวิตเซอร์แลนด์ ในข้อหาทำร้ายร่างกาย จากการที่หมอปายพร้อมเพื่อนสาวได้ไปนั่งพักที่บันไดของวิลล่าแห่งหนึ่งบริเวณ “หาดยามู” ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ในคืนวันมาฆบูชา แล้วถูกนายเดวิดเตะที่หลัง สมทบด้วยภรรยาชาวไทยที่เข้ามาพูดจาดูถูกเหยียดยามศักดิ์ศรีคนไทยและคนท้องถิ่นภูเก็ต จนกลายเป็นกระแสโด่งดังทั่วประเทศ
อย่างไรก็ดีหลังจากนั้นนายเดวิดได้ออกมาแถลงข่าว (ไหว้) ขอโทษ พร้อมปฏิเสธว่าตนไม่ได้เตะ แต่เป็นการสะดุดไปโดนหลังแพทย์หญิง
หลังเกิดเหตุการณ์ “ฝรั่งเตะหมอ” นอกจากชาวเน็ตจะร่วมกันขุดคุ้ยพฤติกรรมฉาวของฝรั่งชาวสวิสคนนี้แล้ว ยังเกิดการปลุกกระแสทวงคืนชายหาดสาธารณะในจังหวัดภูเก็ต รวมไปถึงอีกหลายแห่งในบ้านเราอีกด้วย
รู้หรือไม่! ชายหาดทั่วประเทศ ครอบครองส่วนตัวไม่ได้
หนึ่งในประเด็นที่มีการพูดถึงอย่างแพร่หลายบนโลกโซเชียลหลังเหตุการณ์ฝรั่งเตะหมอ คือ ประเด็น “พื้นที่ชายหาดติดทะเล” ซึ่งผู้รู้ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า
“พื้นที่ชายหาดติดทะเล” มักกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ประชาชนตั้งคำถามว่า บุคคลหรือบริษัทสามารถครอบครองเป็นพื้นที่ส่วนตัวได้จริงหรือไม่ เพราะมีหลายกรณีที่ประชาชนทั่วไปหรือนักท่องเที่ยวถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ชายหาด ด้วยเหตุผลว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
แต่รู้หรือไม่ ว่าชายหาดทุกแห่งทั่วประเทศเป็น “ที่สาธารณะประโยชน์” ครอบครองส่วนตัวไม่ได้
พื้นที่ชายหาด คือที่ดินที่น้ำทะเลขึ้นและลง เป็นที่ดินที่น้ำท่วมถึงและที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็น “ที่ดินสาธารณะ” สมบัติของแผ่นดินที่ให้ประชาชนใช้ร่วมกัน ซึ่งสมบัติของแผ่นดินแปลว่าบุคคลใดจะยึดถือครอบครองหรือยกเอาอายุความขึ้นต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์หรือสิทธิอื่นใดไม่ได้
ชายหาด มีสถานะทางกฎหมายเป็นพื้นที่สาธารณะที่พลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกัน ไม่มีใครสามารถเป็นเจ้าของได้
พร้อมกันนี้ต้นโพสต์ดังกล่าวยังได้หยิบยกข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพื้นที่ชายหาด รวมถึงอธิบายเรื่องการกำหนดแนวถอยร่นจากหน้าหาดไปจนถึงชายทะเลที่ส่วนใหญ่ จะต้องไม่มีการใช้ประโยชน์ที่ระยะ 30 - 50 เมตร รวมทั้งกำหนดเรื่องความสูงของอาคาร และกิจกรรมที่จะกระทบต่อชายหาดด้วย
ทวงคืนหาดยามูเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของภูเก็ต
หาดยามู เป็นส่วนหนึ่งของแหลมยามู ต.ป่าคลอก จ.ภูเก็ต เป็นชายหาดที่เงียบสงบ มีวิวทิวทัศน์สวยงาม สามารถมองเห็นเกาะแก่งต่าง ๆ ในทะเลได้อย่างชัดเจน ที่นี่ไม่มีร่มเตียงผ้าใบเหมาะกับการพักผ่อน เพราะมีความเป็นส่วนตัวสูง
หาดยามู ถือเป็นหนึ่งในหาดลับของทะเลภูเก็ต ซึ่งนักท่องเที่ยวไทยยังไม่ค่อยรู้จัก รวมถึงคนในภูเก็ตเอง
อย่างไรก็ดีแม้ว่าหาดยามูจะเป็นหาดสาธารณะ แต่กลับถูกจับจองเหมือนเป็นหาดส่วนตัว โดย นายปัณยา สำเภารัตน นายกเทศมนตรีตำบลป่าคลอก กล่าวว่า หาดยามูเป็นชายหาดที่ทุกคนสามารถเข้าไปได้ เพราะเป็นที่สาธารณะ ส่วนถนนที่ชาวบ้านใช้ขึ้นลงเป็นถนนภาระจำยอม ซึ่งทางเจ้าของโครงการ มีการทำเป็นอุโมงค์ต้นไผ่เพื่อให้สามารถใช้ขึ้นลงชายหาดได้ปกติ
สำหรับสถานที่เกิดเหตุฝรั่งเตะหมอ เป็นวิลล่าหรูที่อยู่ภายในโครงการ "Cape Yamu Villas" ของ บริษัท ภูเก็ต เพ็นนินซูล่า เอสเตท ซึ่งตั้งอยู่ริมหาดยามู มีทั้งวิลล่า และโรงแรม แบ่งเป็นวิลล่า 40 หลัง โรงแรมประมาณ 100 ห้อง เริ่มเปิดตัวโครงการมาประมาณปี 2548-2549 เป็นการลงทุนของขาวต่างชาติในลักษณะ ให้เช่าที่ดินระยะยาว ผู้เช่าเป็นผู้ลงทุนในการก่อสร้าง ขออนุญาตสร้างในนามบริษัท ภูเก็ตเพ็นนินซูล่า ปัจจุบันมีคนเช่า 100% และเป็นชาวต่างขาติทั้งหมด
ทั้งนี้หลังเกิดเหตุการณ์ฝรั่งเตะหมอ ได้มีชาวภูเก็ตและนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งเดินทางไปถ่ายรูปเช็กอินกับ “บันไดชมจันทร์” หรือ “บันไดวิลล่าฝรั่ง” สถานที่เกิดเหตุกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่สั่งรื้อถอนแนวบันไดที่รุกล้ำชายหาด และป้ายห้ามบุกรุก
นอกจากนี้ในวันที่ 3 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ประชาชนส่วนหนึ่งได้มาร่วมกิจกรรมทวงคืนหาดยามู ภายใต้สโลแกน “get out David” (จากการนัดของเพจดังเพจหนึ่ง) เพื่อทวงคืนชายหาดให้เป็นสมบัติของประชาชนทุกคน อยากให้ทุกคนได้เห็นความสวยงาม ผลักดันเป็นแลนด์มาร์กท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัดภูเก็ต
เสียงทวงคืนหาดสาธารณะทั่วไทยกระหึ่ม
เหตุการณ์ฝรั่งเตะหมอ ไม่ใช่เพียงปลุกกระแสทวงคืนหาดยามูเท่านั้น แต่ยังเป็นการปลุกกระแสการทวงคืนหลายหาดในจังหวัดภูเก็ต รวมถึงชาดหาดในหลายจังหวัดทั่วประเทศไทย
โดย ผู้ใช้เฟซบุ๊กบัยชีรายชื่อ Kanyarat Tiewsakul ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า
#เมื่อเจ้าบ้านกลายเป็นพลเมืองชั้น2
ฉันเป็นคนโลเคิล คนท้องถิ่นภูเก็ต ภูมิใจในความเป็นคนภูเก็ตเสมอมา ทำมาหากินอยู่ในวงการท่องเที่ยว ด้านให้บริการ ขายอาหาร และอีกหลากหลาย
ฉันยินดีแบ่งปันชายหาดแสนสวย ผู้คนยิ้มแย้มต้อนรับ และช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเสมอ ไม่ชอบการที่นักท่องเที่ยวถูกเอาเปรียบ และไม่ชอบให้ชาวบ้านถูกเอาเปรียบเหมือนกัน ความรู้สึกดี ๆ เหล่านี้เริ่มเสื่อมถอย เมื่อ เริ่มมีนักท่องเที่ยวแปลงกายเป็นนักธุรกิจอสังหา และอีกมากมายหลายอาชีพ เริ่มเข้ามากอบโกย จนหลายคน กลายเป็น มหาเศรษฐี จากการทำมาหากินโดยใช้ทรัพยากรของภูเก็ต และเริ่มแปลงกายแสดงศักดาด้วยอำนาจเงินที่มี ว่าตัวเองคือเจ้าของหาด เจ้าของเกาะ
พื้นที่ชายหาดสาธารณะทั้งหมดในภูเก็ต ค่อย ๆ ถดถอย คนท้องถิ่นไม่มีสิทธิ์ลงไปเดินผ่าน เดินเที่ยว กางเสื่อปิคนิคได้อีกต่อไป
คนภูเก็ตอดทนกันมามากพอแล้ว เราใจดีกันมากแล้ว
คนจากพื้นที่ทั่วประเทศทั่วโลก เข้ามาหากินกอบโกย เริ่มต้นกัดกินบ่อนทำลายภูเก็ต
ซ้ำร้ายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนไทยด้วยกัน ที่ลงมาหากินมีรายได้ มีผัวจนมีหน้ามีตา กลับหันมาแว้งกัดเจ้าบ้าน เพียงเพราะเปลี่ยนสถานะตัวเอง ใช้วาจาแทนเท้าเหยียบหัวใจเจ้าบ้าน
#ถึงเวลาที่ เจ้าหน้าทั้งภาครัฐและเอกชนรวมถึงเจ้าบ้านคนโลเคิล ที่จะต้องทวงคืน #หาดสาธารณะ มาไว้ให้ลูกหลานเราได้กลับไปกางเสื่อนอนปิคนิคกันได้หรือยัง
#ถึงเวลาตรวจสอบ การทำมาหากินของต่างชาติกันบ้างได้แล้วหรือยัง
#ถึงเวลาควบคุมคุณภาพนักท่องเที่ยวว่ามาเที่ยว หรือ #มาทำลาย
#ทำไมเจ้าบ้านจึงกลายเป็นพลเมืองชั้นสอง
#ทำไมหน่วยงานต่างๆต้องอวยนักธุรกิจต่างชาติและที่สำคัญ เขาดูถูกเราได้ เพราะใครหิวเงิน สวาปามกันจนอ้าปากกันไม่ขึ้น
#คืนชายหาดสาธารณะให้คนโลเคิล
นอกจากนี้ก็ยังมี การทวงคืน “หาดแหลมหงา” เกาะสิเหร่ จ.ภูเก็ต หาดลับที่ถูกบริษัทเอกชน ปิดกั้นถนนหลวงที่ใช้ขึ้นลงหาด หรือการเรียกร้องให้จัดระเบียบหาดกะตะ จ.ภูเก็ต ที่เต็มไปด้วยร่ม-เตียงผ้าใบมากมาย จากเพจ เสียงประชาชน คนภูเก็ต Phuket People's Voice
ขณะที่จังหวัดอื่น ๆ ก็มีการเรียกร้องให้ทวงคืนหาดสาธารณะบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี หาดบ่อไรในชะอำ จ.เพชรบุรี หรือหลายหาดในหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ รวมไปถึง “หาดปากบารา” จ.สตูล ที่เพจ Beach For Life Thailand ระบุว่าหาดแห่งนี้ถูกเอกชนอ้างสิทธิ์บนชายหาดสาธารณะ เป็นต้น
นับได้ว่าเหตุการณ์ฝรั่งเตะหมอได้สร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากหาดยามู สู่การทวงคืนหาดสาธารณะทั่วเมืองไทย
นับเป็นเอฟเฟกต์จากลูกเตะของฝรั่งชาวสวิสคนนี้ที่ช่างรุนแรงกระไรปานนั้น