ท่ามกลางความยินดีต่อ “เมืองโบราณศรีเทพ” มรดกโลกแห่งใหม่ของไทย มีโจทย์ใหญ่ที่ต้องตามต่อกับการทวงคืนโบราณวัตถุล้ำค่าที่เคยถูกขุดค้น “ชำเรา” และ “ปล้น” ไปอยู่เมืองนอกจำนวนมาก ให้กลับคืนสู่มาตุภูมิเมืองศรีเทพ
“มรดกโลกเมืองโบราณศรีเทพ” หรือที่คนมักเรียกสั้น ๆ ว่า “มรดกโลกศรีเทพ” มีชื่อทางการจากยูเนสโกคือ “The Ancient Town of Si Thep and its Associated Dvaravati Monuments : เมืองโบราณศรีเทพ และโบราณสถานในสมัยทวารวดีที่เกี่ยวข้อง” เป็นมรดกโลกแห่งที่ 7 ของไทย และเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 4 ของไทย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งใหม่ของประเทศไทยจากยูเนสโก เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2566 ที่ผ่านมา ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 45 ณ กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
เมืองโบราณศรีเทพ ตั้งอยู่ที่ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ เป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่ที่มีหลักฐานการอยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย และรุ่งเรืองมากในสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ 13-15
มรดกโลกเมืองโบราณศรีเทพ มีแหล่งโบราณสถานที่สำคัญ 3 แหล่ง ที่ใช้เป็นแก่นหลักในการเสนอคณะกรรมการมรดกโลก ได้แก่ “เมืองโบราณศรีเทพ” ที่มีความสำคัญมากในสมัยทวารวดี “เขาคลังนอก” ศาสนสถานขนาดใหญ่ในยุคทวารวดีที่เป็นตัวแทนความเชื่อเรื่องมณฑลจักรวาล และ “เขาถมอรัตน์” ที่เป็นศาสนสถานประเภทถ้ำเพียงแห่งเดียวในสมัยทวารวดีที่สะท้อนให้เห็นคติความเชื่อการนับถือพุทธศาสนามหายาน
นอกจากนี้ก็ยังมีประติมากรรม “สกุลช่างศรีเทพ” อันโดดเด่นกับการแกะสลักเทวรูปลอยตัว เอียงตน มีสีหน้าผสมผสาน โดยไม่มีแผ่นโค้งด้านหลังรองรับ ที่ถือว่ามีเอกลักษณ์ที่แตกต่างไปงานงานประติมากรรมของที่อื่นในยุคเดียวกัน
อย่างไรก็ดีเป็นที่น่าเสียดายและน่าเจ็บใจว่า ประติมากรรมเทวรูปต่าง ๆ รวมถึงโบราณวัตถุสำคัญ ๆ อีกหลากหลายจากเมืองโบราณศรีเทพ ได้เคยถูกลักลอบขุดค้นและ “ปล้น”ไปโดยโจรค้าของเก่าชาวต่างชาติ และขโมยคนไทยที่สมรู้ร่วมคิด เมื่อประมาณกว่า 60 ปีที่แล้ว ในยุคที่เมืองศรีเทพถูกทิ้งให้เป็นป่าเขารกร้าง
โบราณวัตถุและสมบัติแห่งศรีเทพจำนวนมากที่ถูกลักลอบปล้นไปจากแหล่ง ไม่ว่าจะเป็น พระพุทธรูป เทวรูปพระสุริยะ เศียรพระกฤษณะ แผ่นดุนทองรูปพระวิษณุ และเอกมุขลึงค์ ปัจจุบันถูกนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์บางแห่งของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะที่ “พิพิธภัณฑ์นอร์ตัน-ไซมอน” (Norton Simon Museum) รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐ ได้ชื่อว่าเป็นขุมคลังสมบัติแห่งศรีเทพกันเลยทีเดียว
ขณะที่ในแกลลอรี่ของพ่อค้าผ้าชื่อดังบางคนมีคอลเลคชั่นศรีเทพปรากฏอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งนักเขียนดังอย่าง “กรกิจ ดิษฐาน” ได้เคยโพสต์เกี่ยวกับเรื่องการปล้นสมบัติที่ศรีเทพไว้เฟซบุ๊กบัญชีรายชื่อ Kornkit Disthan เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2562 ในหัวข้อ “การชำเราเมืองศรีเทพ” โดยมีข้อความส่วนหนึ่งระบุว่า
...เมื่อประมาณ 60 กว่าปีก่อน ศรีเทพถูกทิ้งร้างอยู่ในป่า ทางการยังไม่มีสติปัญญาจะไปขุดค้น จึงถูกโจรปล้นขนานใหญ่ ได้โบราณวัตถุชั้นเลิศไปมากมาย ของดีงามที่ว่านั้นไปอยู่สหรัฐเสียมาก โดยเฉพาะทีพิพิธภัณฑ์นอร์ตัน-ไซมอน (Norton Simon Museum) เรียกว่า เป็นขุมคลังสมบัติศรีเทพเลยก็ว่าได้ ที่น่าสลดก็คือศรีเทพที่เหลืออยู่ ก็ยังไม่มีอะไรที่วิจิตรขนาดนี้
เฉพาะที่ Norton Simon มีทั้งรูปพระสุริยเทพแสนหล่อเหลา เป็นประติมากรรมชั้นเอกของประเทศ (ที่น่าหัวเราะทั้งน้ำตาเพราะไม่ได้อยู่ในไทย) แผ่นทองคำดุนลายเทพเจ้าและโพธิสัตว์ รวมถึงพระพุทธรูปแบบทวารวดีสูงกว่า 2 เมตร ซึ่งไม่รู้ขนกันไปได้อย่างไร หากคนใหญ่คนโตที่ไม่รู้เห็นเป็นใจ
ศรีเทพเคยถูกชำเรามาแล้ว อย่าให้ถูกกระทำอีกเลย...
ครั้นเมื่อเมืองโบราณศรีเทพได้รับการประกาศเป็นมรดกโลก กรกิจ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้งในหัวข้อ “ศรีเทพเป็นมรดกโลกแล้ว แต่มรดกของศรีเทพยังอยู่ไกลบ้าน” ซึ่งเขาได้พูดถึงแผ่นดุนทองจำนวนหนึ่งที่ไปปรากฏในพิพิธภัณฑ์ต่างชาติหลายที่ว่า...บางชิ้นบอกว่ามาศรีเทพ บางชิ้นไม่บอกว่ามาจากศรีเทพ แต่ให้เดาก็รู้ว่ามาจากแหล่งเดียวกัน เพราะศรีเทพถูก “ปล้น” จนเกือบเหี้ยน...(อ่านเพิ่มเติมที่ลิงค์ด้านล่าง)
เช่นเดียวกับ “นายเทพมนตรี ลิมปพยอม” นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ ก็เป็นหนึ่งในผู้เรียกร้องให้มีการทวงคืนสมบัติศรีเทพต่าง ๆ ที่ถูกขโมยไปอยู่ต่างแดนกลับคืนสู่บ้านเกิดมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดหลังจากเมืองโบราณศรีเทพถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก อ.เทพมนตรี ได้โพสต์ถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ผ่านเฟซบุ๊กบัญชีรายชื่อ Thepmontri Limpaphayorm เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 66 ว่า
พระพุทธรูปถูกขโมยจากศรีเทพไปอยู่ต่างแดน
พิพิธภัณฑ์คลีฟแลนด์ แบะนอร์ตัน ไซมอน
สหรัฐอเมริกา
ศูนย์กลางแหล่งรับซื้อของโจรในรูปแบบมูลนิธิ
แต่เมื่อ….
ได้อ่านพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัวรัขกาลที่ 9 แล้ว น้ำตาจะไหล …..
ใครจะสำนึกในเมื่อเมืองไทยเป็นพุทธพาณิชย์ กรมศิลป์ออกใบอนุญาตค้าโบราณวัตถุ การเอาใจใส่ตรวจสอบบกพร่อง
"โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และโบราณสถาน ทั้งหลายนั้น ล้วนเป็นของมีคุณค่า และจำเป็น แก่การศึกษาค้นคว้า ในทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ และโบราณคดี เป็นเครื่องแสดงความรุ่งเรืองของชาติไทย ที่มีมาแต่ในอดีตกาล สมควรจะสงวนรักษาให้คงถาวร เป็นสมบัติส่วนรวมของชาติไว้ตลอดกาล
มีผู้กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีผู้สนใจ และหาซื้อโบราณวัตถุ และศิลปวัตถุ ส่งออกไปต่างประเทศกันมาก ถ้าต่อไปภายหน้า เราจะต้องไปศึกษา หรือชมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุของไทยเราเองในต่างประเทศ ก็คงเป็นเรื่องที่น่าเศร้า และน่าอับอายมาก เราจึงควรจะขวนขวาย และช่วยกันหาทางรวบรวมโบราณวัตถุ และศิลปวัตถุของเรา แล้วจัดสร้างพิพิธภัณฑสถาน เก็บรักษาไว้จะเป็นการดีที่สุด"
(พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหาราช เนื่องในวโรกาสเสด็จพระราชดำเนิน เปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๐๔)
อ่านแล้วหวังใจว่าจะนำทางให้หลวงพ่อสององค์นี้กลับสู่ประเทศไทยครับ
ขณะที่ “ธนัชญา เทียนดี” นักโบราณคดีปฏิบัติการ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ก็ได้เปิดเผยเรื่องนี้กับสำนักข่าวเอเอฟพี สรุปความว่า โบราณวัตถุต่าง ๆ ของเมืองศรีเทพที่ถูกโจรกรรมไปอยู่ในที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศนั้น เป็นดัง “ตัวจิ๊กซอว์” ที่หายไป ซึ่งสามารถนำมาต่อเล่าเรื่องราวของเมืองโบราณศรีเทพได้
ด้าน นายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชยว่า ขั้นตอนต่อไปหลังเมืองโบราณศรีเทพได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างเป็นทางการก็คือ ทางจังหวัดเพชรบูรณ์จะประสานกับทุกภาคส่วน เพื่อเตรียมผลักดันให้มีการรวบรวมโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบที่เมืองศรีเทพ ที่อยู่กระจัดกระจายตามสถานที่ต่าง ๆ ให้นำกลับคืนมารวบรวมอยู่ที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์
ผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทางจังหวัดเพชรบูรณ์มีแผนและโครงการที่จะผลักดันให้มีการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้นที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ สำหรับเก็บรวบรวมและจัดแสดงโบราณวัตถุล้ำค่าของเมืองโบราณศรีเทพ เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เข้าชม และศึกษาถึงความสำคัญของมรดกโลกเมืองโบราณศรีเทพ
“เมืองโบราณศรีเทพไม่ใช่สมบัติของคนเพชรบูรณ์ เป็นของคนไทยทั้งประเทศ และยังเป็นมรดกของคนทั้งโลก เพียงแค่อยู่ในพื้นที่และใกล้คนเพชรบูรณ์ ซึ่งจะต้องมีหน้าที่ช่วยกันดูแลรักษา รวมทั้งพัฒนาต่อยอด เพื่อให้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทยและของโลกต่อไป” ผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ กล่าว
สำหรับการทวงคืนสมบัติศรีเทพ ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ผู้เกี่ยวข้องต้องตามทวงโบราณวัตถุล้ำค่าของชาติกลับคืนมา เพราะนี่จะเป็นจิ๊กซอว์ที่นำไปสู่การสืบค้นเรื่องราวของเมืองศรีเทพในมิติที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ขณะที่คนไทยก็สามารถช่วยกันส่งเสียงทวงคืนสมบัติศรีเทพ (ผ่านทางช่องทางสื่อโซเชียลต่าง ๆ ) เพื่อให้เป็นพลังสนับสนุนอันยิ่งใหญ่ในการทวงสมบัติศรีเทพกลับสู่มาตุภูมิ เพราะวันนี้เมืองโบราณศรีเทพไม่ใช่เป็นเฉพาะมรดกของชาติไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นมรดกอันทรงคุณค่าของโลกอีกด้วย