xs
xsm
sm
md
lg

ที่สุดของความอลังการ! กับมหกรรมความด้านยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน Sustainability Expo 2023 ที่อยากจะเชิญชวนทุกคนมาร่วมเปลี่ยนโลกไปด้วยกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ตื่นตาตื่นใจไปกับงานมหกรรมความด้านความยั่งยืนสุดอลังการ ที่เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดในอาเซียนเลยก็ว่าได้ สำหรับงาน Sustainability Expo 2023 (SX2023) โดยปีนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 เพื่อตอกย้ำแกน

หลักการจัดงาน “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” (Sufficiency for Sustainability) ที่ได้น้อมนำหลักการของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (SEP) มาเป็นแนวทางหลักของการจัดงาน โดยงานนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “สมดุลที่ดีเพื่อโลกที่ดีกว่า” Good Balance, Better World โดยมี 5 องค์กรธุรกิจต้นแบบด้านความยั่งยืนระดับโลกเป็นผู้นำการจัดงาน ได้แก่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC, เอสซีจี, และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

อีกทั้งยังได้ขยายเครือข่ายความร่วมมือไปยังองค์กรเอกชนที่มีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับประเทศ และระดับโลก ได้รับความร่วมมือกว่า 200 องค์กร และมีวิทยากรที่จะมาร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนกว่า 400 คน อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), ธนาคารออมสิน, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน), บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน), มหาวิทยาลัยมหิดล, โรงพยาบาลเมดพาร์ค, บริษัท เนชั่นแนล เฮลท์แคร์ ซิสเท็มส์ จำกัด, บริษัท เท็กซ์ไทล์ แกลลอรี่ จำกัด, บริษัท ไทย เบเวอร์เรจ แคน จำกัด, บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท รอยซ์ ยูนิเวอร์แซล จำกัด เป็นต้น


คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานอำนวยการจัดงาน SX 2023 กล่าวถึงการจัดงานไว้ว่า Sustainability Expo 2023 (SX2023) ปีนี้ได้จัดขึ้นต่อเนื่องมาเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งไทยเบฟให้ความสำคัญ และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy - SEP) มาเป็นหลักปฏิบัติอันจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และเชื่อว่ามีหลายองค์กรที่ให้ความสำคัญและให้ความสนใจเรื่องความยั่งยืนเช่นเดียวกัน

โดยงาน Sustainability Expo 2023 หรือ SX 2023 ถือเป็นมหกรรมด้านความยั่งยืนที่เปิดโอกาส และเป็นเวทีกลางให้ทุกภาคส่วนได้มาร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยน เรียนรู้เรื่องความยั่งยืนร่วมกัน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนตระหนักรู้ และร่วมกัน “ลงมือทำ” (Decade of Action) ให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (SDGs)

พบกับ 8 โซน สุดตระการตา ในงานมหกรรม “SX2023” ที่จะพาคุณไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนเรียนรู้สู่ความยั่งยืน ตามบูธต่าง ๆ จากองค์กรชั้นนำหลากหลายภาคส่วน

เริ่มจาก SEP Inspiration โซนนิทรรศการที่ตอกย้ำต้นแบบของความยั่งยืน โดยได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร มาประยุกต์และปรับใช้

โดยโซนนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน นำเสนอผลงาน พร้อมเรียนรู้จากผู้บุกเบิกและผู้ปฏิบัติงานตัวจริง ซึ่งมีบูธหลัก ๆ ยกตัวอย่างเช่น มูลนิธิชัยพัฒนา ที่ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เรื่องราวหลักการทรงงาน 27 ประการ นิทรรศการและสารคดีการพัฒนาทั้ง 9 ด้าน และการดำเนินงานของมูลนิธิ อาทิ โครงการศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จ.เชียงราย, โครงการอัมพวา ชัยพัฒนานุรักษ์ จ.สมุทรสงคราม, โครงการอุทยานการอาชีพชัยพัฒนา จ.นครปฐม เป็นต้น มาจัดแสดง


หรือจะเป็นมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง นำเสนอประเด็นเรื่องคาร์บอนเครดิตจากป่าชุมชน เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีการขยายการดำเนินโครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ส่งผลให้โครงการฯ ครอบคลุมพื้นที่ป่ากว่า 1.47 แสนไร่ 120 ชุมชน

มูลนิธิอุทกพัฒน์ นำเสนอองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัย สนับสนุนการบริหารจัดการน้ำของประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำในทุกระดับ สู่การพัฒนาประเทศและสังคมไทยอย่างยั่งยืน และบูธอื่น ๆ ภายในโซนอีกมากมาย

2. โซน BETTER LIVING เป็นโซนที่นำเสนอกิจกรรมและโครงการที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือขององค์กรชั้นนำขนาดใหญ่ที่ดำเนินการเพื่อส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม สร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน และการยกระดับคุณภาพชีวิตที่เกิดจากการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตลอดจนการนำแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนไปใช้ในกระบวนการผลิต ห่วงโซ่คุณค่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์หรือ Net Zero ภายใต้ 4 แกนหลัก ได้แก่ การดูแลน้ำ, การลดคาร์บอน, ความหลากหลายทางชีวภาพ, และการจัดการของเสีย


มีบูธหลัก ๆ ยกตัวอย่าง เช่น บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) คุณจะได้พบกับเรื่องราวเบื้องหลังห่วงโซ่คุณค่าของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบไปจนถึงการจัดการบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคของไทยเบฟและบริษัทในเครือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำแห่งชีวิต (Water of Life), ความสำคัญของน้ำต่อทุกชีวิตและต่อไทยเบฟ, การบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอย่างยั่งยืน, โครงการการบริหารจัดการน้ำชุมชนของไทยเบฟ,โครงการไทยเบฟรวมใจต้านภัยหนาว กับการนำเอาขวดพลาสติก PET หลังการบริโภคเข้าสู่ระบบรีไซเคิล และนำมาผลิตเป็นเส้นใย rPET เพื่อทำเป็นผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก, วิธีการจัดการขยะ และข้อมูลบรรจุภัณฑ์ของแต่ละผลิตภัณฑ์ โดยไทยเบฟได้มุ่งเน้นและใส่ใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ Net Zero การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การบริหารจัดการของเสีย การบริหารจัดการน้ำ และความหลากหลายทางชีวภาพ อีกทั้งยังสนับสนุนโครงการต่าง ๆ เพื่อเน้นย้ำงานด้านสังคม 6 แกนหลัก ได้แก่ การพัฒนาด้านสาธารณสุขภาพ การศึกษา กีฬา ศิลปะและวัฒนธรรม การพัฒนาชุมชน และการพัฒนาอย่างยั่งยืน


บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) GC โดยภายในบูธได้จัดแสดงและส่งเสริมการเรียนรู้สร้างความตระหนักในคุณค่าของพลาสติกใช้แล้ว ให้นำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยมีกิจกรรมให้ได้ร่วมสนุก เช่น การเปลี่ยนฝาพลาสติกให้เป็นพวงกุญแจสุดชิค! ด้วยเครื่อง Plastic Funtastic เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีบูธขององค์กรชั้นนำขนาดใหญ่อีกมากมายที่มาร่วมจัดแสดงโชว์ภายในงานนี้ อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน), บริษัท พาซาญ่า กรุ๊ป จำกัด, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเบเวอร์เรจแคน จำกัด, สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อ สิ่งแวดล้อม, บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

3. โซน BETTER ME เพราะเราทุกคนสามารถกอบกู้โลกใบนี้ได้ โซนนี้จึงเน้นตระหนักเพื่อให้ทุกคนรู้ว่า ‘ทุกสิ่งจะดีขึ้นได้ ต้องเริ่มต้นที่ตัวเรา’ โดยคุณจะได้อัพเดทเทรนด์สุขภาพ และสุดยอดนวัตกรรมทางการแพทย์ในรูปแบบของ Application และ AI ที่ดีต่อเรา ดีต่อโลก จากองค์กร มูลนิธิ และหลากหลายโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, โรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์, โรงพยาบาลรามาธิบดี, โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลเมดพาร์ค, โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่

บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กับแนวคิด CP MISSION TO SPACE รวมพลังส่งไก่ไทยไปอวกาศ เพื่อยกระดับมาตรฐานไก่ไทยสู่มาตรฐานระดับอวกาศตามหลักเกณฑ์ความปลอดภัยด้านอาหารของ NASA มุ่งแสดงศักยภาพคนไทยและตอบโจทย์เป้าหมายเป็น "ครัวของโลก" ของประเทศไทย

ไทยยูเนี่ยน ผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลก กับพันธกิจเพื่อความยั่งยืน 11 ข้อ ที่ครอบคลุมการดูแลทั้งคนและโลก เน้นมุ่งเส้นทางสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) การทำประมงอย่างรับผิดชอบ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างรับผิดชอบ เป็นต้น

รวมไปถึงกิจกรรม ความรู้ และนวัตกรรมดี ๆ ทั้งเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพใจ เพื่อนำไปสู่แนวทางการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้จริง ซึ่งต้องบอกว่าสายสุขภาพไม่ควรพลาดที่จะเดินโซนนี้โดยเด็ดขาด!




4. BETTER WOLRD โซนนี้คุณจะได้พบกับการแสดงผลงานศิลปะที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผลงานภาพถ่ายจากสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย และผลงานนานาชาติ 10 ประเทศอาเซียน จากโครงการ ASEAN SX PHOTO CONTEST, โครงการ TRASH TO TREASRE ART & DESIGN CONTEST การออกแบบจากวัสดุเหลือใช้ เปลี่ยนขยะเป็นงานศิลป์ทรงคุณค่า ภายใต้แนวคิด “สร้างสรรค์ สร้างค่า สร้างสมดุลโลก”, โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย จัดแสดงผลงานการออกแบบการแปรรูป และพัฒนาผลิตภัณฑ์ เป็นต้น อีกทั้งยังมีห้องภาพฉายานิติกร ให้คุณได้เก็บภาพที่ระลึกในราคาเพียง 99 บาทเท่านั้น




5. BETTER COMMUNITY โดยโซนนี้จะอัดแน่นไปด้วยนิทรรศการสร้างเมืองน่าอยู่ร่วมกันเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคน เป็นการจำลองสังคมเมืองในฝัน เพื่อชีวิตที่เท่าเทียม น่าอยู่ ปลอดภัยและยั่งยืน ยกตัวอย่างบูธต่าง ๆ ในโซน เช่น เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ที่มาพร้อมกับ นวัตกรรมเพื่อชุมชนที่ดีขึ้น One Bangkok ใจกลางกรุงเทพฯ โดยเป็นโครงการต้นแบบสีเขียวที่มุ่งมั่นสร้างความยั่งยืนให้เทียบเท่าระดับสากล และยังเป็นโครงการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED for Neighborhood Development ระดับ Platinum แห่งแรกในประเทศไทย


หรือจะเป็นบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (SGC) ที่ได้นำนวัตกรรมต่าง ๆ มาจัดแสดงโชว์ให้เห็นทั้งฟังค์ชั่นการใช้งาน และคุณสมบัติต่าง ๆ การสื่อสารเนื้อหาเกี่ยวกับ ความพอเพียง รวมถึง Smart Home และนวัตกรรมเพื่อสนับสนุน ESG (Environment, Social, และ Governance) และบูธจากองค์กรอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย


6. SX FOOD FESTIVAL โซนที่ยกร้านอาหารชื่อดัง มาในธีม Thai Street Food Museum โดยจำลองจุดแลนมาร์คที่ขึ้นชื่อของกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็น เจริญกรุง ปากคลองตลาด ราชดำเนิน เฉลิมกรุง พระนคร เยาวราช ฯลฯ รวมไปถึงอาหารที่รังสรรค์ขึ้นด้วยฝีมือเชฟชื่อดังจาก ไอรอนเชฟ – ท็อปเชฟ – มาสเตอร์เชฟ พร้อมทั้งเปิดประสบการณ์ ความอร่อยที่ยั่งยืน ตามแนวคิด “Sustainable Food” หรืออาหารยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารอินทรีย์ อาหารทางการแพทย์ และ อาหารอนาคต เป็นต้น นอกจากนี้ภายในโซนยังมีจุดคัดแยกขยะ เศษอาหาร และบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว เพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้การกำจัดขยะอาหารเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนได้




7. SX MARKETPLACE โซนที่สายช้อปปิ้งไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด เพราะมีสินค้ามากมายให้คุณได้เลือกสรรมากกว่า 200 ร้านค้า และมีด้วยกันถึง 4 โซน ได้แก่ DESIGN FOR SUSTAINABILITY, INNOVATION, GARDEN & FARM และ CULTURE & COMMUNITY แถมยังตรงคอนเซ็ป ‘พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก’ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ของแต่งบ้านจากพลาสติกรีไซเคิล เครื่องประดับจากไม้เหลือใช้ กระเป๋าจากวัสดุเหลือใช้ ต้นไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับนานาพันธุ์ พืชผัก ผลไม้ ผลิตภัณฑ์ปลอดสารพิษ ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากวัสดุธรรมชาติท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์จากชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ หรือนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น รวมไปถึงกิจกรรมที่บอกเลยว่าสายกรีนต้องเลิฟสุด ๆ




8. SX KIDS ZONE น้อง ๆ หนู ๆ ต้องสนุกสนานกับโซนนี้เป็นพิเศษ เพราะมีกิจกรรมให้ได้ร่วมสนุกมากมาย บอกเลยว่าแต่ละบูธเพิ่มทักษะความรู้ เสริมสร้างจินตนาการ และยังเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกให้เด็ก ๆ ได้มีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อตัวเอง สังคม และร่วมเปลี่ยนแปลงโลกต่อไปในอนาคต โดยภายในโซนมีกิจกรรมมากมาย อาทิ กิจกรรมหมากรุก, กิจกรรมไขความลับแมลงตัวจิ๋ว, กิจกรรมการศึกษาธรรมชาติรอบตัวที่จะให้น้อง ๆ เรียนรู้ความสำคัญของต้นไม้ รากไม้ สัตว์ในระบบนิเวศ, กิจกรรมผู้พิทักษ์ขยะที่จะชวนน้อง ๆ มาร่วมแยกขยะอย่างถูกต้อง ถูกวิธี เป็นต้น




นอกจากนี้แล้ว ภายในงาน ยังมี Drop Off Station จุดเปิดรับบริจาคสิ่งของที่ไม่ใช้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น หนังสือ เสื้อผ้า ชุดชั้นใน ขวดแก้ว ขวดพลาสติก กระดาษลูกฟูก กระป๋องอะลูมีเนียม กล่องเครื่องดื่ม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์กีฬา ขยะกำพร้า เช่น เชื้อเพลิง ฯลฯ เพื่อนำไปเข้าสู่กระบวนการคัดแยก นำไปรีไซเคิลได้อย่างถูกวิธี เพื่อลดการฝังกลบและการเผาที่เป็นมลพิษต่อโลก หรือนำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตบรรจุภัณฑ์ใหม่ ซึ่งก่อให้เกิดรายได้มอบเป็นทุนให้กับมูลนิธิต่าง ๆ


โดย Drop Off Station เป็นความร่วมมือขององค์กรเอกชนและโครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการ เก็บกลับ-รีไซเคิล โดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจรีไซเคิล จำกัด, เอสซีจี เคมิคอลส์, คนไทยไร้ E-Waste โครงการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ จากเอไอเอส, โครงการเก็บกล่องสร้างบ้านเพื่อมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก (The Green Shelter Project), โครงการ RECYCLE FOR LIFE (Thai Beverage Can), โครงการโละบราเก่าไปเป็นพลังงานสะอาด จาก บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน), บริษัท เอ็น15 เทคโนโลยี จำกัด (N15 Technology),โครงการ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่เพื่อสังคม (Beta Young Entrepreneur), มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์, โครงการ Recycle for Life "เปลี่ยนขยะเป็นบุญ" (เมื่อคุณหมุนเวียน) เพื่อมูลนิธิขาเทียมฯ, ร้านปันกัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์


ผู้สนใจสามารถนำสิ่งของมาบริจาคได้ที่ จุด Drop Off Station อาคารพิพิธภัณฑ์สวนป่าเบญกิติ (โรงงานผลิตยาสูบ 5 ) ตั้งแต่วันนี้- 8 ตุลาคม 2566 นี้ ซึ่งการบริจาคทุก 500 กรัมยังจะได้รับคะแนนสะสม สามารถนำไปแลกของที่ระลึกได้อีกด้วย

อีกทั้งภายในงานยังมีเวทีเสวนาจากวิทยากรชื่อดังเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดดี ๆ รวมถึงกิจกรรมมากมายให้ได้ร่วมสนุก รับรองว่ามางานเดียวได้ทั้งสาระความรู้ ความสนุก ความอิ่มหนำสำราญ ครบ! ที่สำคัญงานนี้ยังเหมาะกับทุกเพศทุกวัย จูงมือกันมาทั้งครอบครัวรับรองฟินกันถ้วนหน้า

สำหรับงาน Sustainability Expo 2023 (SX2023) จะจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2566 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เข้าชมงานฟรี! แล้วมาร่วมเปลี่ยนแปลงโลกแห่งอนาคตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน

ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและกิจกรรมที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับ SX2023 ได้ที่ช่องทางหลัก

เว็บไซต์ : www.sustainabilityexpo.com
เฟซบุ๊ก : www.facebook.com/SX.SustainabilityExpo
ไลน์ : @sxofficial
แอปพลิเคชัน : Sustainability Expo (iOS App Store: https://bit.ly/iOS_SX_PR / Play Store SX: https://bit.ly/Android_SX_PR


กำลังโหลดความคิดเห็น