อาคารสีขาวบริสุทธิ์สถาปัตยกรรมทรงโดมสีทองอร่ามเรืองรองตั้งอยู่ใจกลางกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน เป็นความงดงามน่าตื่นตะลึงแก่ผู้มาเยือนของ “มัสยิดสุลต่าน โอมาร์ อาลี ไซฟุดดิน” (Sultan Omar Ali Saifuddien Mosque) ศาสนสถานของศาสนาอิสลามที่มีความสำคัญต่อชาวบรูไน และยังกล่าวได้ว่าเป็นมัสยิดที่วิจิตรอลังการที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย
มัสยิดสุดวิจิตรของบรูไน ถือเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญในการจัดพระราชพิธีเสกสมรสระหว่าง “เจ้าชายอับดุล มาทีน” กับ “อานิชา อิซา คาเลบิก” โดยมีกำหนดพระราชพิธีทางศาสนาฉลองการเสกสมรสในวันที่ 11 มกราคม 2024 ณ มัสยิดแห่งนี้
มัสยิดสุลต่าน โอมาร์ อาลี ไซฟุดดิน เสมือนหนึ่งในภาพแทนสัญลักษณ์ของประเทศบรูไน เป็นศูนย์รวมใจของชาวมุสลิมในประเทศ ซึ่งสร้างไว้ในสมัยของ “สุลต่าน โอมาร์ ไซฟุดดินที่ 3" (Omar Ali Saifuddien III )” สุลต่านบรูไนองค์ที่ 28 และเสร็จสมบูรณ์ใน ปี ค.ศ.1958
ความวิจิตรที่ปรากฏต่อสายตานั้น มีความเป็นสถาปัตยกรรมรูปแบบยุคใหม่ ผสมผสานระหว่างกลิ่นอายศิลปะอิสลามิกกับสถาปัตยกรรมตะวันตก โดยผู้ออกแบบการสร้าง คือ คาวาลิแอร์ รูดอล์ฟโฟ โนลลี (Cavaliere Rudolfo Nolli ) สถาปนิกชาวอิตาเลียน
ข้อมูลจากหนังสือศิลปะอาเซียน โดย “รศ.ปิยะแสง จันทรวงศไพศาล” อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ศิลป์อาเซียน มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบุความโดดเด่นของศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ไว้ว่า
มัสยิดมีพื้นฐานมาจากสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์โมกุลของอินเดีย รวมเข้ากับสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบอิตาลี ได้รับอิทธิพลจากต้นแบบคือ “ทัชมาฮาล” ซึ่งเป็นแบบอย่างที่สวยที่สุดของสถาปัตยกรรมโมกุลในอินเดีย อาคารมัสยิดมีความสูง 52 เมตร ยอดกึ่งกลางคือส่วนโดมรูปหัวหอมตามแบบอย่างสถาปัตยกรรมอิสลาม ที่สำคัญนั้นคือโดมดังกล่าวเป็น “โดมทองคำ”สร้างขึ้นจากทองคำแท้ทั้งหมด ใช้แผ่นทองคำจำนวน 3.3 ล้านแผ่นในการสร้าง
บริเวณทิศทั้งสี่ที่รายล้อมรอบมัสยิดสร้างด้วยเสาสูงแบบอาหรับ ยอดโดมขนาดเล็กทั้งหมดหล่อสร้างขึ้นจากทองคำแท้ ส่วนด้านนอกเป็น “หออะซาน” สร้างขึ้นจากหินอ่อนทั้งหลัง ออกแบบผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบเรอเนซองส์และอิตาเลียน และจากจุดนี้ในชั้นบนสุด จะสามารถชมทิวทัศน์โดยรอบของกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน เมืองหลวงแห่งบรูไนได้ทั้งหมด
การออกแบบตกแต่งภายในมัสยิดซึ่งเป็นโถงกว้างสำหรับประกอบพิธีทางศาสนา หลังคาโค้งด้านในประดับโคมระย้าอย่างงดงาม ผนังต่างๆใช้สีเขียวขอบลวดลายสีเหลือง ด้านในมัสยิดทั้งหมดได้รับการออกแบบแบบประยุกต์ด้วยศิลปะอาหรับกับศิลปะตะวันตก อาทิ การใช้กระจกสีเตนกลาสประดับหน้าต่าง หลังคาโค้งและ เสาหินอ่อนแบบกรีก รวมทั้งวัสดุต่างๆที่ใช้ในการก่อสร้าง นำมาจากสถานที่ผลิตใจแหล่งต่างๆ ได้แก่ หินอ่อนจากอิตาลี หินแกรนิตจากเซี่ยงไฮ้ คริสตัลจากอังกฤษ และพรมจากซาอุดิอาระเบีย เป็นต้น
บริเวณด้านหน้ามีการสร้างทะเลสาบจำลองขนาดใหญ่ และบนกลางสระนั้นมีการจำลองเรือพระราชพิธี (Royal barge) มาประดับไว้ นับเป็นจุดเด่นอีกประการหนึ่งที่ช่วยเสริมความงามให้กับทัศนียภาพของมัสยิด
บริเวณโดยรอบยังแวดล้อมไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ มีสะพานที่มีราวสีเขียวข้ามแม่น้ำจากมัสยิดเชื่อมไปถึงหมู่บ้านดั้งเดิมของบรูไน เรียกว่า “กัมปง อะเยอร์ (Kampong Ayer)” หรือ หมู่บ้านกลางน้ำ (village in the water) อันเป็นความหมายถึงความเชื่อมโยงระหว่างชุมชนและมัสยิด
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline
