เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 "หางโจวเกมส์" ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน โดยในพิธีเปิดนี้มีการใช้เทคโนโลยีแสง สี เสียง ที่เต็มไปด้วยความทันสมัยสร้างความอลังการตระการตา สมกับเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีความเจริญทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล
การแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ในครั้งนี้ นับเป็นเอเชียนเกมส์ในจีนครั้งที่ 3 ต่อจากกรุงปักกิ่ง ปี 1990 และนครกว่างโจว ปี 2010 โดยเอเชียนเกมส์จะช่วยกระตุ้นความนิยมของหางโจว เมืองที่ประวัติศาสตร์และความทันสมัยอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน รวมถึงส่งเสริมวัฒนธรรมให้คงอยู่ต่อไป
สำหรับ “มาสคอต” (Mascot) ในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 เป็นหุ่นยนต์ 3 ตัว ซึ่งเป็นตัวแทนแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกในเมืองหางโจว โดยหุ่นยนต์กีฬาสามตัวนี้ เรียกรวมกันว่า “สมาร์ททริปเล็ทส์” (Smart Triplets) สะท้อนถึงความความก้าวหน้าทางอินเตอร์เน็ตของเมืองหางโจว และมณฑลเจ้อเจียง
โดยหุ่นยนต์ทั้ง 3 ตัว ได้แก่ คองคอง (Congcong), เหลียนเหลียน (Lianlian) และ เฉินเฉิน (Chenchen) ซึ่งสื่อถึงความฉลาดปราดเปรื่องแห่งโลกสมัยใหม่และพลังงานแห่งอนาคต นอกจากนี้ยังประสานให้เข้ากับวัฒนธรรมจีน เข้ากับเอกลักษณ์ของนครหางโจว
มาสคอตตัวแรกมีชื่อว่า “คองคอง” (Congcong) เป็นตัวแทนของเมืองโบราณเหลียน ซู โดยคำว่า คอง (Cong) มาจากชื่อของจี้หยก ที่ขุดพบในซากปรักหักพังของเมืองโบราณแห่งนี้ ซึ่งมีอายุเก่าแก่นับ 5,000 ปี มาสคอตตัวนี้ใช้สีเหลืองเป็นสัญลักษณ์แทนพื้นดินและการเกษตร
ส่วนมาสคอตตัวที่ 2 ชื่อ “เหลียนเหลียน” (Lianlian) เป็นตัวแทนของทะเลสาบตะวันตก มาสคอตตัวนี้ใช้สีเขียวเป็นสัญลักษณ์แทนชีวิตและธรรมชาติ โดยชื่อของมันมีความหมายว่า ทะเลสาบที่เต็มไปด้วยใบบัว อันอุดมสมบูรณ์ และมาสคอตตัวสุดท้ายชื่อว่า “เฉินเฉิน” (Chenchen) ใช้สีฟ้าเป็นสัญลักษณ์แทนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเป็นตัวแทนของคลองหลักที่เชื่อมระหว่างกรุงปักกิ่งกับเมืองหางโจว ส่วนชื่อ เฉินเฉิน (Chenchen) มาจากชื่อของสะพาน กงเฉิน (Gongchen) ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คของคลองหลักในฝั่งเมืองหางโจว
ส่วน “หางโจว” เมืองหลวงของมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ 1 ใน 6 ของประเทศจีน และเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ มีวัฒนธรรมที่ยาวนาน และเป็นเมืองที่มีทัศนียภาพที่สวยสดงดงามเมืองหนึ่งของจีน
พื้นที่ของหางโจวส่วนใหญ่ถูกล้อมรอบด้วยเทือกเขา มีทะเลสาบซีหู เป็นสัญลักษณ์ของเมืองตั้งอยู่ใจกลางเมือง หากย้อยกลับไปในสมัยราชวงศ์ฉิน หางโจวถือเป็นศูนย์กลางการค้า มีการขุดคลองเชื่อมระหว่างปักกิ่งและหางโจวสำเร็จ ต่อมาได้เป็นเมืองหลวงในสมัยราชวงศ์ซ่ง ปี ค.ศ. 1230 มาร์โค โปโล ได้เดินทางมาถึงเมืองหางโจว และได้ขนานนามเมืองนี้ว่าเป็นเมืองที่งดงามที่สุดในโลก
ในเมืองหางโจวมีทะเลสาบซีหู เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุด โดยทะเลสาบซีหูเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองทั่วไป รวมไปถึงนักท่องเที่ยวที่มักจะไม่พลาดโปรกแกรมล่องเรือชมทะเลสาบเคล้าบรรยากาศโดยรอบ โดยเรือที่พานักท่องเที่ยวล่องทะเลสาบนั้นถูกตกแต่งอย่างสวยงามราวกับย้อนอดีต
โดยทะเลสาบซีหูนี้จัดว่าเป็นทะเลสาบที่มีความสวยงามทางธรรมชาติ ทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของบทกวีหรือวรรณกรรมที่มีชื่อเสียงมากมายอีกด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องนางพญางูขาว ความสวยงามของทะเลสาบซีหูจึงเป็นที่เลื่องลือจนสามารถดึงดูดผู้คนที่ไปเยี่ยมเยือนเมืองหางโจว จนกลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของเมือง
บรรยากาศโดยรอบของทะเลสาบซีหูนั้นมีทิวทัศน์ที่งดงามล้อมรอบด้วยภูเขาสามด้าน น้ำในทะเลสาบมีความใสสะอาดราวกับกระจก เขื่อนดินก็เต็มไปด้วยดอกไม้แสนงาม พื้นที่บนบกปกคลุมด้วยต้นไม้สีเขียวขจีมองดูสดชื่นตลอดทั้งปี ความสวยงามของทะเลสาบแห่งนี้สามารถตรึงใจผู้มาเยือนได้อย่างมากมาย
นอกจากนี้ในปี 2559 หางโจวยังเป็นสถานที่ในการจัดงานสำคัญอย่างเช่น การประชุมผู้นำ G20 (G20 Summit) ด้วย ปัจจุบันจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ ภายในมีห้องประชุมขนาดใหญ่สองห้อง มีการตกแต่งสไตล์จีนอย่างหรูหราเพื่อการต้อนรับผู้นำประเทศ โดยแสดงออกถึงวัฒนธรรมของจีน นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเยี่ยมชมบรรยากาศภายในได้ด้วย (มีค่าเข้าชม)