ใครที่ใช้งานมือถือหนักๆ จนแบตเตอรี่หมดบ่อยๆ ทำให้ต้องพกพาวเวอร์แบงก์หรือแบตเตอรี่สำรองติดตัวเวลาเดินทาง โดยเฉพาะเมื่อนำขึ้นเครื่องบิน วันนี้ขอนำ 3 เรื่องที่ควรรู้ เมื่อนำพาวเวอร์แบงก์ขึ้นเครื่องบินที่ถูกต้องมาฝากกัน
ตรวจสอบพาวเวอร์แบงก์ที่ได้มาตรฐาน และมีการระบุขนาดความจุอย่างชัดเจน
ก่อนออกจากบ้านทุกครั้งอย่าลืมตรวจสอบพาวเวอร์แบงก์ของตนเอง โดยจะต้องได้มาตรฐานและมีเครื่องหมาย มอก.รับรอง พร้อมทั้งระบุขนาดความจุอย่างชัดเจน เนื่องจากจะมีเจ้าหน้าที่สนามบินตรวจสอบขนาดความจุอีกครั้ง หากพาวเวอร์แบงก์ที่ไม่มีการระบุความจุที่ชัดเจน หรือเกินปริมาณที่กำหนด ทางเจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้นำพาวเวอร์แบงก์ขึ้นเครื่องบินได้
ห้ามโหลดแบตเตอรี่สำรองใต้ท้องเครื่องบิน
ในระหว่างการเดินทาง แบตเตอรี่สำรองซึ่งทำจากลิเธียม อาจเกิดความร้อนสะสมจนก่อให้เกิดเปลวไฟหรือระเบิดได้ ซึ่งหากเกิดเพลิงลุกไหม้ใต้ท้องเครื่องบิน กว่าจะมีคนเห็น เพลิงอาจลุกลามขยายวงกว้างยากต่อการควบคุม แต่หากพกพาแบตเตอรี่สำรองขึ้นเครื่องบินไปด้วย เมื่อเกิดไฟลุกไหม้ ผู้โดยสารหรือลูกเรือยังอาจพบเห็น และเข้าระงับเหตุได้ทัน
ขนาดความจุของพาวเวอร์แบงก์ที่นำติดตัวขึ้นเครื่องบินได้
ผู้โดยสารสามารถนำแบตเตอรี่สำรองพกติดตัวขึ้นเครื่อง(Carry-On Baggage) ได้ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ IATA โดยขนาดความจุของแบตเตอรี่สำรองที่นำติดตัวขึ้นเครื่องได้ คือ
- หากแบตเตอรี่สำรองมีขนาดความจุ ไม่เกิน 20,000 mAh ผู้โดยสารสามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้คนละไม่เกิน 20 ชิ้น
- หากขนาดความจุเกิน 20,000 mAh แต่ไม่เกิน 32,000 mAh ผู้โดยสารสามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้คนละไม่เกิน 2 ชิ้น
หากแบตเตอรี่สำรองมีขนาดความจุเกิน 32,000 mAh จะไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ในทุกกรณี
ทั้งนี้ CAAT แนะนำให้ผู้โดยสารตรวจเช็คสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่องของท่านก่อนการเดินทาง เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยในการเดินทาง
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline