อาคารสีขาวแถบสีฟ้าทึบสถาปัตกรรมกอทิกสูงเด่นงามตระหง่านไม่ไกลจากแม่น้ำแม่กลอง คือ “อาสนวิหารแม่พระบังเกิด” สถานที่ศักสิทธิ์ของชาวคริสต์ ในจังหวัดสมุทรสงคราม และเป็นจุดหมายไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนอัมพวา
ตลาดน้ำอัมพวา เป็นจุดหมายท่องเที่ยวแนววิถีชีวิตที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งการท่องเที่ยวอัมพวาไม่ว่าจะเป็นเดย์ทริป หรือค้างคืน ก็ไม่ควรพลาดเพิ่มโปรแกรมไปชมความวิจิตรของโบสถ์คริสต์ที่มีความงามระดับประเทศ นั่นคือ “อาสนวิหารแม่พระบังเกิด” ในตำบลบางนกแขวก ที่ตั้งอยู่ห่างจากอัมพวาไปราว 8 กิโลเมตร
อาสนวิหารแม่พระบังเกิด เป็นอาสนวิหารประจำเขตมิสซังราชบุรี (เขตการแบ่งพื้นที่ในสมัยอดีต) สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1890 (ตรงกับปี พ.ศ.2433 สมัยรัชกาลที่ ๕) โดยบาทหลวงเปาโล ซัลมอน มิชชันนารีชาวฝรั่งเศส เพื่อเป็นเกียรติแก่การบังเกิดของพระแม่มารีย์ ถือเป็นสถานที่สักการะอันศักดิ์สิทธิ์ของคริสตชนนิกายโรมันคาทอลิก
ความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมกอทิกอันงดงามแห่งนี้ ใช้เวลาสร้างนาน 6 ปี ใช้ทุนจากญาติมิตรของบาทหลวงเปาโลซัลมอน และคณะมิชชันนารีกรุงปารีส สร้างด้วยอิฐเผา ผนังฉาบด้วยปูนตำกับกากอ้อยบด ทำให้ผนังของโบสถ์ด้านนอกออกเป็นสีเทา รูปแบบการก่อสร้างโครงสร้างสูง ที่ยอดเป็นหอสูงแหลมอยู่ข้างบน (ใช้เป็นหอระฆัง) ทำให้รูปร่างสูงระหงขึ้นสู่ฟ้า เพดาน ซุ้มประตูหน้าต่าง และซุ้มภายในมีส่วนโค้งที่แปลกกว่าส่วนโค้งของศิลปะอื่น เป็นส่วนโค้งที่มีจุดตัดอยู่บนสุด รูปแบบภายนอกของอาสนวิหารได้สัดส่วนสวยงาม
ภายนอกที่ว่างดงามแล้ว ภายในก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ประดับด้วยกระจกสี Stain Glass ที่สวยงามจากประเทศฝรั่งเศส ถือเป็นจุดเด่นมาก กระจกตามช่องซุ้มประตูและหน้าต่าง เป็นภาพรวมกันอยู่ภายในกรอบ
เมื่อพิจารณาภาพจากช่องที่มีแสงสว่างผ่าน ดูคล้ายกับภาพนั้นเขียนด้วยแก้วสีที่เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระนางมารีย์พรหมจารีตามคัมภีร์ไบเบิล รวมทั้งภาพบรรดานักบุญทั้งชายและหญิง มีรูปปั้น ธรรมาสน์ อ่างล้างบาป ขาเทียนลักษณะต่าง ๆ และรูปแกะสลักประดับบานประตู บรรยายเกร็ดประวัติในพระคัมภีร์คริสต์ศาสนาบางตอน ซึ่งประตูอาสนวิหารใช้ศิลปะไทยประยุกต์โดยใช้ศิลปะเครื่องเขินจากเชียงใหม่
ช่วงเหนือหน้าต่างแสดงภาพประวัติของพระนางมารีย์ พระมารดาของพระเยซูคริสต์ ตามนามของโบสถ์ โดยเริ่มตั้งแต่เหตุการณ์บังเกิดของแม่พระที่ตำแหน่งกลางโบสถ์ ในภาพเป็นรูปนักบุญอันนากับโยอาคิมกำลังอุ้มแม่พระ มีเทวดาบินอยู่รอบๆ ถือแผ่นป้ายมีข้อความว่า “พระนางพรหมจารีคือแสงทองอรุโณทัย” เป็นการเปรียบเทียบว่าการบังเกิดของพระนางมารีย์นั้นเสมือนเวลาเช้าของพันธสัญญาใหม่ หรือห้วงเวลาที่พระคริสต์กำลังจะเสด็จลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์
ถัดมาเป็นฉากประสูติของพระคริสต์ และช่วงชีวิตของพระนางมารีย์ที่ติดตามลูกชายไปเทศนายังที่ต่างๆ จนมาถึงกระจกสองบานสุดท้ายคือเหตุการณ์การสิ้นชีพของพระนาง ก่อนจะพระเป็นเจ้าจะทรงรับพระนางขึ้นสวรรค์ทั้งร่างกาย หรือที่เรียกเหตุการณ์การขึ้นสวรรค์นี้ว่า “อัสสัมชัญ” นับเป็นกระจกสีภาพประวัติของพระแม่มารีย์ที่ครบสมบูรณ์ที่สุดในไทย
ส่วนกระจกด้านล่าง แบ่งเป็น 2 ฝั่งซ้าย-ขวา ด้านขวาเป็นนักบุญอัครสาวกทั้ง 12 ซึ่งเป็นผู้ชายทั้งหมด ขณะที่ด้านซ้ายเป็นภาพนักบุญสตรีที่สำคัญ โดยเฉพาะนักบุญหญิงในยุคแรกเริ่มของคริสต์ศาสนา เช่น นักบุญอากาธา นักบุญเยโนเวฟา นักบุญเซซีลีอา เป็นต้น
กว่าที่อาสนวิหารแม่พระบังเกิด จะงดงามสมบูรณ์ให้เห็นในทุกวันนี้ ต้องผ่านอุปสรรคมากมาย ทั้งสภาพดินที่เป็นเลนอ่อนริมแม่น้ำแม่กลอง ทำให้มีปัญหาผนังของโบสถ์ทรุดตัวลง หรือการขาดแคลนทุนทรัพย์ รวมถึงความห่างไกลจากเมืองหลวงที่ทำให้การขนส่งวัสดุก่อสร้างเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ก็ได้กลายเป็นสถานที่สำคัญของชาวคาทอลิกในจังหวัดสมุทรสงคราม รวมถึงเป็นแลนด์มาร์กท่องเที่ยวด้านศาสนาที่มีชื่อเสียง
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง หมู่ 7 ตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ถนนหมายเลข 6002 ห่างจากตลาดน้ำอัมพวา ประมาณ 8 กิโลเมตร
ชมความงดงามของอาสนวิหารภายนอกได้ทุกวัน แต่สำหรับการเข้าชมภายใน ควรติดต่อขออนุญาตจากบาทหลวงผู้รับผิดชอบก่อนล่วงหน้า เพื่อติดต่อวิทยากรในการบรรยายและนำชม โทร. 034 -761347
อาสนวิหาร เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนา ควรแต่งกายสุภาพในการเข้าชม งดส่งเสียงดัง และสำรวมกิริยา
#######################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline