วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ จัดพิธีถวายคืน “พระแสงราวเทียน“ ของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ที่หายสาบสูญไปนาน ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวดีก่อนการจัดงานใหญ่ สมโภชครบรอบ 338 ปี ในระหว่างวันที่ 27 ธ.ค.66-2 ม.ค.67
วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ โพสต์ถึงอีกหนึ่งเรื่องราวดี ๆ ก่อนจัดงานใหญ่สมโภช 338 ปี ผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร l Mahathatu Temple Bangkok ดังนี้
พิธีถวายคืน “พระแสงราวเทียน“ แด่ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
.....................................................
“พระแสงราวเทียน” ของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
ที่สูญหาย ได้กลับมาพร้อมงานสมโภชครบรอบ 338 ปี
วันที่ 25 ธันวาคม 2566 เวลา 9.30 น.
อ.ปริญญา สัญญะเดช นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญศาสตราวุธ
ซึ่งเคยบวชที่วัดมหาธาตุฯ ประมาณปี 2544
ได้รับทราบข้อมูลและรูปพรรณของพระแสงราวเทียน จากอัลบั้มเก่า
และการบอกเล่าของพระพรหมวชิราธิบดี อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุฯ
จึงพยายามสืบเสาะ ค้นหาพระแสงสำคัญองค์นี้มาโดยตลอด
จวบจนกระทั่งไม่นานมานี้ มีผู้รู้แจ้งเบาะแสให้ตามไปพบ
พิจารณาจนมั่นใจในลักษณะ รูปทรงดาบ เนื้อโลหะ และการประดับตกแต่งติดตั้งราวเทียน จึงนำกลับคืนมาเก็บรักษาไว้ และติดต่อพระผู้ใหญ่แห่งวัดมหาธาตุฯ
โดยทาง วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
ได้จัดพิธีสวดเจริญชัยยะมงคลคาถา และเตรียมจัดแสดงพระแสงราวเทียน
ที่ สมเด็จกรมพระบวรมหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ถวายเป็นพุทธบูชาก่อนสิ้นพระชนม์
พระแสงราวเทียน คือพระแสงดาบคู่พระทัยที่สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงใช้ในการศึกตลอดพระชนม์ชีพ เพื่อกู้บ้านเมืองจากข้าศึก ด้วยความผูกพันศรัทธายาวนาน ที่ทรงมีต่อวัดมหาธาตุฯ ที่เคยเป็นจุดหลบภัย ทรงสถาปนาให้เป็นพระอารามหลวงแห่งแรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
และทรงบรรพชาที่วัดนี้ ทำให้ในคราวประชวรหนักช่วงปลายพระชนม์ชีพ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ได้เสด็จพระราชดำเนินจากวังหน้า
มากราบลาสักการะพระประธานในพระอุโบสถใหญ่
น้อมถวายพระแสงทำเป็นราวเทียนเพื่อเป็นพุทธบูชา
หลังจากนั้นไม่นานก็เสด็จสวรรคต
อ.ปริญญา สัญญะเดช ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตราวุธ
ได้ศึกษาเรื่องพระแสงราวเทียนมานานกว่าสามสิบปี
อธิบายลักษณะของพระแสงราวเทียนว่า
เดิมเป็นดาบญี่ปุ่นที่ผลิตในสมัยเอโดะ ซึ่งนิยมใช้ในการสู้รบ
เนื่องจากมีความคมแกร่ง และผลิตโดยช่างฝีมือแห่งยุคสมัย เรียกว่าดาบมังกร เมื่อจะทำให้เป็นราวเทียนบูชา ก็ได้ลบปลาย ลบคม และถอดด้ามออก ตกแต่งเป็นเศียรและหางนาคตามพระราชนิยม
ซึ่งเป็นมงคลเทียบเคียงกัน
ข้อสังเกตสำคัญคือการที่ทรงตัดสินพระทัยจะถวายเป็นพุทธบูชา
ย่อมหมายถึงทรงมีพระราชประสงค์จะตัดขาดจากการสู้รบฆ่าฟันที่ต้องทรงกระทำมาตลอดพระชนม์ชีพ
ดาบจึงถูกทำให้หมดคมสิ้นสภาพความเป็นอาวุธ
เปลี่ยนเป็นราวเทียนให้แสงแห่งปัญญาถวายเป็นพุทธบูชา
..................................
ขอเชิญชมพระแสงราวเทียนอย่างใกล้ชิด
และชมสิ่งของสำคัญในประวัติศาสตร์
อาทิ เครื่องโต๊ะเครื่องตั้ง, คัมภีร์และผ้าห่อพระคัมภีร์ ฯลฯ
ตลอดช่วงงานสมโภชวัดมหาธาตุ 338 ปี
ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2567
พร้อมทั้งสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นมงคล ชมตลาดวัฒนธรรม อาหารไทย
แพทย์และนวดแผนไทย ฟังดนตรี เจริญสมาธิและสวดมนต์ข้ามปี
ทั้งนี้เมื่อจบงาน วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
จะเชิญพระแสงราวเทียนนี้เก็บรักษามิดชิดเป็นการถาวรต่อไปแด่ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
สำหรับวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ฯ วันนี้มีอายุครบ 338 ปี ทางวัดจึงร่วมมือกับหลายภาคส่วน จัดงาน “บุญสมโภชครบรอบ 338 ปี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์พระอารามหลวง กรุงเทพฯ” ขึ้น ในระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 66 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2567 เวลา 07.00 – 22.00 น. เพื่อบูรณปฎิสังขรณ์วัดและพระเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระปฐมบรมราชชนก คือพระราชบิดาของรัชกาลที่ 1 และพระอัฐิของสมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาสุรสิงหนาทฯ หรือวังหน้าในรัชกาลที่ ๑ ผู้ทรงสถาปนาวัด
ภายในงานมีกิจกรรมน่าสนใจ อาทิ พิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชพระอารามและถวายเพล, การบรรยายและเสวนาพระธรรมทูต, พิธีเจริญจิตตภาวนา สวดมนต์ข้ามปี (31 ธ.ค.66-1 ม.ค.67), นิทรรศการพิเศษ 338 ปี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ฯ, การประดับไฟ แสง สี ตระการตาภายใต้แนวคิด “การเดินทางด้วยแสงแห่งปัญญา : JOURNEYING THROUGH LIGHT OF WISDOM”, การแสดงดนตรีไทยร่วมสมัยประกอบแสงไฟ, การแสดงทางวัฒนธรรม อย่างเช่นดนตรีไทย, โขน, รำไทย, ลิเก
กิจกรรม ตลาดวันวาน ย่านวังหน้า ร.ศ.241, กิจกรรมคิดถึงวันวาน ย่านวังหน้า : ลิ้มรสอาหารอร่อยแบบไทยโบราณ, แพทย์แผนไทย นวดบำบัด ตำรับยาโบราณ พยากรณ์ดวงชะตา เลือกซื้อของเก่าของสะสม Workshop & DIY และสอยกัลปพฤกษ์ เป็นต้น
นอกจากนี้ทางวัดมหาธาตุฯ ยังเปิดให้ร่วมบริจาคทรัพย์ 339 บาท รับพระสมเด็จอรหัง 1 องค์ พระสำคัญสุดยอดความศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ สนามหลวง โดยสมเด็จพระสังฆราชสุก (สุกไก่ เถื่อน) เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 4 ในรัชกาลที่ 1 เป็นผู้ริเริ่มสร้างเมื่อกว่าร้อยปีก่อน เป็นที่ระลึกเพื่อการบูชา (จัดส่งถึงบ้าน) ทุกบาทมีค่า เป็นมหากุศล ร่วมบุญได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ ชื่อบัญชี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ สมโภชพระอาราม เลขที่บัญชี 905-0-22750-4