แม้วัดเป็นศาสนสถานสำคัญของศาสนาพุทธ ที่น่าจะทำให้เรารู้สึกสงบเย็นใจ แต่เรื่องเล่าชวนขนหัวลุกนั้นก็มักเกี่ยวข้องกับวัดบางแห่งด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะวัดเก่าที่มีตำนานเล่าขาน เฉกเช่น “วัดพลับพลาชัย” ที่ในอดีตขึ้นชื่อเรื่องความเฮี้ยน จนติดอันดับเสมอมา
วัดพลับพลาชัย ตั้งอยู่บนถนนหลวง บริเวณห้าแยกพลับพลาไชย (สะกดต่างจากวัด) เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ รัชกาลที่ ๑ เมื่อครั้งที่ยังเป็นเจ้าพระยาจักรี ทหารในสมเด็จพระเจ้าตากสิน ได้โปรดให้ทำนาในบริเวณนี้ ที่มีลักษณะเป็นโคกใหญ่ (เนินดินขนาดใหญ่) และได้ให้ตั้งคอกวัวไว้ที่นี่ด้วย ชาวบ้านในแถบนี้จึงเรียกชื่อวัดว่า วัดโคก หรือ วัดคอก
จนมาถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖ ทรงเปลี่ยนนามของวัดแห่งนี้ใหม่ เป็น “วัดพลับพลาชัย” เนื่องจากเป็นสถานที่ตั้งพลับพลาในการซ้อมรบของกองเสือป่ารักษาดินแดน
ตำนานความสยองขวัญของวัดแห่งนี้ สืบเนื่องมาจากประวัติศาสตร์ของลานหน้าวัดเคยใช้เป็นลานประหาร เนื่องจากเหล่านักโทษสามัญชนทั่วไปในสมัยก่อนไม่ประหารในเขตพระนคร หรือเขตพระราชฐาน ทางการจึงเลือกบริเวณใกล้ๆซึ่งคือลานหน้าวัดพลับพลาชัย
คดีประหารที่ลานวัด ซึ่งเลื่องลือมากในสมัยรัชกาลที่ ๕ คือ การประหาร “อีอยู่” หรือนางอยู่ ผู้เป็นเมียคุณพระ แต่ไปเล่นชู้กับทาสชาย ต่อมาทาสชายก็เล่นชู้กับ “อีเกลี้ยง” ทาสหญิงด้วยกัน เมื่อนางอยู่ทราบประกอบกับหลังจากนั้นโดนคุณพระจับความผิดได้ ด้วยพิษแห่งความหึงหวงรวมทั้งโมโหคิดว่าอีเกลี้ยงนำความไปฟ้องคุณพระ นางอยู่จึงลงโทษและทรมานอีเกลี้ยงจนถึงแก่ความตาย
นางอยู่ให้ทาสคนอื่นรีบนำศพอีเกลี้ยงไปฝังที่วัด แต่ด้วยการตายที่ผิดปกติไม่ยอมให้สัปเหร่อตรวจสอบดูก่อน จึงหาวัดฝังไม่ได้ ทำให้ไม่รอดพ้นสายตาของพลเมืองดีที่นำความไปแจ้งกรมนครบาลให้มีการชันสูตรศพ จนกระทั่งสืบสาวความผิดทราบถึงสาเหตุ ก่อนจะนำไปสู่การพิจารณาคดีที่พิพากษาให้เฆี่ยนนางอยู่ 3 ยก (รวม 90 ครั้ง) และให้นำไปประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะ
มีเรื่องเล่ากันว่างานประหารครั้งนั้น มีผู้คนแห่ไปดูเป็นจำนวนมากจนศาลาวัดหนึ่งพังลงมาแต่ไม่มีใครเป็นอะไร ส่วนนางอยู่เมื่อโดนตัดศีรษะก็ถูกนำไปเสียบประจาน พร้อมปล่อยให้ฝูงแร้งลงมากินศพ (สมัยก่อนชาวบ้านจึงเรียกที่นี่ว่าวัดโคก หรือวัดโคกอีแร้ง เพราะเป็นเนินดินขนาดใหญ่สำหรับทำนา และมีแร้งจำนวนมาก)
เมื่อกาลเวลาผ่านไปหลายยุคสมัย มีการขุดสร้างอาคารต่างๆละแวกนั้นจึงยังเคยมีการพบโครงกระดูกที่ไร้หัว รวมถึงเรื่องเล่าสยองขวัญที่โรงเรียนวัดพลับพลาชัย จนทำให้วัดเก่าแก่แห่งย่านพลับพลาไชยติดอันดับวัดผีดุไปดดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป เรื่องราวความน่ากลัวจากอดีตก็ค่อยๆเลือนหายไปด้วย เหลือเป็นเรื่องเล่าเชิงประวัติศาสตร์ปนสยองให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline