ครั้งแรกในไทยเปิด “วังพญาไท” ให้ชมยามค่ำคืนในรูปแบบ “NIGHT MUSEUM” ฉลองครบรอบ 101 ปี ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.-16 มี.ค. 67 เวลา 18.00 - 21.30 น. ภายในงานตื่นตาตื่นใจกับการแสดงศิลปะ แสงสี MAPPING บนตัวอาคาร สักการะ “ท้าวหิรัญพนาสูร” ชมสถาปัตยกรรมภายในวัง พร้อมกันนี้ทางผู้จัดยังตั้งเป้าพัฒนางานฉลองวังสู่งานสมโภชระดับโลก
ย้อนอดีตวังพญาไท
“พระราชวังพญาไท” หรือที่คนส่วนใหญ่นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า “วังพญาไท” มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษ โดยเมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว ถนนราชวิถีที่ตั้งของวังแห่งนี้ยังคงเป็นเพียงถนนสายสั้น ๆ เริ่มต้นจากริมแม่น้ำเจ้าพระยา มาสุดด้านหลังพระราชวังดุสิต ที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานนามถนนสายนี้ว่า “ถนนซังฮี้” อันเป็นคำมงคลของจีน มีความหมายว่า “ยินดีอย่างยิ่ง” ภายหลังในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานนามใหม่ว่า “ถนนราชวิถี”
บริเวณปลายถนนซังฮี้ ตอนตัดใหม่นั้นเป็นสวนผักและไร่นา มีคลองสามเสนไหลผ่าน พื้นที่ยังโล่ง กว้าง อากาศโปร่งสบาย จึงเป็นที่ต้องพระราชหฤทัยของพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นอันมาก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ซื้อที่ดินประมาณ 100 ไร่ เศษ จากชาวนาชาวสวนบริเวณนั้น เพื่อใช้ทดลองปลูกธัญพืช และเป็นที่ประทับสำราญพระราชอิริยาบถ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2452 ได้เริ่มก่อสร้าง “พระตำหนักพญาไท” ซึ่งชาวบ้านนิยมเรียกกันต่อมาว่า “วังพญาไท” โดย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นพระตำหนักเป็นที่ประทับ รวมถึงพื้นที่บริเวณตรงข้ามกับพระตำหนัก ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพื้นที่สำหรับเสด็จ ฯ ทอดพระเนตรการทำนา ปลูกผักและเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งโรงนาที่ได้พระราชทานนามว่า “โรงนาหลวงคลองพญาไท” พร้อมกับตั้งการพระราชพิธีเริ่มนาขวัญ “พระตำหนักพญาไท” เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในระยะเวลาเพียงอันสั้น และได้เสด็จสวรรคต ในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453
เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงย้ายมาประทับ ณ พระตำหนักแห่งนี้เป็นการถาวร ตราบจนเสด็จสวรรคต เมื่อปี พ.ศ. 2462 หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อพระตำหนักพญาไท พระราชทานแก่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงกรุงเทพฯ คงไว้เพียง พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ ซึ่งเป็นท้องพระโรง
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกขึ้นเป็น “พระราชวังพญาไท” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมชนกาธิราช และ สมเด็จพระบรมราชชนนี และให้สร้างพระที่นั่งขึ้นใหม่หลายองค์ด้วยกัน กระทั่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีเฉลิมพระที่นั่งตามพระราชประเพณี เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2465 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของพระราชวังสำคัญแห่งหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ชาติไทย โดย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ประทับ ณ พระราชวังแห่งนี้ไปโดยตลอดจนปีสุดท้ายแห่งรัชกาล อีกทั้ง พระราชวังพญาไท ยังมีความสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ เป็นที่ตั้งของ “ดุสิตธานี” เมืองจำลองประชาธิปไตยตามพระราชดำริอีกด้วย
ต่อมาในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ กรมรถไฟหลวง ปรับปรุงพระราชวังพญาไทเป็นโรงแรมชั้นหนึ่งสำหรับให้ชาวต่างชาติ ตามที่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชประสงค์ไว้ สำหรับรองรับพระราชดำริการจัดงานสยามรัฐพิพิธภัณฑ์ “โฮเต็ลพญาไท” เริ่มดำเนินกิจการเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2468
ในระหว่างนั้นได้มีการใช้พระราชวังพญาไทเป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งแรกของสยาม ออกอากาศเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473 กรมรถไฟได้ดำเนินการโฮเต็ลพญาไทไปจนถึง เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2475 และปิดกิจการลง เนื่องจากเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครอง
ในเวลาต่อมากองทัพบกได้ปรับปรุงพระราชวังพญาไทให้เป็นสถานพยาบาล ได้มีการสร้างโรงพยาบาลทหารบกขึ้น ในบริเวณใกล้เคียงกับพระราชวัง และด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ขนานนามโรงพยาบาลเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติว่า “โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า”
หลังจากนั้นพระราชวังพญาไทถูกปรับเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับประชาชนมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งยังคงเหลือพระที่นั่งที่สร้างครั้งรัชสมัยรัชกาลที่ ๕ เพียงองค์เดียว คือ พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ ส่วนพระที่นั่งองค์อื่น ๆ ล้วนสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๖ โดยมีนามคล้องจองกัน ได้แก่ ไวกูณฐเทพยสถาน พิมานจักรี ศรีสุทธนิวาส เทวราชสภารมย์ อุดมวนาภรณ์ ตามลำดับ
สำหรับลักษณะของสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของ พระราชวังพญาไท คือ หอคอยสูงและหลังคายอดแหลมของพระที่นั่งพิมานจักรี ภายในมีภาพเขียนแบบปูนเปียกเป็นลวดลายงดงามแบบตะวันตก
ฉลองใหญ่ 101 วังพญาไท
วันนี้เนื่องจากพระราชวังพญาไทมีอายุครบ 101 ปี ทาง “มูลนิธิอนุรักษ์พระราชวังพญาไท” (เดิมคือชมรมคนรักวัง) ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี จึงมีกำหนดจัดงานฉลอง “101 ปี พระราชวังพญาไท” THE GLORY OF SIAM ขึ้นในระหว่างวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 จนถึง วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2567 ตั้งแต่เวลา 18.00 - 21.30 น. ณ พระราชวังพญาไท บนถนนถราชวิถี ภายในงานพาสัมผัสมิติใหม่ของพระราชวังพญาไทในรูปแบบ “พิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน” (NIGHT MUSEUM) เป็นครั้งแรกในเมืองไทย
ทั้งนี้ทางคณะดำเนินงาน ได้ออกแบบการแสดง แสง สี เสียง สื่อผสม รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ โดยเริ่มจำหน่ายบัตรเข้าชมงานตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา ผ่าน 3 ช่องทาง คือ Agoda, KKday, Zipevent
สำหรับผู้มาร่วมงาน 101 ปี พระราชวังพญาไท จะได้พบกับสิ่งน่าสนใจ และไฮไลต์เด็ด ดังนี้
FREE AREA
โซนที่ 1 ARCHITECTURE LIGHTING & PROJECTION MAPPING : การฉายภาพแสง กับงานออกแบบภาพเคลื่อนไหวภายใต้จุดกำเนิด พระราชวังพญาไท ร่วมกับการแสดงศิลปะสถาปัตยกรรมบนตัวอาคาร พระที่นั่งพิมานจักรี และ พระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน
โซนที่ 2 ARCHITECTURE LIGHTING & INTERIOR LIGHTING : นิทรรศการจัดแสดงแสงไฟเพื่อชื่นชมสถาปัตยกรรมภายใน อันงดงาม ณ พระที่นั่งเทวราชสภารมย์
TICKET AREA
LIGHTING INSPIRATIONS พบกับแรงบันดาลใจจากผลงานบทพระราชนิพนธ์ของ ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ ในการสร้างสรรค์ผลงานไฟที่วิจิตรตระการตา บนพื้นที่ประวัติศาสตร์
โซนที่ 3 PROJECTION MAPPING : โดยได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากบทพระราชนิพนธ์ ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ ภายใน ห้องธารกำนัล หรือ ห้องรับแขก
โซนที่ 4 PROJECTION MAPPING & LIGHTING INSTALLATION : สัมผัสจินตนาการ งานศิลปะเคลื่อนไหวในโลกของพระราชวังโบราณผสานจินตนาการ ของงานจัดแสดงแสง สี เสียงที่น่าอัศจรรย์ พร้อมนำ บทพระราชนิพนธ์ “มัทนะพาธา” ที่วรรณคดีสโมสรยกย่องให้เป็นยอดแห่งบทละครพูด คำฉันท์ ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ ของ ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ มาเป็นตัวดำเนินเรื่อง โดยโซนนี้ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ในการจัดแสดงไฟ โดยจะมีการยิง PROJECTION MAPPING เข้าตัวอาคารพระราชวังด้านหลัง ทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง
โซนที่ 5 LIGHTING INSTALLATION & MAPPING ON THE BIG GIANT TREE WITH THE GLASS SCREENS : สัมผัสงานอาร์ตกับการจัดแสดงแสงไฟนับพันดวงที่ประดับประดาบริเวณสนามหญ้า และ ต้นไม้ยักษ์ ตื่นตากับเทคนิค Glass Screens สวยงามมีมิติ
โซนที่ 6 LIGHTING INSTALLATION : เปิดประสบการณ์และดื่มด่ำไปกับความงดงามของดอกบัวนับพันดอก ด้วยเทคนิคไฟย้อมสี ณ เส้นทางเดินไปสักการะ “ท้าวหิรัญพนาสูร” พร้อมพักผ่อน และ ดื่มด่ำไปกับเครื่องดื่มไทยแท้ที่ร้านกาแฟนรสิงห์ ร้านคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ในอาคาร เทียบรถพระที่นั่ง ณ บริเวณด้านหน้าพระที่นั่งพิมานจักรี โดยจะเปิดให้บริการเป็นพิเศษในช่วงเวลา 16.00 - 20.30 น. ตลอดค่ำคืนแห่งการแสดงแสงเสียงของการเฉลิมฉลอง “101 ปี พระราชวังพญาไท” THE GLORY OF SIAM
นอกจากการแสดงและกิจกรรมต่าง ๆ ตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ทางผู้จัดยังเป้าพัฒนางานฉลอง 101 วังพญาไทสู่งานสมโภชระดับโลกอีกด้วย
#################################
พระราชวังพญาไท หรือ วังพญาไท ณ ตั้งอยู่บนถนนราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร
เนื่องจากปัจจุบันที่ตั้งของวังแห่งนี้อยู่ภายในรั้วเดียวกับโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า การเดินทางมายังพระราชวังพญาไทจึงสามารถเลือกการเดินทางได้หลายวิธี อาทิ
รถยนต์ส่วนบุคคล : เดินทางโดยรถยนต์ เลี้ยวเข้าถนนราชวิถีและขับตรงไปประมาณ 500 เมตร จะเห็นโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าอยู่ทางขวามือ ให้เลี้ยวขวาเพื่อจอดรถภายในโรงพยาบาล
รถโดยสารประจำทางสาย : เดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะ สาย 8, 12, 14, 18, 28, 92, 97, 108, ปอ.92, 509, 522, 536, ปอ.พ.4
รถไฟฟ้าบีทีเอส : เดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท ลงที่สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ออกทางออกที่ 3 (ลงฝั่งโรงพยาบาลราชวิถี) ข้ามสะพานลอยไปฝั่งตรงข้ามแล้วเดินทางเท้าตรงมาเรื่อยๆ ทางแยกตึกชัย จนถึงโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและ อัปเดตงาน “101 ปี พระราชวังพญาไท” THE GLORY OF SIAM ได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ และ อินสตาแกรม 101wangphyathai
หมายเหตุ : ภาพจาก ประชาสัมพันธ์ งาน “101 ปี พระราชวังพญาไท” THE GLORY OF SIAM