หลักจากเกิดเป็นกระแสดรามาในโลกโซเชียล เมื่อ “หลวงพี่โจ” พระผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่พรุ จ.ตรัง โพสต์คลิปรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นแบบฉ่ำๆ 7 วัน 7 คืน จนทำทัวร์ลงยับ แม้ว่ามีการลบคลิปวิดีโอรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว แต่ยังคงมีการโพสต์รูปเที่ยวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ที่ “วัดสึกิจิฮงวานจิ” วัดเก่าแก่ที่สำคัญย่านสึกิจิ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น วันนี้จึงขอพาทุกคนมารู้จักประวัติความเป็นมาของวัดแห่งนี้กัน
“วัดสึกิจิฮงวานจิ” (Tsukiji Hongwan-ji Temple) ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าสึกิจิ และใกล้กับตลาดปลาสึกิจิ แหล่งขายอาหารทะเลสดๆ ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยชอบไปลิ้มรสปลาดิบและอาหารทะเลหลากชนิด
สำหรับความเป็นมาของวัดแห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นในสมัยเอโดะตอนต้นในปี 1617 ในชื่อเอโดะ-อาซากุสะ เป็นวัดพุทธที่อยู่ในนิกาย Jodo Shinshu Hongwanji-ha หรือที่รู้จักในชื่อพุทธศาสนา Shin (โดยมีวัดใหญ่คือ วัดนิชิ ฮงวาน-จิ) ซึ่งในขณะนั้นวัดตั้งอยู่บริเวณย่านอาซากุสะ โดยอาคารเดิมของวัดถูกทำลายในเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1657
จากนั้นได้มีการสร้างอาคารของวัดขึ้นใหม่ในบริเวณปัจจุบัน (ย่านสึกิจิ) มีลักษณะเป็นอาคารที่มีหลังคาขนาดใหญ่ ห้องโถงหลักกลายเป็นจุดสังเกตสำหรับเรือที่เข้ามายังท่าเรือเอโดะ ส่วนตัวอาคารจะรู้จักกันดีว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้
ต่อมาได้มีการสร้างอาคารขึ้นใหม่หลายครั้งจนถึงสมัยเมจิ (1868-1991) ห้องโถงหลักที่ทำจากไม้ถูกทำลายในเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่คันโตในปี 1923 สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลให้แก่ภูมิภาคคันโตในประเทศญี่ปุ่น เหตุการณ์ดังกล่าวทำลายอาคารบ้านเรือนในโตเกียวถึงเกือบครึ่งหนึ่งรวมถึงวัดแห่งนี้ด้วย
ไม่นานได้มีการสร้างวัดสึกิจิฮงวานจิขึ้นอีกครั้งแล้วเสร็จในปี 1934 เป็นอาคารโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น โดยมีสถาปนิกคือ “ชูตะ อิโตะ” (Chûta Ito) เป็นผู้ออกแบบ ซึ่งแทนที่เขาจะทำตามรูปแบบวัดญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม “โคซุย โอทานิ” เจ้าอาวาสคนที่ 22 ของวัดนิชิ ฮงวาน-จิ ขอให้เขาตีความสถาปัตยกรรมวัดของอินเดีย แหล่งกำเนิดของพุทธศาสนา และสิ่งปลูกสร้างที่เขาสร้างขึ้นใหม่
ปัจจุบันวัดสึกิจิฮงวานจิ สร้างด้วยหินแกรนิต ส่วนกลางมีหลังคาโค้งมนขนาดใหญ่ปิดด้วยแผ่นทองแดงเหนือปีกทั้งสองข้าง มีหอระฆังและหอกลอง หน้าจั่วโค้งอันเป็นเอกลักษณ์ครอบคลุมทางเข้าหลักไปยังหอสักการะและทางเข้าเล็กๆ ทางด้านซ้ายและขวา แม้ว่าการตกแต่งภายในจะใช้สไตล์โจโดชินชูแบบดั้งเดิม แต่ภายนอกก็ผสมผสานคุณลักษณะต่างๆ จากสถาปัตยกรรมอินเดียเข้าด้วยกัน อย่างเช่น หน้าจั่วทางเข้า การตกแต่งเสาหลัก ยอดแหลมเหนือหลังคา และรายละเอียดการตกแต่งอื่นๆ ผสมผสานกันเพื่อสร้างรูปลักษณ์โดยรวมที่กลมกลืน
ห้องโถงหลักแห่งนี้เป็นเอกลักษณ์ของชูตะ อิโตะ ในการสร้างสถาปัตยกรรมแบบตะวันออกโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ และการออกแบบที่โดดเด่นของตัวอาคาร ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นอัญมณีแห่งยุคฟื้นฟูหลังแผ่นดินไหวของโตเกียว กำแพงหินโดยรอบและเสาประตู ที่สร้างขึ้นในเวลาเดียวกันมีการออกแบบที่คล้ายกัน
และ ในปี 2014 โถงสักการะหลักของวัด เสาประตู (ประตูหลัก ประตูทิศเหนือ และประตูทิศใต้) และกำแพงหินถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ
(สำหรับที่มาของคำว่า “สึกิจิ” หมายถึง “ที่ดินถมทะเล” และหมายถึงต้นกำเนิดของบริเวณที่วัดตั้งอยู่)
วิธีการเดินทางไปยัง “วัดสึกิจิฮงวานจิ” ให้นั่งรถไฟฟ้า Tokyo Metro Hibiya Line ไปลงที่สถานีสึกิจิ (Tsukiji Station) ทางออก 1 จากนั้นเดินไปยังวัดอีกเพียง 50 เมตร ก็ถึงแล้ว
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline