พาไปรู้จักกับ “วัดสิรินธรเทพรัตนาราม” วัดในพระนามาภิไธยใน “กรมสมเด็จพระเทพฯ” เจ้าฟ้านักพัฒนาอันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ซึ่งใครที่มีพฤติกรรมคุกคาม หยามพระเกียรติ พระองค์ท่าน นอกจากจะถูกผู้คนสาปแช่งก่นด่าแล้ว ชีวิตนี้ย่อมประสบเคราะห์ร้ายแน่นอน
วัดสิรินธรเทพรัตนารามตั้งอยู่ใน ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม เป็นวัดในพระนามาภิไธยใน “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี”
พระอารามแห่งนี้ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงประทานที่ดินจำนวน 62 ไร่ 1 งาน 40 ตารางวา เพื่อสร้างวัดในพระพุทธศาสนา (ตามเจตนาของผู้ถวายที่ดินคือนางสาวจำรูญ ภูไทย นางจำเริญ ภูไทย) เมื่อ พ.ศ. 2531 และทรงอุปถัมภ์โดยประทานทุนเริ่มแรกในการก่อสร้างพระอุโบสถ จำนวน 2,500,000 บาท เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 4 รอบ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2546
ต่อมา ในปี พ.ศ. 2537 กรมสมเด็จพระเทพฯ พระราชทานพระนามาภิไธย เป็นนามวัดว่า “วัดสิรินธรเทพรัตนาราม” พร้อมทั้งทรงรับไว้ในพระราชูปถัมภ์
วัดสิรินธรเทพรัตนารามฯ ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งชุมทางแห่งความรู้ทุก ๆด้าน รวมทั้งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชุมชนด้วย โดยวัดแห่งนี้เป็นวิทยาเขตแห่งที่ 2 ของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ซึ่งได้รับพระราชทานพระนามาภิไธยเป็นนามวิทยาเขตว่า “วิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย” และมีศูนย์เด็กเล็ก นามว่า “ศูนย์เด็กเล็กวิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย” มีมูลนิธินามว่า “มูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัย”
วัดสิรินธรเทพรัตนาราม มีสิ่งสำคัญน่าเที่ยวชม ได้แก่
• พระอุโบสถ เป็นสถาปัตยกรรมไทย 2 ชั้น สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กกว้าง 18 เมตร ยาว 37 เมตร ผนังภายในประดับด้วยหินแกรนิตและหินอ่อนบางส่วน หลังคาประดับด้วยช่อฟ้าใบระกา หน้าบันประดิษฐานพระนามาภิไธย ย่อ ส.ธ. ซุ้มประตูหน้าต่างประดับด้วยหินอ่อน และเบญจรงค์ หลังคามุงกระเบื้องสีแดง บานประตูด้านหน้าทั้ง 3 คู่ฝังมุก
ภายในอุโบสถ พื้น บันไดด้านหน้า และด้านหลัง ปูด้วยหินแกรนิต เสาภายในประดับด้วยไม้สัก และหินอ่อน บัวหัวเสาภายนอกประดับด้วยปูนปั้น ซุ้มเหนือหน้าต่างภายในประดับด้วยเบญจรงค์ ซุ้มหน้าต่างภายนอกประดับด้วยหินอ่อนปูนปั้นบางส่วน มีตราวัด ส.ธ. เขียนลายเบญจรงค์ทุกซุ้ม เหนือประตูหน้าตรงข้ามพระประธานเขียนลายธรรมจักร 37 ซี่ เส้นผ่าศูนย์กลาง 3.30 เมตร ฐานชุกชีพระประธาน ประดับด้วยหินอ่อนและหินแกรนิต ในซุ้มพระประธานเขียนลายเทพพนม ฝาผนังเหนือหน้าต่างเขียนลายทรงพุ่มข้าวบิณฑ์
• พระประธานในพระอุโบสถเป็นพระพุทธสิหิงค์จำลอง ลงรักปิดทอง หน้าตักกว้าง 80 นิ้ว มีอักษรพระนามาภิไธยย่อ ส.ธ. ประดิษฐานที่ผ้าทิพย์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีทรงเททองหล่อพระประธาน ทรงยกช่อฟ้าอุโบสถ และทรงเปิดป้ายสนามกีฬาศูนย์เด็กเล็ก ในวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2546
• พระรูปเหมือนพระพรหมมุนี (ผิน สุวโจ) ขนาดหน้าตักกว้าง 29 นิ้ว อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร องค์ที่ 4
• พระรูปเหมือนสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ขนาดหน้าตักกว้าง 29 นิ้ว
• ศาลาการเปรียญ เป็นอาคารทรงไทย 2 ชั้น ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
สำหรับ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หรือที่คนไทยนิยมเรียกพระองค์ท่านสั้น ๆ ว่า “กรมสมเด็จพระเทพฯ” เป็นเจ้าฟ้านักพัฒนาอันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย พระองค์ท่านทรงประกอบพระราชกรณียกิจในด้านต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาสังคม การศึกษา สิ่งแวดล้อม ศิลปวัฒนธรรม ทรงพระราชทานพระราชดำริให้มีโครงการในพระราชดำริส่วนพระองค์หลายหลากโครงการ โดยเฉพาะงานด้านการพัฒนา ซึ่งพระองค์ทรงเรียนรู้งานจากการตามเสด็จพระราชดำเนินพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไปทรงเยี่ยมราษฎรในถิ่นทุรกันดารต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ดังนั้นใครที่มีพฤติกรรมหยามพระเกียรติ จาบจ้าง คุกคาม พระองค์ท่าน นอกจากจะถูกผู้คนสาปแช่งก่นด่าแล้ว ชีวิตนี้ย่อมประสบแต่เรื่องไม่ดีแน่นอน
############################
ภาพและข้อมูลบางส่วนจาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 177 กันยายน 2558 โดย สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์