สีทองอร่ามของยอดโดมมัสยิดสุลต่านเมื่อกระทบแดดยามสายเปล่งประกายความวิจิตรมากขึ้นอีกเท่าตัว ในขณะที่บรรยากาศโดยรอบคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวซึ่งกำลังเพลิดเพลินอยู่กับร้านค้า-คาเฟ่ที่ดึงดูดใจ ไม่ไกลจากกันถนนสายเล็กๆเรียงรายอาคารสไตล์ชิโน-ยูโรเปียนสีฉูดฉาดที่สะดุดตาด้วยสตรีทอาร์ตสะท้อนเอกลักษณ์ของวิถีวัฒนธรรมท้องถิ่น และเมื่อแสงอาทิตย์ลาลับ แสงไฟอันคึกคักของผับบาร์ก็ค่อยๆเข้ามาแทนที่
ทั้งหมดนี้ คือ สีสันแห่งความร่วมสมัยในอีกหนึ่งย่านท่องเที่ยวมาแรงของสิงคโปร์ที่มีชื่อเรียกว่า "Kampong Gelam” (กัมโปง กลาม หรือ กัมปง เกอลัม)
ที่มาของชื่อ Kampong Gelam
“กัมโปง” หรือ “กัมปง" เป็นภาษามลายู ที่มักพบได้ทั่วไปในประเทศแถบนี้ ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย บรูไน หรือสิงคโปร์ ความหมายคือ “หมู่บ้าน” ส่วนคำว่า “กลาม” หรือ “เกอลัม” หมายถึง ต้นเสม็ดขาวใบยาว ซึ่งในอดีตพบได้ทั่วไปในย่านนี้ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งการต่อเรือ ใช้เป็นยารักษาโรค และปรุงอาหาร
ชุมชนแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปถึงช่วงอาณานิคมของสิงคโปร์ ราวปี ค.ศ.1820 ซึ่งเป็นยุคที่ “เซอร์ สแตมฟอร์ด ราฟเฟิลส์” (Sir Stamford Raffles) บิดาผู้ก่อตั้งสิงคโปร์ จัดสรรพื้นที่ให้แก่ชุมชนชาวมาเลย์ อาหรับ และบูกิส ละแวกนี้ในอดีตจึงเป็นที่พำนักของผู้คนจากหลากหลายถิ่น รวมถึงสุลต่านฮุสเซน ชาห์แห่งยะโฮร์ และพ่อค้าที่เดินทางมาจากตะวันออกไกล ซึ่งมีผลทำให้พื้นที่ค่อยๆพัฒนากลายมาเป็นสถานที่ที่น่าดึงดูดใจ ผสมผสานวัฒนธรรมจนเป็นเอกลักษณ์ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในปี ค.ศ. 1989 กัมโปง กลาม ได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ และได้รับการอนุรักษ์ให้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ในสิงคโปร์
มัสยิดสุลต่าน (Sultan Mosque) ศูนย์กลางความศรัทธาของชาวมุสลิม
สถานที่สำคัญลำดับต้นๆที่ควรค่าแก่การแวะชม คือ “มัสยิดสุลต่าน” มัสยิดวิจิตรอลังการด้วยโดมสีทอง ตระหง่านเป็นสัญลักษณ์โดดเด่น มัสยิดดั้งเดิมนั้นสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1824 เพื่ออุทิศแด่สุลต่านฮุสเซน ชาห์ (Sultan Hussein Shah) สุลต่านองค์แรกของประเทศสิงคโปร์ ในครั้งนั้น เซอร์ สแตมฟอร์ด ราฟเฟิลส์ ได้บริจาคเงินจำนวน 3,000 ดอลลาร์ เพื่อนำไปใช้ก่อสร้างอาคารชั้นเดียวที่มีหลังคา 2 ชั้น
จนกระทั่งศตวรรษต่อมา มัสยิดหลังเก่าตกอยู่ในสภาพทรุดโทรมลงไป มัสยิดที่ผู้มาเยือนเห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นมัสยิดใหม่ แต่ก็มีอายุกว่า 90 ปีแล้ว สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1932 ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิก “เดนิส แซนทรี” (Denis Santry) จากบริษัท Swan and Maclaren บริษัทสถาปนิกเก่าแก่ที่สุดของสิงคโปร์ ที่เนรมิตให้มัสยิดแห่งนี้งดงามผสมระหว่างสถาปัตยกรรมอิสลามิกกับยุโรปได้อย่างลงตัว
นอกจากความงดงามของสถาปัตยกรรมแล้ว ยังมีเรื่องราวดีๆของการก่อสร้าง เมื่อฐานของแต่ละโดมที่ประดับประดาด้วยแก้วก้นขวด เป็นการได้รับบริจาคโดยมุสลิมผู้ยากไร้ เพื่อที่ชาวมุสลิมทั้งหลาย ไม่ใช่แต่เฉพาะผู้ที่มั่งคั่ง ได้มีส่วนในการก่อสร้างศาสนสถานอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ร่วมกัน
มัสยิดสุลต่าน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติในปี ค.ศ. 1975 เป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนพี่น้องชาวมุสลิมในสิงคโปร์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ภายในสามารถรองรับผู้ทำพิธีละหมาดได้ถึง 5,000 คน ซึ่งหากไม่ได้ตรงกับช่วงการละหมาด นักท่องเที่ยวสามารถแวะเข้าไปชมด้านในได้
มัสยิด ฮาจจาห์ ฟาติมาห์ (Hajjah Fatimah Mosque) เสน่ห์แห่งวัฒนธรรมผสมผสาน
มัสยิดอีกแห่งในเส้นทางเดินสำรวจประวัติศาสตร์ของย่านกัมโปง กลาม คือ “มัสยิด ฮาจจาห์ ฟาติมาห์” ที่เป็นชื่อของสตรีนักธุรกิจผู้บริจาคที่ดินให้สร้างมัสยิด โดยสร้างในปี ค.ศ. 1846 มีเอกลักษณ์โดมรูปทรงหัวหอม และสถานที่สำหรับอาบน้ำละหมาดที่คล้ายบ้านของชาวมาเลย์ ภายในตกแต่งด้วยงานแกะสลักไม้รูปแบบดั้งเดิมในแบบมาเลย์-มุสลิม
ความงดงามของมัสยิดแห่งนี้ คือ รายละเอียดการตกแต่งที่มีกระเบื้องเคลือบแบบจีนที่นำมาตกแต่งตามลายลูกกรงของหน้าต่าง บนหอคอย และด้านบนสุดของโครงหลังคา โดยมีสิ่งที่น่าสนใจมาก คือ หอคอยซึ่งคล้ายกับยอดแหลมของโบสถ์คริสต์ เป็นหอคอย 8 เหลี่ยมแบบ 3 ชั้นจำนวนสองหลัง และพีระมิดยอดแหลม สะท้อนภาพความเป็นพหุวัฒนธรรมของย่านเก่าแก่ได้เป็นอย่างดี
ย่านแห่งวัฒนธรรมอาหารการกิน
กัมโปง กลาม เป็นแหล่งรวมร้านอาหารจากหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งมาเลย์ อินเดีย และตะวันออกกลาง มาไว้ด้วยกัน หนึ่งในดาวเด่น เช่น ร้าน Hjh Maimunah (Jalan Pisang) ซึ่งเป็นข้าวราดแกงแบบมาเลย์ ที่ได้รับการแนะนำโดยมิชลินไกด์ ในระดับบิบกูร์มองด์ นอกจากนี้ ร้านอาหารต่างๆในชุมชน ก็มีความหลากหลายจนกล่าวได้ว่า เป็นอีกย่านท่องเที่ยวที่มีอาหารอร่อยๆให้เลือกชิม
ฮาจิ เลน (Haji Lane) สตรีทอาร์ต งานคราฟต์ ดนตรี และสีสันยามค่ำคืน
Haji Lane (ฮาจิ เลน) หรือ ตรอกฮัจญี เป็นซอยเล็กๆ ไม่กี่ร้อยเมตร แต่อัดแน่นไปด้วยสีสัน เพราะเป็นแหล่งรวมบาร์ที่มีการแสดงดนตรีสด ร้านค้าแฟชั่นแบบฮิปๆ ร้านบูติก งานคราฟต์ งานอาร์ต ฯลฯ จึงเหมาะสำหรับการเดินเที่ยวชม ชอปปิง หรือถ่ายรูป
แม้เป็นย่านที่มีบุคลิกทันสมัย แต่ก็เป็นย่านธุรกิจการค้าเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 โดย “ฮัจญี” ก็เป็นชื่อซึ่งมีที่มาจากธุรกิจนายหน้าผู้แสวงบุญชาวอาหรับจำนวนมากรวมตัวก่อนไปร่วมพิธีฮัจย์สำหรับชาวมุสลิมในสิงคโปร์ และจากเกาะใกล้เคียง
ปัจจุบันที่นี่เปรียบเป็นตรอกที่มีชื่อเสียงมากอีกแห่งของสิงคโปร์ ถ้าไปกลางวันก็เป็นร้านรวงสีสันสดใส แต่ถ้าไปในเวลากลางคืนก็มีทั้งบาร์สำหรับนั่งฟังเพลงและร้านอาหารสไตล์ฮิปๆตลอดแนว
ข้อมูลการท่องเที่ยวสิงคโปร์: https://www.visitsingapore.com
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline